เทพเมิ่งผอ

2024-05-04 07:04:02 - mindcyber

เทพเมิ่งผอ เกิดในต้นราชวงศ์ฮั่น (ก่อน ค.ศ. 222 ถึง ค.ศ.220) ได้เรียนหนังสือ และสวดมนต์ภาวนาตั้งแต่เด็กเป็นคนที่เรื่องอดีตไม่ระลึก เรื่องอนาคตไม่กังวล ช่วงมีชีวิตอยู่มีแต่แนะนำคนละเว้นการฆ่าสัตว์ กินอาหารมังสวิรัติเมื่ออายุ 81 ถึงผมจะขาวโพลนแต่หน้าตายังเหมือนเด็ก เป็นสาวพรหมจาริณีชั่วชีวิต ทราบแต่ตัวเองแซ่เมิ่ง แต่ไม่รู้ตัวเองชื่ออะไร ฉะนั้นคนทั่วไปจึงเรียกท่านว่า “คุณยายเมิ่งผอ”

คุณยายเมิ่งผอ ได้บำเพ็ญพรตภาวนาธรรมตามป่าเขาจนถึงปลายราชวงศ์ฮั่น (ค.ศ.25 ถึง ค.ศ. 220 ) ช่วงนั้นมนุษย์ที่มีวิชาแกร่งกล้าสามารถระลึกชาติ ชอบเที่ยวตามหาเครือญาติเหล่ากอ ชอบอวดสติปัญญาแสดงความเฉลียวฉลาด เปิดเผยความลับในยมโลก ด้วยเหตุนี้เง็กเซียนฮ่องเต้พระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์ ทรงมีพระบัญชาแต่งตั้งแม่นางเมิ่งผอเป็นเทพในแดนสนธยา สร้างหอ “ลืมชาติ” ขึ้น 1 หอ อนุญาตให้มีสิทธิคัดเลือกเจ้าหน้าที่ผีมาใช้งาน นำวิญญาณผีที่ผ่านการพิจารณาตัดสินจาก 10 ตำหนัก ว่าควรไปเกิดเป็นมนุษย์ ณ ที่แห่งหนใดเข้ามาในหอลืมชาตินี้ ใช้ยาพื้นบ้านของชาวโลกมาผสมกลั่นเป็นน้ำยาที่ดูแล้วคล้ายเหล้าแต่ก็ไม่ใช่เหล้า มีรส ขม หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด บรรดาวิญญาณที่จะไปเกิดใหม่ ต้องถูกส่งมาดื่มน้ำเมานี้ เพื่อให้ลืมเรื่องราวต่างๆ ของอดีตชาติเมื่อไปเกิดในโลกมนุษย์ จะมีอาการ บ้างเหม่อลอยน้ำตาไหล บ้างหัวเราะจนเหงื่อตกบ้างวิตกจริตจนน้ำมูกน้ำตาไหล บ้างร้องห่มร้องไห้หรืออารมณ์ฉุนเฉียว บ้างถ่มน้ำลายหรือวิตกหวาดหวั่น วิญญาณผีต่างจะนำโรคาพยาธิ 1 หรือ 2 หรือ 3 ส่วนติดตัวไป ถ้าเป็นวิญญาณที่มีกุศลมาก เกิดใหม่จะมี หู ตา ที่ว่องไว จมูก ลิ้นที่มีความสัมผัสดีกว่าเก่า ร่างกายแขนขาที่แข็งแรงกว่าเก่าแต่ถ้าวิญญาณที่มีบาปมาก ไปเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ ซุ่มเสียงสติ ความเฉลียวฉลาด สังขาร จิตวิญญาณเลือดเนื้อ กำลังขวัญจะแย่กว่าเก่า หรือค่อยๆ ถูกบั่นทอนจนเหลือแต่สังขารที่อ่อนล้า สภาพเช่นนี้เป็นสิ่งบอกเหตุ เตือนให้มนุษย์ต้องรีบสำนึกผิด และมุ่งทำแต่ความดี

หอลืมชาติ ตั้งอยู่ข้างหน้าตำหนักของพญายมราชนอกสะพานวัฏฏะทั้ง 6 แห่ง ตำหนัก 10 เป็นหอสูงใหญ่รอบหอได้สร้างห้องซึ่งมีระเบียงติดต่อกันได้รวม 108 ห้อง ด้านตะวันออกของหอมีทางเล็กๆ อยู่สายหนึ่ง กว้างแค่ 1 ฟุต 4 นิ้วจีนทอดยาวไปยังสะพาน บรรดาวิญญาณชายหญิงที่ถูกส่งมาถึงที่นี่ เดินผ่านห้องระเบียง ซึ่งข้างในมีถ้วยชามน้ำดื่มคอยต้อนรับ วิญญาณผีจะดื่มมากดื่มน้อยแล้วแต่ความต้องการ แต่ถ้ามีผีเจ้าเล่ห์ที่ไม่ยอมดื่มน้ำล้างความทรงจำ เดินผ่านจุดตรวจใต้ขาจะปรากฏตะขอมีดเกี่ยวขาไว้ ข้างบนจะมีท่อทองแดงทิ่มแทงมายังลำคอ เมื่อวิญญาณผีได้รับความเจ็บปวด เจ้าหน้าที่ก็จะกรอกน้ำลืมตนใส่ปาก วิญญาณผีที่ดื่มน้ำล้างความทรงจำเรียบร้อยแล้ว มีอาการสะลึมสะลือ เจ้าหน้าที่จะประคองวิญญาณเหล่านั้น เดินออกจากเส้นทางเล็ก ผลักขึ้นสะพานลอยที่สานจากไม้ไผ่ผูกด้วยเชือกปอ ข้างล่างสะพานเป็นสายธารน้ำเลือดสีแดง ยืนอยู่กลางสะพานแลตรงไปฝั่งผาหินที่อยู่ตรงกันข้าม จารึกตัวหนังสืออยู่ 4 บรรทัดอักษรแต่ละตัวมีขนาดใหญ่เท่ากับถังตวงข้าวสาร มีใจความว่า “เกิดเป็นมนุษย์แสนง่ายไซร้ คนเป็นมนุษย์นั้นไม่ง่ายหวนเกิดมนุษย์ยากยิ่งหลาย จะเกิดแดนบุญนั้นไม่ยากปากใจตรงกันย่อมทำได้”

เมื่อวิญญาณผีกำลังอ่านบทความบนหน้าผา ฝั่งตรงข้ามปรากฏยมบาลรูปร่างสูงใหญ่สองท่าน แยกเป็นสองข้างกระโดดมายืนกลางเหนือน้ำ ท่านหนึ่งใส่หมวก และชุดเสื้อลายปักสีดำ มือถือพู่กันและสมุด หลังบ่าสะพายดาบคู่เอวแขวนเครื่องพันธนาการ ตาถลนทั้งสองข้าง ชอบหัวเราะเสียงดัง มีนามว่าหัวอู๋ฉาง (ชีวิตไม่จีรัง) ยมบาลอีกท่านหนึ่งหน้าตาเกรอะกรังด้วยเลือด ใส่ชุดสีขาว มือถือลูกคิดบ่าพาดย่ามข้าว อกแขวนกระดาษเงินกระดาษทองชอบถอนหายใจ มีนามว่าเซิงสื่อโหย่วเฟิน (เกิดหรือตายล้วนถูกลิขิต) เร่งรัดผลักดันเหล่าวิญญาณให้กระโดดลงแม่น้ำสีแดง วิญญาณที่มีมูลธรรมเบาบางก็ดีอกดีใจ กระโดดโลดเต้นที่จะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ วิญญาณที่มีมูลธรรมหนักแน่นก็รันทดสะอื้น โกรธเกลียดตัวเองช่วงมีชีวิตอยู่ กุศลกรรมสร้างไม่มากพอ อานิสงส์ไม่สามารถครอบคลุมถึงชาติที่จะเกิดใหม่ รากแห่งความทุกข์ยากไม่สามารถสลัดทิ้งวิญญาณผีชายหญิง หลงหลายเมามาย ต่างกระโดดเข้าสู่ห้องเกิดอินหยาง (หญิงชาย) แปรเปลี่ยนอึดอัดงงงวย กลับหัวไม่เป็นเสรี จนกระทั่งเท้าทั้งคู่กระทืบเยื่อรกแตก ร้องอุแว๊หลุดออกจากครรภ์มารดา เวลานานเข้าก็หลงใหลรสชาติอาหาร ไม่ห่วงสรรพชีวิต โพธิจิตค่อยๆ สูญสิ้น ผิดต่อพระเมตตาของพระพุทธโพธิสัตว์เจ้า และเทพเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ ไม่ห่วงใยบั่นปลายชีวิตจะลงเอยด้วยวิถีใด จะสิ้นอายุขัยอย่างสงบหรือตายอย่างทรมาน

ข้อความ 32 บรรทัดข้างต้นนี้ เป็นการทูลเกล้าของเจ้าหน้าที่อาลักษณ์หอลืมชาติ และได้รับการโปรดเกล้าจากเง็กเซียนฮ่องเต้เทวราชเจ้าให้บันทึกรวมลงในเทวราชโองการประกาศให้ทั่วโลกมนุษย์รับทราบ

More Posts