ปฐมสาธุการพจน์ ของบุพพาจารย์หันเซียงจื่อ

ตรัสแนะน้อมนับถือเทวราชโองการ

2024-05-04 06:20:33 - mindcyber

ในมหาพิภพนี้ พระอริยเจ้า พระพุทธเจ้า เทพยดาได้ทรงตรัสโอวาทไว้โปรดสรรพสัตว์ และเก็บสะสมไว้ให้ชนรุ่นหลัง สุดที่จะคณานับ แต่จะหาหนังสือที่เสมือนเทวราชโองการนั้นไม่ได้ง่าย ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้เรียบเรียงเป็นข้อๆให้โลกมนุษย์ทราบถึงกฎแห่งกรรม บาปบุญคุณโทษที่มนุษย์สร้างไว้ในปัจจุบัน จะมีผลสนองทั้งปัจจุบันทันด่วน และภพหน้าอีกชั่วกัปชั่วกัลป์ หนังสือได้บรรยายถึงความหฤโหดน่าเวทนาของนรกขุมใหญ่น้อย รวมทั้งสิ้นหนึ่งร้อยสามสิบแปดแห่ง ให้ผู้คนอ่านแล้วรู้สึกสะพรึงกลัว และสำนึกต่อบาปกลับตัวกลับใจกลายเป็นคนดี นี่คืออานิสงส์อันใหญ่หลวงของหนังสือเล่มนี้แล

โอ้... มนุษย์เราหมื่นแสนล้วนไม่เสมอเหมือน ผู้เป็นมหาปราชญ์รู้ซึ้งถึงความดีเพื่อกลับสู่ปฐมภูมิ ท่านจะขัดเกลาจิตชำระใจ บำเพ็ญตนจนถึงขั้นสภาวะเป็นสุญตารู้แจ้งแจ่มจรัส ประกายประภาเจิดจ้าจรดฟ้าทั่วมหาสมุทรจนสำเร็จสัมมาสัมโพธิญาณ หลุดพ้นเหนือสามภพ ฉะนั้น

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบาปบุญคุณโทษต่อท่าน เพราะบุญวาสนาพร้อมมูลอยู่กับพระองค์ท่านแล้ว แต่ปุถุชนทั่วไปมักถือสิ่งสมมุติเป็นเรื่องจีรัง ความฟุ้งเฟ้อชั่วคราวเป็นของยั่งยืนลุ่มหลงบ่วงรัก จิตสำนึกเลอะเลือน แหวกว่ายอยู่แต่ในโอฆสงสารไม่เกรงกลัวต่อบาป ทำทุกอย่างตามแต่ตนปรารถนาคนพวกนี้หารู้ไม่ว่า ตายแล้วต้องไปรับโทษบาปในนรกภูมิและปรโลกอีกด้วยเรามาดูเหล่าขุนพลหรืออำมาตย์ในอดีต และปัจจุบันหลายคนเกิดจากความคิดชั่ววูบ ทำให้ตัวเองต้องตกนรกหมกไหม้ จนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด อย่างเช่น ขุนพลไป๋ฉี่ในรัฐฉินด้วยความโมโหโทโสชั่วขณะ สั่งประหารเชลยศึกสี่แสนคนของรัฐเจ้า บาปกรรมนี้ทำให้เขาต้องไปเกิดเป็น สุกร งูตะขาบ อีกหลายภพหลายชาติ และทุกชาติล้วนถูกฟ้าผ่าตายหลังจากนั้นยังต้องไปรับโทษในนรกภูมิ แช่อยู่ในหนองอาจมตลอดกาล

อำมาตย์หลี่หลินผู่ในสมัยราชวงศ์ถัง ได้สร้างห้องจันทร์เสี้ยวในจวนท่าน ไว้สำหรับวางแผนกลั่นแกล้งใส่ร้ายเข่นฆ่าข้าราชการตงฉิน (ข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริต) ในยุคนั้นมิรู้เท่าใด จนกระทั่งคนในยุคนั้น ได้ให้ฉายาเขาว่า “ท่านแมวหลี่” เมื่อหลี่หลินผู่จบชีวิตลง นอกจากรับโทษทัณฑ์ ในนรกภูมิแล้ว ยังต้องกลับชาติมาเกิดเป็นโสเภณีอีกเจ็ดชาติเกิดเป็นโคกระบืออีกเก้าชาติ จากนั้นต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์น้ำทุกชาติไป

ขุนพลเฉาฮั่นในสมัยราชวงศ์ซ่ง เนื่องจากยุทธการศึกเมืองเจียงเฉิง ด้วยความโทสะ สั่งเข่นฆ่าประชาชนเจียงเฉิงทั้งเมือง หลังเฉาฮั่นเสียชีวิตแล้ว ได้มาเข้าฝันกับผู้คนว่าเนื่องจากเขาอหังการชั่ววูบ ได้เข่นฆ่าประชาชนนับไม่ถ้วนจนเป็นบาปมหันต์ ตายแล้วต้องไปเกิดเป็นสุกรอีกร้อยชาติรับกรรมครบแล้ว ยังต้องถูกจองจำอยู่ในขุมนรกอเวจีมหานรกตลอดกาล

โอ้...นี่แล เวลาในโลกมนุษย์แปดร้อยปี เทียบเท่ายมโลกแค่ครึ่งคืน พระสูตรตรัสไว้ว่า “ไตรวิถี กรรมสนองร้อยพันกัป ถึงเมื่อใดจึงจะได้เกิดอีกหน” ซึ่งน่าเวทนายิ่งนักตัวอย่างที่ยกมานี้ ในหนังสือประวัติศาสตร์ล้วนมีบันทึกสามารถตรวจสอบได้ ไตรศาสนาเกิดจากมูลธรรมเดียวกันต่างใช้ปณิธานเมตตาจิต มาโปรดสรรพสัตว์ ล้วนสอนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าโลกมนุษย์หรือยมโลก การแยกแยะผิดถูกดีชั่ว จะเป็นคนบ้าหรือเป็นนักปราชญ์ มีเส้นแบ่งเขตอยู่เส้นเดียว ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในชั่วพริบตา ถ้าผู้ใดสามารถหักห้ามใจตัวเอง เลือกอยู่ฝ่ายธรรมะ ก็จะหลุดพ้นจากบ่วงกรรม ปรมาจารย์ขงจื๊อได้ตรัสไว้ว่า “สิ่งที่ขัดต่อจารีตประเพณี และศีลธรรมอย่าไปดู อย่าไปฟังอย่าไปพูด และอย่าไปปฏิบัติ นี่คือหลักการของการหลุดพ้นจากปุถุชนจนได้เป็นปราชญ์” และท่านยังตรัสอีกว่า“สามารถฝึกจิตตนให้มั่นคงในคุณธรรมศีลธรรม อย่าปล่อยให้จิตเกิดความสับสน ก็คือเข้าสู่อาณาเขตแห่งพระอริยเจ้าแล้ว” บุพพาจารย์เม่งจื๊อตรัสไว้ว่า “น้อยคนนักที่สามารถแบ่งเขตระหว่างคนและสัตว์ แต่ผู้ใดสร้างแต่กุศลกรรม ลูกหลานผู้นั้นย่อมมีความเจริญรุ่งเรือง” พุทธาจารย์ถือการนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเพื่อลดละกิเลส บุพพาจารย์เต๋ายึดถือการรักษาความสมดุล อยู่อย่างพอเพียง และอิงกับธรรมชาติ หลักการเหล่านี้ควรปฏิบัติต่อเนื่อง โดยไม่ละเว้นด้วยเหตุหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างมนุษย์กับกิเลส คือหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นกับความตาย คือหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างบาปบุญคุณโทษฉะนั้น มนุษย์เราจะไม่อ่านเทวราชโองการ และพึงสังวรมิได้

ฟ้าดินมีเมตตาจิตต่อสรรพสัตว์ เง็กเซียนฮ่องเต้เทวราชเจ้า โปรดเกล้าให้ยมศาสดาแห่งแดนสนธยา(พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เจ้า) รับสนองพระราชโองการบทบัญญัติอภัยโทษมาประกาศสู่โลกภูมิ เพื่อให้มนุษย์มีโอกาสปรับปรุงแก้ไข สำนึกผิดขมาบาป และกลับตัวเป็นคนดีจะได้ขึ้นสู่แดนสวรรค์ด้วยกัน เง็กเซียนฮ่องเต้ยังตรัสด้วยสีพระพักตร์ที่เคร่งขรึมอีกว่า “ปฐมเทวราชโองการฉบับนี้ นักพรตอี้เจินฟันจื่อได้รับจากบุพพาจารย์ตั้นชือ ซึ่งเป็นโองการที่ผ่านการตรวจสอบทุกถ้อยคำทุกตัวอักษรจากนรกทั้งสิบตำหนักมาแล้ว ทั้งยังได้รับการนิพนธ์สาธุการพจน์จากพระอาจารย์เราเทพเจ้าฝูอี้ว พระอาจารย์ท่านยังได้รับสั่งให้เราแถลงไขให้ทราบว่า รอคอยผู้มีบุญวาสนา นำโองการฉบับนี้ไปเผยแผ่สู่ชาวโลก และเป็นรัตนคติพจน์สืบไปชั่วกาลนาน

บุพพาจารย์หันเซียงจื่อประทับทรงสาธุการพจน์ ณยอดพิมานเฝิงไหล

วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปี จี่ซื่อ (ค.ศ. 1809 ) รัชกาลเจียชิ่ง (ค.ศ.1796-1820)

More Posts