บาปกรรมของการทำแท้ง

พระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิม

2024-05-04 05:53:32 - mindcyber

ความเจริญทางวัตถุในปัจจุบันเติบโตรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัดแต่ทางตรงข้ามมโนธรรมสำนึกของมนุษย์กลับย่ำแย่ลงทุกวัน...

คนทุกวันนี้ต่างต้องเผชิญกับปัญหาหลายๆ ด้าน จนทำให้ศีลธรรมอันเป็นสิ่งที่ดีงามในจิตใจของมนุษย์นั้นนับวันยิ่งเสื่อมถอยเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผู้คนต่างหมางเมิน ไม่ได้ให้ความสำคัญในด้านคุณธรรมและศีลธรรมเท่ากับการดิ้นรนขวนขวายเพื่อปากท้อง การทำมาหากินอย่างเดียวยังไม่ได้ช่วยชีวิตจิตญาณของเราให้พ้นไปจากความทุกข์อันระทมขมขื่น เมื่อชีวิตประสบปัญหา ผลกระทบย่อมส่งไปถึงครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...

เมื่อครอบครัวแตกร้าว ความรัก ความอบอุ่น ความสุขในครอบครัวก็สูญสิ้น ความรู้สึกเหงาและเดียวดายมาห้อมล้อมแทนที่ เมื่อลูกๆ ขาดที่พึ่งจึงไปแสวงหาความรักความอบอุ่นนอกบ้าน ซึ่งล้วนเป็นความรักที่ฉาบฉวยไม่จริงใจ จนในที่สุดพลาดพลั้งเกิดตั้งครรภ์ ด้วยขาดสำนึกรับผิดชอบและความไม่พร้อมในการเลี้ยงดู จึงตัดสินแก้ปัญหาโดยการทำลายชีวิตทารกน้อยในครรภ์ด้วยการ ทำแท้ง...

สังคมในปัจจุบันกาทำแท้งนับวันยิ่งทวีจำนวพากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาวัยรุ่น มีการทำแท้งมากที่สุดอย่างน่าตกใจ ข่าวล่าสุดทางหน้าหนังสือพิมพ์ได้รายงานว่าขณะนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นมีการทำแท้งทารกในครรภ์มากถึง 40 000 คนต่อปี..

ที่น่ากลัวไปกว่านั้นในประเทศอินเดียจากผลการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ ระบุอาจมีทารกเพศหญิงในอินเดียถูกทำแท้งมากถึง 10 ล้านคนในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา...

รายงานดังกล่าวเผยแพร่ใน “แลนเซ็ต” วารสารทางการแพทย์อันโด่งดังของอังกฤษ ดร.ประพัท ชฮา หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ระบุผลการประเมินแต่ละปีจะมีทารกเพศหญิงหายไป 5 แสนคน ขณะที่สมาคมแพทย์อินเดียประเมินมีทารกอินเดียถูกทำแท้งปีละราว 5 ล้านคน

จากข้อมูลดังกล่าวบ่งบอกถึงสภาวะทางจิตใจที่ขาดเมตตาธรรมของผู้คนในสมัยนี้ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นหารู้ว่ากว่าจะได้เกิดกายเป็นมนุษย์นั้นโอกาสมีเพียงน้อยนิด ดังที่ครั้งหนึ่งพระสารีบุตรเคยทูลถามพระพุทธองค์ว่า...

“ การจะเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีโอกาสมากน้อยเพียงใดพระเจ้าข้าฯ ” พระพุทธองค์ไม่พูดอะไรเลย แต่ทรงใช้นิ้วมือแตะลงบนพื้นดินแล้วชูขึ้น ตรัสตอบกับพระสารบุตรว่า...

“มีเพียงแค่นี้... สารีบุตร ”

นั่นหมายถึง สรรพสัตว์ที่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ มีจำนวมากเทียบเท่ากับดินทั่วพื้นปฐพี แต่ที่สามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้...มีเพียงแค่ดินที่ติดป้ายนิ้วของพระพุทธองค์เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ในพระไตรปิฎกจึงมีพระพุทธพจน์ว่า...

“ กิจโฉ มนุษะ ปฏิภาโพธิ์ ”

การเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก...

ทุกวันนี้คนเราคิดทำอะไรมักหวังเพียงเพื่อความสุขสนุกสนานที่ผิดครรลอง มิได้คำนึงถึงจิตสำนึกที่ดีงาม เมื่อผิดพลาดไปแล้วมาเกิดความกลัวทีหลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงเตือนสติชาวโลกอยู่เสมอว่า “ พุทธะกลัวเหตุ ปุถุชนกลัวผล ”...

ในอายุวัฒนสูตร พระพุทธองค์ตรัสถึงบาปกรรมของการทำแท้งจัดอยู่ในอนันตริยกรรม อันเป็นบาปที่มีโทษหนักที่สุด...5 ประการ คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำให้สงฆ์แตกแยก ทำร้ายพระวรกายพระพุทธเจ้าห้อเลือด...

ดังนั้น การทำแท้งจึงมีบาปเท่ากับการฆ่าพระอรหันต์...

เหตุใดจึงมีบาปกรรมหนักเท่ากับการฆ่าพระอรหันต์ เนื่องจากว่าทารกในครรภ์ยังบริสุทธิ์ มิเคยสร้างบาปกรรมใดๆ เลย และไม่มีเหตุปัจจัยของการสร้างกรรม ชีวิตของเขาจึงบริสุทธิ์ดั่งพระอรหันต์ ดังนั้น การทำแท้งฆ่าเด็กทารกในครรภ์หนึ่งคนจึงมีบาปเท่ากับฆ่าพระอรหันต์หนึ่งพระองค์...

ในพุทธธรรมได้กล่าวถึงบาปแห่งการฆ่า ซึ่งเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีจิตญาณ การฆ่ามนุษย์นั้นนับได้ว่าบาปที่สุด แต่ทว่าการฆ่าเด็กทารกที่บริสุทธิ์เป็นบาปหนักยิ่งกว่า...

เพราะฉะนั้นการทำแท้งถือได้ว่าเป็นบาปอย่างมหันต์!...

พระพุทธองค์ยังได้ตรัสอีกว่า ผู้ที่เคยทำแท้ง ขณะมีชีวิตจะได้รับผลกรรมสนองจากโรคร้าย ป่วยหนัก อายุสั้น ครั้นหลังจบชีวิตลงแล้วจิตญาณต้องไปรับโทษในนรกเป็นเวลายาวนานอันมิอาจประมาณ หากวิญญาณเด็กแท้งผูกใจเจ็บติดความอาฆาตแค้น เมื่อเขาได้โอกาสกลับมาเกิดอีกครั้ง การสะสางบัญชีแค้นก็จะเปิดฉากขึ้นอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าแรงกรรมนั้นจะได้ชำระ แต่ก็ยังไม่สิ้นสุดตราบที่วิญญาณยังไม่อโหสิ...

หนังสือเล่มนี้ได้รับความเมตตาจากพระโพธิสัตว์กวนอิมเมื่อครั้งประชุมธรรมชั้นวิริยะญาณ ณ พุทธสถานเต๋อหยง อำเภอบ้านโปง จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2547 พระองค์มีพระดำรัสให้จัดพิมพ์เผยแพร่เพื่อเตือนสติผู้คนทั้งหลายให้บังเกิดจิตสำนึกต่อความผิดบาปที่ตนได้ก่อขึ้น...

คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้คนในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องตัณหาราคะ อันเป็นต้นเหตุที่มาของการทำแท้ง...

อีกประการ ปรารถนาให้ความรักความอบอุ่นบังเกิดขึ้นในทุกครอบครัว อันนำมาซึ่งสันติสุขในสังคมดังพระประสงค์ของพระโพธิสัตว์ฯ ที่ทรงมีพระมหาเมตตามหากรุณาชี้แนะมวลเวไนย์...

หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการจัดทำหนังสือเล่มนี้คณะผู้จัดทำยินดีน้อมรับคำชี้แนะ และขอองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมโปรดเมตตาประทานอภัย...

ด้วยจิตสำนึกคุณ

ฟาอีเหอซั่นหน่วยงานหมีเล่อ


บรรยายเหตุการณ์ในชั้นประชุมธรรม

ขณะนั้น...หัวข้อการบรรยายกำลังดำเนินถึงบทกตัญญุตาธรรม... ผ่านไปประมาณ 30 นาที...ได้มีเสียงร้องดังขึ้น ร่างสามคุณล้มฟุบลง กิริยาท่าทางและน้ำเสียงบ่งบอกได้ว่าเป็นเด็กทารกวิญญาณเด็กทารกในร่างสามคุณเข้ามาร้องขอให้หยุดการบรรยาย...

ไม่นาน...ก็ถอนญาณออกไป..

ครั้นแล้ว...ทิพยญาณของพระโพธิสัตว์กวนอิมก็ได้เข้ามาประทับในร่างสามคุณประทานพระโอวาท

 

เปล่าเปลี่ยวอ้างว้างและเดียวดาย

เหมือนแสงไฟสาดส่องให้เห็นได้

มีความสุขชุ่มชื่นดั่งอุ่นไอ

มอบให้ใช้เกิดกายมาเป็นคน

พลันแล้วหมู่เมฆกลับมืดครึ้ม

ความทุกข์เจ็บสาหัสรุมชักตรอมตรึง

ดับซึ่งแสงริบหรี่ที่ออกมา

ในวันนี้ขอเพียงเมธีได้รู้ค่า

ได้เกิดมาชมโลกที่สวยงาม

เราคือ

โพธิสัตว์ในชุดขาว          รับพระบัญชาจาก

องค์อนุตตรธรรมมารดา              ลงสู่แดนโลกีย์ แฝงกายกตัญชลี

องค์ธรรมมารดาเจ้า                    ได้พาวิญญาณน้อยมาสู่ประจักษ์สายตาได้เห็น

 

 

สรุปใจความสำคัญพระโอวาท

พระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตา

         พระโพธิสัตว์กวนอิมตรัส

           “หากเรามีความเชื่อมั่นและมีความจริงใจ ผลสนองนั้นย่อมประจักษ์ได้”

ยุคกาลเวลาคับขันในปัจจุบันทั้งสามภพภูมิ (เทพ ผี มนุษย์)ต่างได้รับการฉุดช่วยพร้อมทั่วกัน ยิ่งมนุษย์เรายังมีกายสังขารสามารถประกอบคุณงามความดีได้ทุกอย่างเป็นสิ่งดียิ่ง...

ขอให้มีความเชื่อมั่นว่าเวรกรรมมีจริง หากมีความเชื่อมั่นเช่นนี้ก็จะเกิดความระมัดระวังสำรวมยิ่งขึ้น เพราะกระทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับผลสนองนั้นอย่างหลีกหนีไม่พ้นดั่งเงาตามตัว...

ปัจจุบันการโปรดสามภพเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งและเป็นภาระหนัก ต้องมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ จึงสามารถร่วมมือร่วมใจ ร่วมแรงร่วมพลังฉุดช่วยสามภพได้ เบื้องบนอาศัยมนุษย์เป็นผู้ประกาศสัจธรรมแทนฟ้า ซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเรียนรู้สัจธรรมแห่งชีวิตเฉกเช่นพระโพธิสัตว์ที่รู้ซึ้งถึงการเกิดแก่เจ็บตาย หากรู้แล้วไม่นำไปปฏิบัติเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง เพราะสัจธรรมที่ประเสริฐเหล่านี้อาศัยระยะเวลายาวนานกว่าจะได้มารับรู้ แต่มาบัดนี้เราเพียงอาศัยเวลาไม่นาน เงินทำบุญเพียงเล็กน้อย และที่สำคัญอาศัยบุญสัมพันธ์ของเราจึงได้รับรู้สัจธรรมนี้...

เพราะฉะนั้น อย่าได้ดูแคลนบุญสัมพันธ์ของเราที่เคยสร้างไว้ในอดีตกาล สังคมมาถึงปัจจุบัน อีกทั้งบุญกุศลของบรรพชนที่ได้สร้างสมมานาน จึงส่งผลให้เราไม่หลงงมงาย สิ่งเหล่านี้มิได้เกิดขึ้นอย่างเลื่อนลอยหรือไร้ซึ่งเหตุผล แต่มีความเป็นมาและเป็นไป..

แม้วันนี้เราจะยังไม่กระจ่างแจ้งในบทกตัญญู แต่ควรเรียกจิตใต้สำนึกพุทธจิตในตัวเราออกมา เพื่อขอขมากรรมสำนึกความผิดบาปทางกายวาจาและใจที่เคยสร้างไว้ วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้สำนึกขอขมากรรมในสิ่งที่เคยทำผิดบาปตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าด้วยเจตนาหรือไม่ ขอให้สำนึกด้วยใจจริง อย่าได้ทำด้วยความเสแสร้งเพียงเพื่อแสดงให้เห็นเท่านั้น ตัวเราเท่านั้นที่รู้ ไม่สามารถหลอกผู้อื่นได้ หรือจะมีใครที่กล้าพูดว่าไม่เคยทำผิดบาปหรือไม่เคยสร้างความลำบากใจให้แก่บิดามารดา ซึ่งล้วนมีกันทุกคน วันนี้ถือเป็นโอกาสดีงามที่ได้สำนึกขอขมาด้วยใจจริง การสำนึกขอขมาแม้จะเป็นเพียงกระแสจิตแต่ก็สามารถรับรู้ได้ แม้เป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่ก็ได้มีจิตสำนึกด้วยใจจริง มีบางคนเท่านั้นที่สำนึกได้แต่บางคนก็ยังมิทันได้สำนึก เพราะความไม่แน่ใจ เพราะความลังเลสงสัย โอกาสผ่านไปแล้วไม่มีสิ่งใดย้อนหวนกลับมาได้เฉกเช่นวันเวลา...

                       บุญคุณพ่อแม่ต้องตอบแทน

                       กตัญญูต้องมีประจำในจิตใจ

                       กตัญญูคือคุณธรรมพื้นฐาน

 

( พระโพธิสัตว์พักให้โอวาทครู่หนึ่ง...)

มิต้องตกใจกับเสียงร้องไห้... นั่นเป็นวิญญาณทารกคนหนึ่งที่ติดตามเอามา ตอนนี้ให้ติดตามดูความเป็นมาของวิญญาณทารกน้อยผู้นี้ว่าทำไมถึงร้องไห้ ทำไมถึงต้องมา..

นี่คือเรื่องเวรกรรม ซึ่งจะนำพาวิญญาณทารกน้อยเข้ามาผูกบุญสัมพันธ์กับทุกท่าน...

หลังจากนั้น...พระโพธิสัตว์กวนอิมได้ถอนทิพยญาณออกจากร่างสามคุณ สักครู่ต่อมาวิญญาณทารกน้อยได้เข้าร่างสามคุณขณะนั้นอาจารย์ถ่ายทอดธรรมจูกั๋วจื้อเป็นประธาน อาจารย์จูเมตตาให้วิญญาณทารกน้อยแจ้งนามและเล่าความเป็นมา...

วิญญาณเด็กทารกร้องไห้งอแง...ร้องขอผ้าห่ม... หนาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว สักครู่จึงมีเสียงพูดออกมาความว่า...

เรายังเล็กนัก... ยังไม่มีชื่อ... ยังเป็นเด็กทารกเล็กๆ ที่อยู่ในครรภ์มารดา ก็ถูกแม่ใจร้ายทำแท้งเสียก่อน...

ตอนที่เป็นวิญญาณมีความรู้สึกดีใจ... เพราะกำลังจะได้มาเกิด... แต่พอใกล้เกิด แม่ก็ทำให้แท้งออกมา... ทั้งที่ได้เข้าฝันแม่ขอร้องแม่ให้เก็บลูกไว้... แต่พ่อแม่ใจร้ายไม่มีความรับผิดชอบ...

รู้สึกอิจฉาคนที่มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา... อยู่อย่างมีความสุข แต่หนูกลับต้องอาภัพไม่ได้เกิดมามองดูโลกทั้งที่เป็นทารกแล้ว... ไม่กี่เดือนก็จะคลอด ยังทำได้ลงคอ...

ไม่อยากบอกว่าชายหญิงคู่นั้นที่เป็นพ่อแม่คือใคร... สองคนนี้เป็นคนที่ทำงานกันคนละที่ พอถึงเวลาก็มาพบเจอกัน เพราะมีบุญสัมพันธ์กัน หนูจึงได้มาเกิดอยู่ในท้อง...

แม่ไม่เชื่อที่หนูเข้าฝันขอร้อง... กลับทำแท้งออกมาแล้วนำไปฝังไว้... หายใจไม่ออกจนตาย... ทั้งหลายเป็นผุยผง

วิญญาณจึงออกไปตามหาพ่อแม่ แต่ก็ไม่พบเจออีก เพราะวิญญาณหนูถูกจับไปอยู่ในที่ที่ของเด็กอยู่ ไม่มีโอกาสที่จะไปต่อรองกับแม่คนนั้นได้อีก...

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นผ่านไปไม่นาน... แม่เป็นชาวบ้านอยู่ในชนบท... แม่พาไปฝังไว้ในสวนหลังบ้าน...

ขณะที่วิญญาณทารกเล่าถึงตรงนี้... ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นในกลุ่มญาติธรรมฝ่ายหญิง ท่านอาจารย์ถ่ายทอดธรรมซุนได้เดินเข้าไปหาสตรีผู้นั้นแล้วปลอบใจให้สงบลง...

เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว วิญญาณทารกจึงได้เล่าต่อว่า...

เราเป็นเพียงวิญญาณเด็ก... ล่องลอยจนไปพบพระโพธิสัตว์กวนอิม จึงต้องการขอความเมตตาจากพระองค์ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมากเกินไปไหม !..

วิญญาณทารกน้อยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง...

บรรยากาศในชั้นประชุมเงียบสงัด จู่ ๆ ญาติธรรมคนที่ร้องไห้เมื่อสักครู่ปล่อยเสียงร้องโฮขึ้นมาอีก แต่คราวนี้ได้ลุกขึ้นแล้วพูดสารภาพความผิดของตนยอมรับว่าตนเองก็คือแม่ของเด็กทารกน้อยนั่นเอง...

แม่ของวิญญาณเด็กก็คือ คุณอัมพร ซึ่งเป็นญาติธรรมของพุทธสถานเมธาชุมนุม ( จวี้เสียนฝอถัง ) จังหวัดกาญจนบุรีซึ่งมีคุณดวงใจ เป็นผู้ส่งเสริมและพามาช่วยงานในชั้นประชุมพุทธาภิเษกสามวันครั้งนี้..

คุณอัมพร ขณะนั้นร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างยิ่งซบไหล่อาจารย์ซุนเดินออกมาหน้าชั้น แล้วโผเข้ากอดร่างสามคุณร่ำร้องพูดพร่ำพรรณา แล้วกล่าวขอโทษขอขมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่ามกลางความรู้สึกที่สะเทือนใจของญาติธรรมในชั้นประชุม

บรรยากาศในห้องประชุมขณะนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจและเสียงร่ำไห้ระหว่างแม่และลูก

วิญญาณเด็กได้พูดกับแม่ของตนเองว่า...

เพื่อไม่ให้แม่มีความผิดบาป ขอให้เล่าการกระทำทั้งหมดออกมาด้วยความจริง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่คิดจะทำแท้งอย่าได้คิดกระทำต่อไป เพื่อเป็นการสร้างบุญไถ่บาป และตนจะอโหสิกรรมให้กับแม่ เพราะถ้าไม่ยอมเล่า ตนก็ยังไม่ได้ไปเกิดใหม่

ทารกน้อยจึงอ้อนวอนขอให้คุณอัมพร เล่าเหตุการณ์ที่ได้ทำแท้งให้เป็นที่ประจักษ์ แต่คุณอัมพรกำลังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าจิตใจว้าวุ่นสับสนเกินกว่าที่จะเรียบเรียงเหตุการณ์ออกมาได้...

จนเวลาผ่านไป...วิญญาณทารกก็ยังพยายามคะยั้นคะยออ้อนวอนให้แม่สารภาพความจริง เพื่อตนจะได้รับบุญกุศลให้ได้ไปเกิดใหม่ในครอบครัวของผู้บำเพ็ญธรรม...

ทารกน้อยพยายามอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีกจนคุณอัมพรรับปากว่าจะพูดความจริง ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยแม่ของตนเกรงว่าวันข้างหน้าจะถูกซ้ำเติมครหาจากผู้ร่วมบำเพ็ญ จนทนบำเพ็ญต่อไปไม่ได้ วิญญาณทารกน้อยจึงขอคำมั่นสัญญาจากผู้เข้าประชุมอย่าได้ต่อว่าซ้ำเติมให้คุณแม่ได้รับความอับอาย... ซึ่งทุกคนในชั้นก็ให้สัญญา...

หลังจากนั้นคุณอัมพรได้ลุกออกจากหน้าชั้นประชุมกลับเข้าประจำที่นั่ง วิญญาณเด็กได้กล่าวต่อไปว่า...

ทันทีที่แม่ของหนูได้สารภาพความจริงออกมา จะก่อเกิดบุญกุศลให้หนู และก็ใกล้เวลาที่จะได้ไปเกิดใหม่ หนูอยากเกิดในครอบครัวบำเพ็ญธรรมไม่อยากเวียนว่ายไม่อยากทุกข์ทรมานอีก

อาจารย์จูได้เมตตาชี้แนะและกล่าวกับวิญญาณทารกน้อยให้ไปขอกับพระอาจารย์จี้กง ให้พระอาจารย์จี้กงเป็นประธาน โอกาสข้างหน้าเมื่อได้รับวิถีธรรมแล้ว ขอให้เร่งปฎิบัติบำเพ็ญ จิตญาณจะได้หลุดพ้นกลับคืน...

แต่ตอนนี้ขอให้ปล่อยวางความแค้น ความขุ่นเคือง ความรู้สึกที่ไม่ดีออกไป ให้อโสหิกรรมแก่คุณแม่...

วันนี้ที่มีโอกาสเข้ามาในพุทธสถาน ต้องสำนึกคุณต่อพระแม่องค์ธรรม พระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตานำพาดวงวิญญาณเข้ามาปรากฏที่นี่ ทำให้ผู้คนได้รับรู้เรื่องราวนี้ได้เป็นอุทาหรณ์  มิให้ผู้อื่นไปกระทำผิดอีก ก็จะได้บุญกุศล...

วิญญาณได้กล่าวต่อไปว่า...

แม้หนูจะเป็นวิญญาณเด็กทารก...ถึงแม้ว่ายังไม่ได้คลอดออกมา แต่จิตวิญญาณของหนูก็สามารถรับรู้ถึงทุกสิ่ง... เพราะวิญญาณของหนูอยู่อีกสภาวะหนึ่ง...

ขอกล่าวเตือนทุกคนที่มีลูกหลาน... อย่าได้กระทำเช่นนี้เลยเป็นบาปกรรมที่หนักยิ่ง ทั้งผู้กระทำและผู้สนับสนุนในการกระทำบาปเช่นนี้ทำคนเดียวไม่สำเร็จ ต้องอาศัยหลายคนช่วยกัน...

ดังนั้น หากพบลูกหลานคิดจะทำแท้ง.. ต้องช่วยกันเตือนบอกกล่าวให้รู้ว่า การทำแท้งผิดบาปยิ่งนัก อย่าให้สังคมต้องตกต่ำมากไปกว่านี้อีกเลย โปรดให้เด็กที่จะมาเกิดได้มีโอกาสเกิดมาเป็นคนด้วยเถิด... ให้เขาได้มีโอกาสสร้างบุญ เพราะนั่นแสดงว่าถึงเวลาของเขาแล้วที่จะมาเกิด หากไม่ให้เขาเกิดมาเราก็มีความผิดเพราะเราไม่มีสิทธิ์จะไปตัดสินชะตาชีวิตของใคร...

บางคนทำแท้งออกมาแล้ว ยังเอาร่างของเด็กนั้นไปทำสิ่งต่างๆนานา สะกดมนต์ ให้เด็กนั้นอยู่ในความดูแลของตัวเองซึ่งเป็นบาปมหันต์...

ความจริงแล้วเราไม่มีสิทธิ์จะไปบงการชีวิตของใครได้เลยเพราะชะตาชีวิตของแต่ละคนจะไปกำหนดบงการเขาไม่ได้...

ส่วนตัวหนูขณะนี้ก็กำลังรอบุญกุศลจากแม่ เพื่อเตรียมตัวจะได้ไปเกิดในครอบครัวผู้บำเพ็ญ และก็มีบุญสัมพันธ์กับหญิงคนหนึ่งที่ตั้งครรภ์ในห้องประชุมนี้...

อาจารย์จูจึงเมตตาเชิญคุณดวงใจ ซึ่งเป็นบุคลากรของสถานธรรม ขณะนั้นคุณดวงใจกำลังตั้งครรภด้ 7 เดือน พร้อมทั้งสามีคือ คุณกิตติพงษ์ ให้ออกมาหน้าชั้นนั่งข้างๆ ร่างสามคุณ..

อาจารย์ถ่ายทอดธรรมและญาติธรรมต่างแสดงความยินดีกับวิญญาณเด็กทารก รวมทั้งคุณดวงใจและคุณกิตติพงษ์ด้วย

คุณดวงใจและคุณอัมพรแม่ของวิญญาณเด็กมีบุญสัมพันธ์ร่วมกัน คุณดวงใจเป็นผู้ส่งเสริมนำพาคุณอัมพรมาโดยตลอด ชีวิตครอบครัวของคุณดวงใจที่ผ่านมาเคยประสบปัญหาเศรษกิจถึงขั้นวิกฤต ภาวะจิตใจถูกกดดันอย่างหนัก จึงทำให้เกิดความคิดจะทำแท้ง แต่ด้วยจิตที่มุ่งมั่นและศรัทธาในธรรม เข้าใจในกฎแห่งกรรมอดทนอดกลั้นจนสามารถฟันฝ่าเอาชนะความคิดเลวร้ายได้ และเปลี่ยนใจรักษาครรภ์เอาไว้จนได้มาประสบเหตุการณ์นี้...

วิญญาณทารกได้วอนขอให้คุณดวงใจและคุณกิตติพงษ์ยอมรับเขาไว้ให้เกิดมาเป็นลูก จะขอเป็นเด็กดี ได้มีโอกาสบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ซึ่งทั้งคู่ได้รับปากไว้ด้วยความยินดี จะให้ทารกน้อยได้เกิดมาไม่ต้องกังวล...

วิญญาณทารกน้อยยังกล่าวว่า...

ช่วงแรกพ่อแม่ต้องทนลำบาก อีกหน่อยก็จะไม่ลำบาก และขอขอบคุณพระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตา... ขอบคุณร่างสามคุณอาจารย์ บุคลากรและญาติธรรมทุกท่าน...

เมื่อพูดจบ วิญญาณทารกน้อยถอนญาณจากร่างสามคุณบุคลากรพาร่างสามคุณไปห้องพัก สักครู่หนึ่งพระโพธิสัตว์กวนอิมก็ได้เสด็จประทับทิพยญาณอีกครั้ง พร้อมกับได้เมตตาประทานโอวาทกับคุณดวงใจและคุณกิตติพงษ์ว่า...

เมื่อเด็กได้เกิดออกมาแล้วให้ดูแลเขาให้ดี... เขาอาจจะดื้อบ้างตามธรรมชาติของเด็ก...อย่าได้ถือสา เมื่อเขาโตขึ้นให้หมั่นตอกย้ำปณิธานของเขา... ช่วงนี้ชีวิตของทั้งคู่ดูเหมือนย่ำแย่ แต่ขอให้ทั้งสองอดทนฝ่าฟันไปแล้วทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น..

พระองค์ยังเมตตากล่าวกับบุคลากรทุกคนว่า...

เรื่องราวที่เกิดขึ้นให้นำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือ... เพื่อเป็นอุทาหรณ์เครื่องเตือนใจหนุ่มสาวในปัจจุบัน ให้รู้ว่าการทำแท้งเป็นบาปกรรมติดตามตัว จะปฎิเสธหรือหลบหลีกก็ไม่พ้น...

พระโพธิสัตว์ยังเมตตาคุณอัมพร ให้เล่าความจริงออกมาเพื่อเป็นบุญกุศลแก่วิญญาณเด็กน้อย แต่คุณอัมพรอยู่ในภาวะเศร้าโศกสับสนเครียดเกินกว่าจะเล่า อาจารย์จางหยูเอวี้ยนจึงได้พูดขึ้นว่า... หากคุณอัมพรไม่เล่า... ก็จะให้พระโพธิสัตว์กวนอิมเล่าเอง ซึ่งคุณอัมพรพยักหน้ายินยอม เพราะตนยังสับสนอยู่มาก

พระโพธิสัตว์ได้กล่าวเมตตาให้คุณอัมพรทบทวนให้ดีว่าได้กระทำสิ่งใดลงไป...ได้นำสิ่งใดไปฝัง ทำไมวิญญาณเด็กถึงบอกว่าหายใจไม่ออก... คุณอัมพรก็หายใจไม่ออก...ให้ตั้งสติคิดให้ถี่ถ้วนแล้วเล่าออกมา เพราะวิญญาณเด็กนอนฟังอยู่ข้างๆ...

บรรยากาศในขณะนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะคุณอัมพรไม่สามารถเล่าเรื่องออกมาได้...

พระโพธิสัตว์ฯ ได้กำชับบุคลากรอีกครั้ง ให้จัดเรียบเรียงนำเรื่องที่คุณอัมพรเล่าไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจชาวโลกในปัจจุบันให้กระทำเรื่องราวที่ผิดบาปเช่นนี้ เมื่อพระโพธิสัตว์กล่าวจบก็ได้ถอนทิพยญาณออกจากร่างสามคุณ...

หลังจากนั้นในเวลาประมาณหนึ่งทุ่มเศษ คุณอัมพรได้เริ่มเล่าเหตุการณ์ของตนในอดีตที่ผ่านมาให้นักบรรยายแซ่ฮวั๋งฟังสองต่อสองในห้องพัก... คุณอัมพรได้เล่าว่า...

เมื่อสามปีที่แล้ว... เดิมทีตนเองพักอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากมีแฟนจึงย้ายมาอยู่กับคุณแม่ที่อำเภอ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี...

ในช่วงเวลานั้น... ตนเองรู้สึกว่าน้ำหนักตัวเพิ่ม เริ่มท้วมขึ้นกลัวไม่สวย กังวลว่าแฟนจะทิ้ง เนื่องจากขณะนั้นแฟนซึ่งมีอาชีพเป็นนักดนตรี ไปเป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี และมีนิสัยค่อนข้างเจ้าชู้..

ความคิดที่จะลดน้ำหนักจึงเกิดขึ้น... ก็เลยกลับไปปรึกษาคุณแม่ ให้คุณแม่ไปซื้อยาลดความอ้วนชนิดแคปซูลและสมุนไพรมาตั้งอยู่ในกระโจม ในวันแรกที่อบสมุนไพรก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ

จนมาถึงวันที่สอง... ร่างกายชักเริ่มออกอาการ รู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก จุกเสียด...แน่นหน้าอก...เหมือนจะเป็นลม จากนั้นมีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด... ร่างกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจึงเข้าไปพักผ่อน...

คิดในใจว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือเปล่า... เพราะช่วงนี้อยากรับประทานของเปรี้ยวๆ... ระสึกคลื่นเหียนอาเจียนจนผิดสังเกตญาติพี่น้องตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะแพ้ท้อง...

ในตอนนั้น...ความรู้สึกลึกๆ ของตนก็ชักเอะใจเหมือนกันว่าตนคงตั้งท้องเป็นแน่... แต่เพราะความกังวลเรื่องความอ้วน กลัวแฟนจะทิ้ง... จึงลืมเรื่องผิดชอบชั่วดี ละเลยความรู้สึกนี้ไป... จนในที่สุดก็ยังคงจะลดความอ้วนต่อไปอย่างไม่ลดละความพยายาม...

อบสมุนไพร...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะมีอาการจุกเสียดหายใจไม่ออกกตาม ยังอุตสาห์ส่ายตะโพก ซิทอัพทั้งท่ายืนและท่านอนใช้มือทั้งตบทั้งตีหน้าท้องของตนด้วยความรุนแรง เพื่อรีดไขมันให้ละลาย ยอมอดทนทำทุกวิถีทางเพื่อให้น้ำหนักตัวลด หวังว่าแฟนกลับมาจะได้มองไม่เห็นความอ้วน...

ด้วยความกลุ้มกังวล...แคร์ความรู้สึกของแฟนมาก จนบางครั้งเคยตัดพ้อตนเองและระบายความกดดันที่ตนเก็บกดให้กับคุณแม่สั่งว่า...ถ้าเรื่องตั้งครรภ์เป็นความจริง จะเอาไม้แขวนเสื้อแทงก้อนเลือดในครรภ์ให้แท้งอย่างกับในทีวีเลย...

และแล้วอยู่มาวันหนึ่ง...ขณะอาบน้ำ ได้มีเลือดไหลออกมากองบนพื้น... ทั้งที่รู้เห็น...แต่คุณอัมพรก็ไม่ทันฉุกคิด ถึงแม้ว่าผ้าอนามัยที่ใช้อยู่จะมีก้อนเลือดและก้อนเนื้อติดออกมาด้วย...

จากนั้น...คุณอัมพรจึงได้นำผ้าอนามัยและก้อนเลือดไปฝังไว้ที่ลานอาบน้ำใต้ต้นมะม่วง...

ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คุณอัมพรเคยฝันว่ามีเด็กมาหา...นำแหวนมาสวมให้ที่นิ้วมือ... แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ คิดว่าเป็นแค่เพียงความฝัน...

และก่อนจะมาร่วมงานประชุมพุทธาภิเษก คุณอัมพรก็ได้ฝันเห็นเด็กมาหา...และก็เข้าไปอุ้ม... ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงเกิดความพูกพันรักใคร่กับเด็กน้อยคนนี้มาก...

ครั้นตื่นขื้นมา..ก็นึกไม่ออกว่าทำไมถึงฝันเห็นเด็กน้อยคนนั้นอีก แล้วทำไมจึงรู้สึกผูกพันกับเด็กน้อยที่อยู่ในความฝันเสียเหลือเกิน

จากวันนั้นจนมาถึงงานประชุมในวันนี้... ซึ่งตรงกับวันทำบุญครบ 100 วัน (เสียชีวิตแม่) ญาติๆได้เลื่อนกำหนดวันทำบุญให้แก่คุณแม่ออกไป จึงทำให้คุณอัมพรได้เข้าไปหาคุณดวงใจและคุณกิตติพงษ์ ทั้งสองจึงชวนมาร่วมงานประชุมธรรม ตั้งใจว่าจะตามมาช่วยแค่เพียงวันเดียว...

วันแรกของการประชุม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เสด็จประทับญาณท่านคือมหาเทพฮั่นจงหลี่ (หนึ่งในแปดเซียน)... พระองค์ได้ขอให้ทุกคนอยู่ให้ครบทั้งสามวัน คุณอัมพรจึงจำใจต้องมาในวันที่สองอีกครั้ง จนได้มาพบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้...

คุณอัมพร เล่าเหตุการณ์ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของวิญญาณทารกน้อย...รู้สึกบาดใจอย่างบอกไม่ถูก... จิตใจแสนปวดร้าว... ยิ่งเข้าไปอยู่ใกล้ร่างสามคุณ...ได้สวมกอด... เห็นสีหน้าและแววตาของลูกที่มองตน สัญชาตญาณในสายเลือดสายสัมพันธ์ทำให้สัมผัสได้ทันทีว่า...นี่คือลูกของเรา...

ในใจคิดว่าเป็นวิบากกรรมในอดีตชาติ คาดไม่ถึงเลยว่าเป็นดวงวิญญาณของทารกที่เราได้ทำแท้งในเมื่อไม่นานนี้เอง...ด้วยความรู้สึกสำนึกต่อความผิดที่ตนได้กระทำพลั้งไป จึงพยายามขอโทษและขอขมาทารกน้อยในสิ่งที่ตนเองได้กระทำและสำนึกผิดด้วยใจจริง...

อยากจะเตือนทุกคนอย่าได้คิดทำแท้ง ถึงแม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ล้วนเป็นความผิดบาปมหันต์.. เป็นมลทินที่ติดตรึงฝังใจเราไปตลอดกาล

เข้าสู่วันที่สามของการประชุมธรรมพระพุทธะจี้กงได้ประทับทิพยญาณเมตตากล่าวกับคุณอัมพรว่า...

เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่มีใครปรักปรำ กรรมใดใครก่อ...เมื่อถึงเวลาย่อมได้รับด้วยตนเอง เวลาที่วิญญาณทารกน้อยยืมร่างสามคุณและได้ร่ำไห้ ทำไมคนตั้งมากมายไม่รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ทำไมเจ้ากลับรู้สึก สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนเราไม่สามารถเกิดขึ้นโดยไร้เหตุปัจจัย...

ในช่วงชั่วโมง “เสียงสะท้อนจากใจ” อาจารย์ถ่ายทอดธรรมเมตตาให้ญาติธรรมในชั้นออกมาพูดความในใจ มีพยาบาลท่านหนึ่งออกมาสารภาพว่า... ตนเคยเป็นผู้ช่วยแพทย์ทำแท้งมาก่อนตอนที่วิญญาณทารกมาปรากฎ ตนรู้สึกเสียวแปล๊บถึงสันหลัง ภาพของผู้หญิงที่ตนเคยช่วยทำแท้งขึ้นมาหลอนให้เห็นอยู่ตลอด...

หลังจากปิดประชุมแล้วมีญาติธรรมหญิงหลายท่าน ได้เข้าสารภาพว่า...ตนเองก็เคยทำมาก่อน รู้สึกละอายใจเหลือเกิน!...

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เนื่องมาจากเหตุปัจจัยสุกงอมและบุญสัมพันธ์ร่วมกันของญาติธรรมที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ได้เกี่ยวกรรมในเรื่องทำแท้ง ด้วยเหตุนี้ พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงได้นำพาดวงวิญญาณทารกน้อยที่ถูกทำแท้งมาเป็นประจักษ์นั่นเองขอบคุณพระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตา..

 

(กาพย์ยานี 11)

           พระโพธิสัตว์โปรด          ให้รู้โทษแห่งบาปกรรม

เวไนย์ ผู้ใฝ่ธรรม                        เร่งน้อมนำใส่กมล

จิตใหม่ได้กำเนิด                        สุดประเสริฐเกิดเป็นคน

ด้วยสั่งสมกุศล                          เพียรจวบจน ณ กาลนี้

           เปล่าเปลี่ยวมาเดียวดาย  ดั่งดำว่ายใต้นที

และแล้วประหนึ่งมี                     แสงสว่างกระจ่างใส

ชี้นำซึ่งหนทาง                           สู่โลกกว้างศิวิไล

วาดหวังเลอเลิศไว้                      จักเกิดใหม่พร้อมใจงาม

           แล้วดั่งต้องพายุ             โถมทะลุด้วยจิตทราม

ทำลายหมายหยาบหยาม                        เพียงฤทธิ์ดำฤษณา

ไม่พร้อมให้ชีวิต                          ถลำจิตผิดกามา

ไม่หยั่งยั้งตัณหา                        หรือแม้ว่าจะป้องกัน

           ทำให้อุบัติแล้ว               เป็นก่องแก้วเกิดชีวัน

จิตอันพิสุทธิ์นั้น                         ยังมิทันสร้างกรรมใด

ระงับการกำเนิด                         คือละเมิดอันยิ่งใหญ่

ผิดเท่าทำบาปไป                                    เทียมฆ่าไท้อรหันต์

           “กิจโฉ มนุษะ               ปฏิภาโพธิ์” พยันต์

เกิดเป็นมนุษย์นั้น                       แสนยากอนันต์สุดประมาณ

บาปของผู้ทำแท้ง                       พระสูตรแจ้งเป็นหลักฐาน

หนึ่งในห้าประการ                      อนันตริยกรรม

           ผู้ใดฆ่าแม่พ่อ                มันนั้นหนอพึงจดจำ

อรหันต์ไซร้ใครยีย่ำ                     แม้กระทำท่านถึงตาย

อีกองค์พระพุทธา                       กล้ำกายา ธ หมองหมาย

ห้อโลหิตอันตราย                       ล้วนผิดร้ายอย่างมหันต์

           ผู้แยกแตกหมู่สงฆ์          ก็พึงจงรู้เท่าทัน

ห้าเหตุที่ก่อนั่น                           มันบาปหนากว่าสิ่งใด

ผลาญพล่าชีวาลูก                     กรรมพันผูกตลอดไป

นรกหมกไหม้ใจ                          สุดบรรยายในโทษฑัณท์

           เพราะเห็นผิดเป็นชอบ     ออกนอกกรอบจารีตนั้น

เผลอพลั้งจนตั้งครรภ์                 แล้วคิดสั้นบั่นทำลาย

หากยังมีชีวิต                             แม้รู้ผิดยังมิสาย

บาปอันสุดแสนร้าย                    บรรเทาได้ด้วยรู้ธรรม

           สำคัญคือสำนึก             พึงรู้สึกที่ก่อกรรม

ปรับจิตปรุงใจย้ำ                        เพียรบำเพ็ญให้เป็นบุญ

สั่งสมทุนกุศล                            เป็นธารปนจนนำหนุน

ละลายบาปด้วยบุญ                   เร่งเพิ่มพูนคุณความดี

           ละวางเว้นกรรมชั่ว          เลิกเมามัวมั่วโลกีย์

กลัวกรรมตามราวี                       เสริมสร้างศรีที่จิตใจ

เลิกเบียดเบียนชีวิต                     แม้เพียงคิดก็ผิดได้

เรารักตัวกลัวตาย                                   สัตว์ทั้งหลายก็เช่นกัน

           อยากลบล้างความผิด     ชำระจิตให้เฉิดฉัน

ปณิธานยึดมั่น                           เลิกพัวพันสรรพ์อบาย

อดีตของพรุ่งนี้                           เริ่มใหม่ที่บัดนี้ได้

ผ่านวันคืนฝันร้าย                       ด้วยหัวใจใฝ่ศรัทธา

           อธิษฐานอุทิศ                ด้วยดวงจิตขอขมา

แน่วแน่แผ่เมตตา                                   อโหสิมิจองเวร

กุศลสั่งสมสร้าง                         ส่องสว่างทางให้เห็น

มุ่งมั่นหมั่นบำเพ็ญ                     ดับทุกข์เข็ญเป็นสุขเอย

 

ดำฤษณา – ตัณหา,ความอยาก,ความปรารถนา, ความดิ้นรน

พยันต์ – ซึ่งจาระไน, แยก, กระจ่าง

 

วิธีแก้กรรม

ชาวโลกมักสร้างเวรกรรมโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นถ้าจะหลีกเลี่ยงจากหนี้เวรกรรมก็จงหยุดก่อเวรสร้างกรรม หรือกล่าวโทษให้ร้ายผู้อื่น ไม่ก่อเรื่องเดือดร้อน นินทาวิพากวิจารณ์ รู้จักให้อภัยอดทนอดกลั้น อ่อนน้อมถ่อมตน ก็จักไม่มีเวรกรรมต่อกัน...

อนึ่ง ถ้าจะแก้กรรมในชาติปางก่อนหรือชาตินี้ที่ได้กระทำไปจงอย่าได้โทษฟ้าโทษดิน  ตนเองยอมขอขมากรรมสำนึกในความผิดที่ได้กระทำมาแล้วในชาตินี้ จวบจนชาติที่แล้วๆ มา อีกทั้งตั้งคำอธิฐานโดยศรัทธาจริงใจ หันมาทำความดีสร้างบุญกุศลไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ (ปล่อยสัตว์ กินเจ) เพื่อเอากุศลนี้ไปไถ่บาปจึงจะสามารถแก้กรรมได้...

กรรมใดที่ก่อกรรมนั้นย่อมติดตามให้ผลในไม่ช้า ถึงแม้จะไปสวดมนต์วอนขอจากที่ไหนๆ ก็ตาม กรรมนั้นก็มิอาจแก้ได้มีแต่การทำความดีสร้างบุญกุศลเท่านั้น เช่น พูดธรรมะ ชี้แนะให้คนละชั่วทำดี พิมพ์หนังสือธรรมะแจกจ่าย ฯลฯ ผลบุญเหล่านี้แรงมาก เบื้องบนจึงจะลดหย่อนผ่อนโทษ และอนุญาตให้นำบุญนี้มาชดใช้กรรมเก่า เมื่อนั้นหนี้เวรกรรมก็จักค่อยๆหมดไป


More Posts