การเผยแผ่ของเทวราชโองการ

2024-05-04 07:13:03 - mindcyber

ยุคทั่วพิภพสันติสุข (คำว่าไท่ผิงมีเสียงคล้องจองกับศักราชไท่ผิงของแคว้นเหลียว) วันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 เป็นวันฉงเหยียงตรงกับวันอู้เฉิน ปีเกิงอู่ (ค.ศ.1030) อาตมาตั้นชือขึ้นเขาจาริก ในช่วงคลุมเครือเวิ้งว้าง ได้เห็นแผ่นป้ายศิลา สลักอักษรจีนโบราณ 32 คำ มีใจความว่า “ไร้กระทำมหามรรค ฟ้าย่อมรู้ วิสัยคน ไร้กระทำลึกซึ้งยิ่งวิญญาณผี ปรากฏร่าง มโนกรรม จิตนึกคิด ผีรับรู้ เสียงใจคน กรรมชั่วก่อวิบากเพิ่ม ธรณีรวบวิญญาณคน”และเห็นประตูสีแดงบานโหญ่ซึ่งตอกด้วยตะปูทอง บนประตูแขวนป้ายจารึกอักษร 4 ตัว “ออกอุบัติ เข้ามรณะ” อาตมากำลังยืนเพ่งพิศ ก็ปรากฏกุลบุตรเสื้อเขียวดึงอาตมาหลบเข้ามุมประตู และให้คุกเข่าก้มกราบบนชานบันได จากนั้นถอยมายืน ณ ข้างล่าง

เพลานั้น พญายมราชทั้ง 10 ตำหนัก นำเหล่าตุลาการพิพากษาเดินตรงมาจากด้านนอก ตรงเข้าห้องโถงใหญ่ของพระตำหนัก เพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพญายมเฟิงตูมหาราชเจ้า เมื่อถวายพระพรเรียบร้อยแล้วพญายมเฟิงตูมหาราชเจ้าทรงตรัสว่า “พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เจ้า ทรงมีพระเมตตาโปรดสรรพวิญญาณ ความผิดที่ทำไว้เมื่อช่วงเป็นมนุษย์ของเหล่าวิญญาณผี ถ้าใครรู้สำนึกผิด และปรับปรุงแก้ไขในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ ให้ลดหย่อนผ่อนโทษหรือนิรโทษมิต้องรับทุกข์ทรมาน เหล่าทวยเทพได้รวบรวมเป็นญัตติขึ้นทูลเกล้าถวายเง็กเซียนฮ่องเต้เทวราชเจ้า พระองค์ท่านได้โปรดเกล้าเป็นพระราชโองการ บันทึกลงในหนังสือเทวราชโองการประกาศให้โลกมนุษย์ และยมโลกปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ตั้งแต่พระราชโองการฉบับนี้ โปรดเกล้ามาถึงตำหนักเรา ยังไม่พบผู้มีบุญบารมีมารับมอบเทวราชโองการแล้วคืนชีพไปเผยแผ่สู่โลกมนุษย์ ปัจจุบันนักพรตตั้นชือ ซึ่งยืนอยู่ ณใต้บันไดพระตำหนักนี้ เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยบุญบารมีสามารถรับมอบหน้าที่นำพระราชโองการไปเผยแผ่ ณ โลกมนุษย์ เมื่อได้บุคคลที่เหมาะสม ตุลาการพิพากษารีบนำเทวราชโองการ และคติพจน์ของเหล่าทวยเทพคัดรวมเป็นเล่ม

ก่อนหน้านี้ เง็กเซียนฮ่องเต้มีพระราชโองการว่าศัพท์แสงที่ยุ่งยากในฎีกาต่างๆ ที่ถวายให้พระองค์ และชื่อจริงประวัติจริงของเหล่าทวยเทพล้วนให้ตัดออก ให้บันทึกเพียงแต่เทพเจ้าองค์นั้น พระโพธิสัตว์องค์นี้ พญายมราชตำหนักนั้น ตุลาการพิพากษาท่านนั้นเป็นต้น หรือใช้คำว่า“เรา ข้าพเจ้า” แล้วต่อท้ายด้วย “พูดว่า ตรัสว่า” คำศัพท์ตัวอักษรในญัตติต่างๆ ให้ตรวจตราอย่างละเอียดถี่ถ้วนมิให้ตกหล่น หรือเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้บุรุษเพศหรือสตรีเพศในโลกมนุษย์ง่ายต่อการรับรู้ ขอให้ทุกท่านน้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

เมื่อวันเจี่ยเฉิน ปลายวสันต์ ปีหยึนอู่ เราได้ถวายฎีกาทูลเกล้าเง็กเซียนฮ่องเต้ว่า ชาวโลกมีการเล่าลือ และเข้าใจผิดเรื่องยมโลกหลายประการ ควรชี้แจงให้แจ่มแจ้ง เพื่อมิให้เรื่องจากการรับรู้ที่ผิด ยิ่งเล่าก็ยิ่งผิด พระองค์ท่านอนุญาตให้บันทึกข้อความชี้แจงนี้รวมไว้ในเทวราชโองการ พญายมราชทั้ง10 ตำหนักต่างยินดีปรีดา หยิบพู่กันมาบันทึกเพิ่มเติม

พญายมเฟิงตูมหาราชเจ้าทรงตรัสว่า “เมืองผีอาฆาตล้อมรอบอยู่ด้านขวาของตำหนักเรา ชาวโลกเข้าใจผิดคิดว่าวิญญาณผีที่ถูกปรักปรำจนตาย ถูกเข่นฆ่าประหารโดยไร้ความผิด หรือถูกหลอกลวงจนฆ่าตัวตาย ล้วนต้องมารับทุกข์ทรมานในเมืองนี้อีก คำเล่าลือที่ผิดๆ นี้ ทำให้ชาวโลกเข้าใจว่าเป็นความจริง มนุษย์ควรเข้าใจว่า ผู้ที่ถูกปรักปรำจนตาย แล้วยังจะให้เขามารับทุกข์โดยไม่มีความผิดได้อย่างใด แต่ไหนแต่ใดมา ที่อนุญาตให้วิญญาณอาฆาตเหล่านี้มาอยู่ในเมืองนี้ ก็เพื่อรอคอยฆาตกรหรือผู้ให้ร้ายหมดอายุขัยแล้วถูกจับมาพิจารณาโทษในเมืองนี้ เพื่อให้วิญญาณรับเคราะห์ได้คลายความแค้น จนกระทั่งวิญญาณรับเคราะห์ครบวันกำหนดไปเกิดใหม่ ผีฆาตกรจึงถูกจัดส่งไปตำหนักขุมนรกต่างๆ ลงโทษรับทุกข์ ไม่ใช่ว่าบรรดาผีถูกปรักปรำล้วนต้องมารับโทษในเมืองนี้ ถ้าหากผู้ตายเป็นผู้ภักดี ซื่อสัตย์กตัญญู ผดุงคุณธรรม หรือทหารตำรวจที่พลีชีพเพื่อชาติ พลีชีพเพื่อพระมหากษัตริย์ คนเหล่านี้ตายแล้วได้เกิดเป็นเทพหรือตายแล้วให้วิญญาณเขาครบสัดส่วน จากนั้นส่งไปเกิดณ แดนบุญทันที มีเหตุผลอันใดให้เขามารับทุกข์ในเมืองผีอาฆาต

หนองโสโครกด้วยเลือด ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของตำหนักเรา ชาวโลกฟังคำพูดของพระภิกษุ และภิกษุณีทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า สุภาพสตรีตั้งครรภ์คลอดบุตร มีความผิด เมื่อสิ้นชีพแล้ว ต้องมาอยู่ในหนองโสโครกด้วยเลือดนี้ นี่เป็นความเชื่อที่เหลวไหล การคลอดบุตรของสตรีบุตรคลอดยากจนตัวตาย ร่างศพเปรอะเปื้อนเลือด ก็ไม่มีความผิดที่จะต้องส่งมาอยู่ในหนองนี้ แต่ถ้าผู้หญิงหลังคลอดบุตรไม่ถึง 20 วัน ก็เข้าใกล้เตาไฟ บ่อน้ำ ซักเสื้อผ้าแล้วตากไว้ที่สูง การกระทำเช่นนี้ จะมีความผิด ความผิดเช่นนี้ ผู้ปกครองของหญิงต้องรับผิดชอบไปสาม ส่วนฝ่ายตัวผู้หญิงเองรับผิดชอบไปเจ็ดส่วน

สาเหตุการสร้างหนองโสโครกด้วยเลือด ไม่ว่าชายหญิงช่วงเป็นมนุษย์มีการร่วมประเวณีต่อหน้าพระพุทธรูป ต่อหน้าปฏิมากรเทพเจ้า ร่วมประเวณีในโบสถ์ วิหาร อาราม หรือร่วมประเวณีในวันต้องห้าม เช่น วันขึ้น 14 ค่ำ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 5 วันขึ้น 3 ค่ำ วันขึ้น 13 ค่ำเดือน 8 วันขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 วันเวลาดังกล่าว ชายหญิงมีการร่วมประเวณีผิดข้อบังคับ นอกจากเทพจะลงโทษให้เกิดโรคร้ายจนตาย หลังจากรับทุกข์ในขุมนรกต่างๆ แล้ว ยังต้องมาแช่อยู่ในหนองโสโครกด้วยเลือดไม่มีวันได้ผุดได้เกิด

ชายหญิงที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทำให้เลือดสัตว์กระเซ็นไปเปรอะเปื้อนเตาไฟ รูปพระ รูปเจ้า อารามวิหาร คัมภีร์พระสูตร หนังสือตำรารวมถึงเครื่องใช้ในการเซ่นไหว้ เมื่อสิ้นชีพหลังจากรับทุกข์ทรมานในขุมนรกต่างๆ แล้ว ยังต้องถูกส่งมาแช่อยู่ในหนองเลือดแห่งนี้ และไปผุดไปเกิดได้ยากนอกจากญาติพี่น้อง ลูกหลานในโลกมนุษย์ ยอมตั้งปณิธานละเว้นการฆ่าสัตว์ ซื้อชีวิตสัตว์ปล่อยแทนคนตายจนครบจำนวน ทำพิธีทางศาสนา ไหว้พระถือศีลกินแจ สวดอภิธรรมสวดมนต์ขจัดเลือดโสโครก จึงสามารถพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ได้

ชาวโลกไม่ว่าชายหรือหญิง ได้เห็นได้ฟังสรรพสัตว์ประสพทุกข์ภัย ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตัวเองมีความสามารถช่วยเหลือผู้อื่นแต่ไม่ยอมช่วย เป็นคนที่มีคุณไม่ทดแทน แต่มีแค้นต้องชำระ ถึงจะหมั่นทำบุญสวดมนต์ เพื่อหวังจะสำเร็จเป็นเซียนเป็นเทพ คนเช่นนี้ ถึงตายแล้วไม่ต้องรับทุกข์ทรมานในขุมนรกต่างๆ แต่ต้องถูกลงโทษไปเป็นเจ้าเขา (สิงอยู่ในร่างสัตว์) นางไม้ ภูผีปีศาจ(ที่อาศัยอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร) ผีเขา ผีดิบ สัตว์ประหลาดในน้ำ วิญญาณเร่ร่อนหรือสิงสถิตตามสัตว์เจตภูต (สัตว์ที่มีสัญชาตญาณคน) เช่น หมาจิ้งจอก หมีคน หมีควาย งูนาค เป็นต้น ในระหว่างสิบถึงร้อยปี ถ้าสามารถบำเพ็ญตนตื่นจากความลุ่มหลง คืนสู่ภูมิเดิม รักษาระเบียบวินัยก็สามารถกลับคืนแดนบุญ ถ้าไม่สำนึกผิด ปรากฏร่างออกอาละวาดทำร้ายคน ก่อกรรมสร้างเวรจนบาปเต็มอัตราจะถูกฟ้าผ่าตายเป็นเปรต ไม่มีวันผุดวันเกิด

ชาวโลกมีการเข้าใจผิดไปบูชาเทพนิธิ (เทพขุมทรัพย์)เป็นเรื่องเหลวไหล เหตุปรากฏเทพนิธิ เนื่องจากมนุษย์ไม่ว่าชายหญิงช่วงมีชีวิตอยู่ นำทรัพย์เงินทองไปฝังหรือเก็บซ่อนไว้ เมื่อตายแล้วยังห่วงสมบัติไม่ยอมปล่อยวางวิญญาณยังสิงสถิต ณ บริเวณขุมทรัพย์ กลัวคนมาขุดค้นมีใครเข้าใกล้ ก็จะปรากฏร่างทำให้ผู้นั้นหวาดกลัว ถ้าใครบุญน้อยอายุสั้น ก็จะกลัวจนเจ็บไข้ได้ป่วยหรือถึงกับสิ้นชีพตักษัย แท้จริงแล้ววิญญาณที่เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์มักเป็นวิญญาณขุนนางเก่าก่อน เนื่องจากเป็นคนโง่งมหลงใหลแต่เรื่องสมบัติ ถึงตัวตายยังไม่รู้สำนึก ผีสางเทวดาระลึกถึงเขาช่วงมีชีวิตไม่ได้ทำผิดอะไร เลยปล่อยให้เขาเฝ้าสมบัติ ณที่นั่น นี่เรียกว่า ผีตรากตรำทรัพย์ จนกระทั่งได้สดับตรับฟังพระสูตรประโยคที่ว่า “กายมิใช่ของตัวเรา (อนัตตา)เบญจขันธ์ล้วนว่างเปล่า” จึงพลันสำนึกว่า แม้กายยังมิใช่ของของเราไฉนทรัพย์สินเงินทองเล่า เมื่อสำนึกก็ปล่อยวางไปเกิดในแดนบุญ บางทีอาจมีผีหลงงมงายเฝ้าแต่ทรัพย์สมบัติจนตายกลายเป็นเปรต จำใจจำจาก คอยผู้มีบุญมีวาสนามารับขุมทรัพย์ ชาวโลกท่านใด ถ้าหากได้ฟังได้เห็นว่าที่ใดมีผีสาง สิ่งแปลกประหลาดปรากฏ กล้าไป ณ ที่นั้นตั้งปณิธาน และสาบานว่า ถ้าได้พบทรัพย์สินเงินทอง จะนำ3 ใน 10 ส่วนทำบุญอุทิศกุศลให้เจ้าทรัพย์ นำ 3 ใน 10 ส่วนซื้อชีวิตสัตว์ปล่อย นำ 1 ใน 10 ส่วนช่วยเหลือคนจน ที่เหลือ3 ส่วนจึงเป็นของตนจะมีเทพเจ้าช่วยเหลือให้ขุดพบขุมทรัพย์โดยไม่มีผีสางมาขัดขวางทำร้าย

บรรดาทหารหาญที่รับใช้ชาติ เมื่อรับคำสั่งไปปราบปรามกบฏต่อต้านอริราชศัตรู ตั้งใจทำงาน พิชิตข้าศึกไม่มีการปล้นสะดมเข่นฆ่าชาวบ้าน เผาบ้านวางเพลิง ชำเราสตรี ถึงต้องสู้จนตัวตาย ศีรษะร่างกายถูกแยกชิ้นส่วนซากศพถูกทอดทิ้ง วิญญาณไปถึงยมโลก ยมบาลก็จะนิรโทษกรรมที่เคยก่อ ให้ร่างวิญญาณคืนสภาพปกติครบถ้วน ขานชื่อในตำหนักที่ 1 เรียบร้อยแล้วส่งตรงไปยังตำหนักที่ 10 จำหน่ายเกิดในแดนบุญ ไม่ว่าจะเกิดเป็นสตรีเพศหรือบุรุษเพศ ล้วนจะถูกระบุสิ้นชีพอย่างสงบถ้าหากมนุษย์ที่ชอบตีรันฟันแทง ต่อสู้จนตาย หรือติดตามโจรกบฏจนถูกฆ่าตาย ไม่เพียงแต่ไม่ยกโทษยังต้องเพิ่มโทษเท่าตัว พิจารณาโทษทัณฑ์ตามความผิดที่เคยก่อชาวโลกล้วนพูดว่า ยมโลกมีนรก 18 ขุมเท่านั้น ผิดแล้วแท้จริงคือ นรกใหญ่ 8 ขุม ดังต่อไปนี้

สัญชีวมหานรกที่ตำหนัก 2

กาฬสุตตมหานรกที่ตำหนัก 3

สังฆาฏมหานรกที่ตำหนัก 4

โรรุวมหานรกที่ตำหนัก 5

มหาโรรุวมหานรกที่ตำหนัก 6

ตาปมหานรกที่ตำหนัก 7

มหาตาปมหานรกที่ตำหนัก 8

อเวจีมหานรกที่ตำหนัก 9

นอกจากมหานรกทั้ง 8 ขุมนี้แล้ว แต่ละขุมมหานรกยังตั้งอีก 16 ขุมอนุนรก รวมทั้งหนองโสโครกด้วยเลือด เมืองผีอาฆาตที่อยู่ในตำหนักข้าพเจ้า นรกใหญ่เล็ก ทั้งหมดรวม138 ขุม ทั้งยังมีนาบเสาไฟทองแดง การลงทัณฑ์ของแต่ละทัณฑสถาน ถึงนักโทษผีถูกทำโทษจนหนังไหม้เนื้อหลุดเส้นเอ็นขาด กระดูกแหลกเหลวเครื่องในตับไตไส้พุง หรือแม้แต่เส้นผมก็ยังไม่มีเหลือ แต่วิญญาณเหล่านี้ถูกจำหน่ายไปอีกทัณฑสถานหนึ่ง ดวงวิญญาณจะกลับสู่สภาพเช่นช่วงแรกตาย สยายผมเปลือยกายร่อนจ้อน ไปรับโทษในขั้นตอนต่อไปทุกตำหนักทุกขุมนรกล้วนอยู่ในสภาพเช่นนี้ จึงชี้แจงให้โลกมนุษย์ทราบ อย่าเข้าใจผิดคิดว่ายมโลกมีนรกเพียง 18 ขุมเท่านั้น

มนุษย์ร้อยปีผ่านง่ายดาย แต่ถ้าหากมนุษย์ที่แต่งหนังสือลามก วาดภาพโป๊ (ถ่ายรูปโป๊ ถ่ายหนังลามก) เขียนตำรายาทำแท้ง ตำรายาสลบ เป็นต้น ถึงตัวตายตกนรกถูกทำโทษ แต่กรรมชั่วที่สร้างไว้ ยังขยายผลในโลกมนุษย์หนังสือลามก ภาพโป๊ตำรายาแท้ง ยาสลบ ตราบใดยังไม่

สูญหายไปจากโลก วิญญาณบาปถึงผ่านไปพันหมื่นกัป ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้น จากการรับทุกข์ทรมานตามขุมนรกต่างๆในยมโลก

พญายมราชทั้ง 10 ตำหนักบันทึกเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว มอบให้ตุลาการพิพากษาแยกกันคัดรวมเป็นเล่ม

พญายมราชทั้ง 10 ตำหนัก ยมทูตหนองโสโครกด้วยเลือด พิพากษาเมืองผีอาฆาต ต่างถวายบัญชีรายชื่อ1 เล่ม ตั้งแต่เง็กเซียนฮ่องเต้โปรดเกล้าเทวราชโองการมานักโทษผีทั้งร้อยกว่าขุม ผ่านการตรวจตราอย่างละเอียดพบว่าวิญญาณผีนรกช่วงที่ยังเป็นมนุษย์ เคยสร้างกุศลแนะนำผู้อื่นทำความดี ส่วนมากเกิดจากการคุยโวเรื่องบาปบุญคุณโทษ กฎแห่งกรรมในร้านขายหนังสือหรือตามแผงขายหนังสือ ซึ่งไม่ใช่เกิดจากจิตกุศลโดยสุจริตใจ เพียงอาศัยเหตุคุยโวแนะนำบุคคลอื่นทำความดี แต่ผู้มีมูลธรรมลึกซึ้งฟังแล้วรู้สึกตระหนัก ปรับปรุงแก้ไขในสิ่งผิด 1 ถึง 2,3,4,5รายการ คนเหล่านี้ยังควรถือว่าได้สร้างกุศลกรรม แนะนำบุคคลอื่นแก้ไขในสิ่งผิด ให้ถือเป็นวิญญาณที่สามารถนิรโทษกรรม วิญญาณเหล่านี้รวบรวมได้ทั้งหมดมีห้าหมื่นสี่ร้อยแปดสิบรายชื่อ เวลานี้พญายมราชทั้ง 10 ตำหนักได้มีมติ ให้วิญญาณผีเหล่านี้ไปเกิดเป็นมนุษย์ แยกเป็นชายหญิง ยากจนต่ำต้อย หรือมีโรคาพยาธิ หรืออายุสั้น ให้แยกย้ายไปเกิดเป็นลูกเต้าของครอบครัวแสนยากจนลำบาก รับทุกข์ทรมานทั้งหมดจัดส่งไปหอลืมชาติ ให้ดื่มน้ำลืมความทรงจำส่งไปเกิดเป็นมนุษย์ทันที จากนั้น ถวายหนังสือเทวราชโองการทั้งฉบับแด่เฟิงตูมหาราชเจ้า

เมื่อพญายมเฟิงตูมหาราชเจ้าอ่านจบ ก็รับสั่งให้เหล่าตุลาการพิพากษาทั้งทหาร และพลเรือน สั่งเหล่ายมทูตและผีนิรโทษ ให้ยืนเรียงรายเป็นรูปเหลี่ยมแปดทิศ สองมือประเคนหนังสือเทวราชโองการ ยืนตรงอ่านสวดเสียงดังพร้อมกัน บรรดาวิญญาณผีทั้งหลายต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ กล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า “เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ขอให้ไม่หูหนวกตาบอด พอมีปัญญาอ่านออกเขียนได้ ถ้าได้อ่านได้ฟังหนังสือเทวราชโองการแล้ว จะน้อมนำไปปฏิบัติอย่างแน่นอน”

เพลานั้น ประกายรัศมีสุพรรณรังสีปรากฏ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (เจ้าแม่กวนอิม) ทรงเสด็จ พญายมเฟิงตูมหาราชเจ้านำพญายมราชทั้ง 10 รีบลุกออกจากตำหนักคุกเข่าน้อมกายคำนับ ณ ชานบันได พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สำแดงเป็นรูปเทพเจ้าภคติกาย (เทพเจ้าราชาแห่งผี) ร่างใหญ่ผิวดำ ธรรมลักษณ์เคร่งขรึม ทรงเทศนาพระสัทธรรมว่า “เง็กเซียนฮ่องเต้เทวราชเจ้า ทรงโปรดเกล้าตามคำทูลของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ และพญายมราชทั้ง 10 ตำหนัก อนุญาตนิรโทษหรือลดโทษให้มนุษย์ไม่ว่าชายหญิงที่เคยกระทำผิด แต่รู้สำนึก และแก้ไขในสิ่งผิดกลับตัวเป็นคนดี โปรดเกล้าประกาศหนังสือเทวราชโองการให้ทุกคนรู้จักทำคุณไถ่โทษ เพื่อลดโทษหรือไม่ต้องรับทุกข์ทรมานในนรกภูมิ จำหน่ายวิญญาณผีที่เคยทำความดีรู้สำนึกผิดไปเกิดใหม่ เรารู้สึกยินดีปรีดายิ่งนัก บัดนี้จะมอบให้นักพรตตั้นชือ นำหนังสือเทวราชโองฉบับนี้ไปประกาศให้ชาวโลกรับทราบ เราขอให้มนุษย์ทั้งหลายเมื่ออ่านเทวราชโองนี้แล้ว รีบแนะนำบุคคลอื่นทำความดีบังเกิดโพธิจิต ตั้งใจปฏิบัติตามคำสอน มุ่งมั่นเผยแผ่ไปทั่วโลก หากสามารถทำให้ภูเขามีด ต้นไม้ดาบกลายเป็น ที่ราบขุมนรกว่างเปล่า (แม้ชั่วขณะ) คนผู้นั้นจักต้องสำเร็จเป็นพระปัญญานำกุศลพ้นบ่วงกรรมพุทธเจ้า” พญายมมหาราชเจ้า และพญายมราชทั้ง 10 ตำหนัก พนมมือนมัสการกล่าว“ต้องสำเร็จพระโพธิญาณแน่นอน”

พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้าทรงตรัสอีกว่า “ชาวโลกและบุคคลใดในไตรศาสนา สามารถแปลหนังสือเทวราชโองการ หรือแปลทับศัพท์ และอธิบายความรวบรวมทำเป็นบทสวด โปรดผีวิบากกรรมในนรกภูมิให้พ้นจากบ่วงกรรมคนผู้นั้นจักต้องสำเร็จเป็น พระเมตตากรุณาบุญญาธิการอนุตรธรรมพุทธเจ้า” เหล่าตุลาการพิพากษาล้วนพนมมือนมัสการกล่าว “ต้องสำเร็จพระโพธิญาณแน่นอน”

พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทรงเทศนาพระสัทธรรมต่อว่า “กุลบุตรกุลธิดาในโลกมนุษย์ ได้อ่านได้ฟังเทวราชโองการมีจิตน้อมระลึกพระกรุณาธิคุณเสมอ ไม่ว่าในกิริยาบทอันใดจนบังเกิดจิตปัญญาปารมิตา โปรดสรรพสัตว์ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต ล้วนรู้สำนึก ทำทักษิณานุประทานแก่ญาติวงศ์และบรรพบุรุษให้หลุดพ้นจากบ่วงวิบากกรรม ไม่แบ่งแยกเขาเรา จตุทิศล้วนเสมอภาค โปรดสรรพวิญญาณไร้ญาติในขุมนรกให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรม ขุมนรกว่างเปล่า คนผู้นั้นจักต้องสำเร็จเป็น พระอารีไพศาลปลดทุกข์บรรเทาภัยพุทธเจ้า” เหล่าวิญญาณล้วนพนมมือนมัสการกล่าว “ต้องสำเร็จพระโพธิญาณแน่นอน”

บัดนั้น อาตมาตั้นชือคุกเข่านมัสการอยู่ข้างโต๊ะบันทึกข้อความของตุลาการพิพากษา ได้เห็นพระอวโลกิเตศวรกลับคืนรูปปางเมตตา พรมน้ำทิพย์สามครั้ง ประทับเมฆกลับคืนสู่สรวงสวรรค์ พญายมมหาราชเจ้าเลิกประชุม พญายมทั้ง10 ลากลับคืนสู่ตำหนักของตน ตุลาการพิพากษาบันทึกคำโอวาทของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้า และคำตอบรับของเหล่าเทพในนรกภูมิ รวมอยู่ในหนังสือพระเทวราชโองการสั่งให้อาตมาบรรจงคัดด้วยมือของตัวเอง เริ่มจากคำ“ยุคทั่วพิภพสันติสุข (ศักราชไท่ผิง) จนถึงคำเสร็จ จากการอวยพร” เพิ่มอีก 131 ตัวอักษรรวมทั้งสิ้น 31 แผ่น อาตมาประเคนให้ท่านตุลาการพิพากษาตรวจตรา ก่อนจากท่านตุลาการได้กล่าวกับอาตมาว่า “ไม่นานมานี้ เทพในนรกภูมิได้เพิ่มจำนวนไม่น้อย ในนั้นหลายท่านเจ้าก็รู้จัก เมื่อเจ้ากลับคืนมนุษย์ภูมิ ไม่ควรเปิดเผยชื่อแซ่พวกเราเป็นอันขาดไม่อยากให้ชายหญิงในโลกมนุษย์ เมื่อทราบว่ามีบรรพชนเป็นเจ้าหน้าที่เป็นยมทูตในนรกภูมิ ยามประสพโรคภัยไข้เจ็บควรทำบุญสร้างกุศล แต่ไม่ยอมทำกลับไปทำร้าย ไปทำลายสรรพชีวิต บังอาจเผาฎีกาอธิษฐานขอพรพร่ำเพรื่อ จะเป็นการเพิ่มภาระ สร้างความรำคาญแก่ตำหนักต่างๆ โดยไม่จำเป็น อีกอย่างแต่ก่อนหน้านี้เง็กเซียนฮ่องเต้เทวราชเจ้าได้มีพระบัญชา มิให้บันทึกชื่อแซ่ และประวัติของพญายมมหาราชในตำหนักนี้ และพญายมราชตำหนักต่างๆ ลงในหนังสือเทวราชโองการ เช่นนี้แล้วชื่อแซ่ประวัติตุลาการอย่างพวกเรายิ่งไม่ควรให้ชาวโลกรับรู้ สมัยนี้จิตใจมนุษย์ยากที่จะหยั่งถึง เมื่อมีใครล่วงรู้ถึงข้อมูลเหล่านี้แล้ว นำไปหลอกลวงชาวบ้าน ก่อเหตุเพาะภัย เจ้า และพวกข้าพเจ้าก็จะไม่สามารถหลีกหนีความผิด ฉะนั้นจึงกำชับเจ้าจงอย่าประมาท” อาตมาตั้นชือจะน้อมปฏิบัติตามอย่างระมัดระวังและหลั่งเลือดสาบานเพื่อเป็นประจักษ์

เมื่อฤดูคิมหันต์เดือน 6 ปีอู้เซิน (ค.ศ.1068) อาตมา(นักพรตอู้หมี) ได้จาริกถึงชายทุ่งนอกเมืองอำเภอซวงหลิวนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน ได้พบพระอาจารย์อาตมาตั้นชือท่านได้กล่าวว่า “เราผ่านวัฏฏะแดนเกิดดับ พ้นด่านคนผีถึงบัดนี้ เจ้าสามารถนำไปบอกต่อเผยแผ่ให้ชาวโลก รับทราบมนุษย์ยามมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าชายหญิง คนหนุ่ม คนแก่ หรือแม้แต่ผู้ทุพพลภาพ อนุญาตให้ทำความดี สร้างกุศลไถ่โทษลดโทษ หรือเมื่อถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของเง็กเซียนฮ่องเต้เทวราชเจ้าได้รับพระเมตตาอภัยโทษ ก็จะได้รับการนิรโทษกรรมหรือลดหย่อนผ่อนโทษ โลกปัจจุบันมีการอำพรางกลบเกลื่อน ปกปิดความผิด หรือปฏิเสธความผิดจนสามารถหลีกหนีโทษทัณฑ์ ก็มีจำนวนมิใช่น้อย แต่คนเหล่านี้เมื่อไปถึงยมโลกแล้ว จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงหลบหนีได้จะไม่มีการนิรโทษหรือลดโทษ มีอยู่ประการเดียว คือสำนึกผิดปรับปรุงตัว สร้างแต่กุศลจึงจะลดหย่อนผ่อนโทษได้ น่าเสียดายชาวโลกไม่ใคร่ครวญ จะเป็นผีหรือเป็นคน จะเป็นสัตว์หรือเป็นมนุษย์ มักขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจิตชั่ววูบ บรรดานักโทษเก่าก่อน น้อยคนที่รู้สำนึก ผู้หญิงอาจมีหนึ่งสองในร้อยหรือในพัน แต่พวกผู้ชายจะหาสำนึกผิดสักหนึ่งในพันยังไม่ได้เลย ยิ่งร้ายกว่านั้น บางคนจะตายต่อหน้าต่อตาก็ไม่สำนึก แม้รู้ว่าต้องไปรับโทษในยมโลกก็ยินยอม

ปัจจุบัน โชคดีที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ทรงพระเมตตาเง็กเซียนฮ่องเต้เทวราชเจ้า ทรงพระกรุณาอนุญาตให้ทำคุณไถ่โทษ ยมโลกเปิดประตูแห่งความสะดวกสู่ชาวโลก วันนี้เราขอแจ้งให้ชาวโลกทราบว่า จะเกิดเป็นมนุษย์นั้น ไม่ใช่ง่ายฉะนั้นยามเรามีชีวิตอยู่ รู้สำนึกผิด รู้ทำความดีจึงนับเป็นกุศลที่แท้จริง เนื่องจากเจ้า (นักพรตอู้หมี) มีจิตกุศลเผยแผ่ธรรมมาตั้งแต่ต้น วันนี้เราจึงมอบหน้าที่นี้ให้เจ้ารีบนำหนังสือเทวราชโองการไปคัดลอก แล้วนำไปเผยแผ่แก่ชาวโลก”อาตมารับฟังเช่นนั้น รีบคุกเข่า ลงน้อมรับหนังสืออาจารย์ท่านมอบหนังสือเสร็จก็ลอยตัวขึ้นฟ้าทันที

อาตมานำหนังสือที่ได้รับมอบไปคัดลอกทันที และนำไปเผยแผ่สู่ชาวโลก ขอแนะนำให้ชาวโลกทราบว่า เมื่อถึงวันคล้ายวันประสูติของสัมมาสัมพุทธเจ้า วันประสูติของเง็กเซียนฮ่องเต้มหาเทวราชเจ้า วันประสูติของเหล่าทวย เทพควรขมาบาป สำนึกผิด และแก้ไขในสิ่งผิด หรือนำหนังสือเทวราชโองการไปจัดพิมพ์เผยแผ่ แจกจ่ายขยายวงกว้างแนะนำคนทำความดี สามารถสั่งสอนให้คนหนึ่งคนแก้ไขในสิ่งผิด ประพฤติแต่ความดี เขาพ้นผิด คุณก็ได้อานิสงส์ขอให้ชาวโลกไม่ว่าบุรุษเพศหรือสตรีเพศ เมื่อได้ฟังได้ยินคำของอาตมาแล้ว มีผิดรีบแก้ไข ไม่ผิดพึงสังวร อย่าปล่อยให้ตกนรกหมกไหม้ ถึงสำนึกก็สายเสียแล้ว ถึงเวลานั้นจะขอเกิดเป็นมนุษย์ก็หมดโอกาส

อาตมานักพรตอู้หมี ขอบันทึกเพื่อทราบ ณ ที่นี้ก่อนหน้านั้น เดือน 6 ฤดูคิมหันต์ ปีอู้อี๋น ได้มอบให้สำนักพิมพ์ตงฟู่ จัดพิมพ์เผยแผ่ ปีนี้ปีเกิงซี อาตมามาไหว้พระที่อารามซันจู๋ ช่วงสารทจีนได้มอบหนังสือเทวราชโองการทั้งเล่ม รวมทั้งวันประสูติของพระพุทธองค์ และเหล่าเทพพญายมรวม 32 แผ่น พร้อมทั้งค่าแรงมอบให้สำนักพิมพ์อู่หลินจัดพิมพ์เผยแผ่ ขอให้กุลบุตรกุลสตรีทั้งหลายช่วยการบริจาคเงินจัดทำหนังสือเทวราชโองการ ไม่ว่าจะหมื่นเล่มพันเล่ม ร้อยเล่ม สิบเล่ม ขอให้ได้เผยแผ่ไปทั่วทุกที่ ทำให้ชาวโลกรู้สำนึก และแก้ไขในสิ่งผิด นับเป็นอานิสงส์อสงไขยแล

More Posts