บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับ อิทธิฤทธิ์ของหนังสือเทวราชโองการ

2024-05-04 08:35:07 - mindcyber

บทบันทึกของหลี่ฉวนไท่ ซึ่งพักอยู่ที่ฐานทัพหลี่หวี ณอำเภอเจียงเซี่ย มีบันทึกตอนหนึ่งว่า ในอดีตข้าพเจ้าเคยเป็นโรคกระอักเลือด ฤดูหนาวปีที่แล้ว โรคเก่ากำเริบและอาการหนักกว่าเก่า ถึงขั้นอันตราย พี่ชายภรรยาท่านเจียงหวยชิง ก็ได้มาตรวจอาการไข้ของข้าพเจ้า และเล่าเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ของหนังสือเทวราชโองการให้ข้าพเจ้าฟัง ทั้งยังเล่าเรื่องคดีความอดีตชาติของจันเจ๋อหลินให้ฟังด้วย ทำให้ข้าพเจ้าฟังแล้วเกิดความประหลาดใจยิ่ง จึงไปนำหนังสือเทวราชโองการที่ก่อนหน้านี้เพื่อนกำนัลให้ แต่ถูกข้าพเจ้าตั้งเก็บไว้อย่างไม่สนใจออกมาอ่าน

เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ทำให้ข้าพเจ้าตั้งปณิธานในใจว่าจะพิมพ์หนังสีอออกเผยแผ่

เพียงจิตสำนึก ใจครุ่นคิด ไม่นานก็รู้สึกชุ่มคอและอาการกระอักเลือดก็ยุติ นึกไม่ถึงแค่จิตมีสำนึก ผลบุญก็ปรากฏจึงปรารถนาจะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 50 เล่ม

ข้าพเจ้าเขียนคำฎีกา อธิษฐานต่อหน้าเทพเจ้าเตา หลังจากเผาฎีกาถวายต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาการไข้ก็ทุเลาทันที

ใจข้าพเจ้าตรึกตรองเรื่องที่เกิดขึ้น พูดได้ว่า จิตมนุษย์กับเทพเจ้า แท้จริงแล้วพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน หรือพูดได้ว่าจิตคือเทพ เทพคือจิต ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานในใจต่อว่า ถ้าข้าพเจ้าสามารถหายจากอาการเจ็บป่วยโดยเร็ว ข้าพเจ้าจะพิมพ์หนังสือเพิ่มจาก 50 เล่มเป็น 100 เล่ม

และแล้วในคืนนั้น ข้าพเจ้าได้ฝันเห็นมีหมอเวทท่านหนึ่งมาชี้แนะข้าพเจ้า ให้ใช้ยา 4 ชนิดต้มน้ำดื่มกินเป็นเวลา 4วัน โรคก็จะหาย

ตื่นเช้า เปรียบเทียบยา 4 ชนิดในความฝัน เหมือนกับสูตรยาที่พี่เมียท่านเจียงเขียนไว้ ข้าพเจ้าจึงจัดการทำตามที่ฝันกินยาไม่ถึง 10 วัน หน้าที่แดงกร่ำ และอาการหืดหอบก็หายทุกอย่างคืนสู่ปกติ ข้าวปลาอาหารก็ทานได้ตามปกติเช่นเดิมข้าพเจ้าจึงเขียนบทความนี้ เพื่อยืนยันผลบุญสนองรวดเร็วยิ่งนัก

บทบันทึกของหลิวจู่ไท่ แห่งอำเภอฮั่นหยาง เขียนไว้ว่าเมื่อข้าพเจ้าอายุยังไม่ถึง 20 เกิดอาการกระอักเลือด วันหนึ่งจะกำเริบ 3-4 ครั้ง และเป็นเช่นนี้ติดต่อมาเป็นเวลา 3 ปีสูตรยาอะไรก็รักษาไม่ได้ผล

ต่อมา ข้าพเจ้ามีโอกาสอ่านหนังสือธรรมะ ซึ่งในหนังสือแนะนำให้งดเว้นทานเนื้อวัว และเนื้อสุนัข จะช่วยขจัดโรคภัยไข้เจ็บได้ ข้าพเจ้าจึงทำตามหนังสือแนะนำ ไม่ถึง10 วัน โรคกระอักเลือดก็หาย

ข้าพเจ้าแต่งงานมาหลายปี อายุมาถึง 28 ปียังไม่มีบุตรสักคน จึงตั้งมั่นจะจริงใจถนอมรักษากระดาษอักษรเวลาผ่านไป 2 ปี มาถึงปีกิงจื่อ ภรรยาได้กำเนิดบุตรชาย

ช่วงลูกชายอายุยังไม่ครบขวบ เกิดไม่สบายหนัก เชิญหมอมารักษาตั้งหลายคนก็ไม่หาย ทั่วทั้งบ้านหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก ข้าพเจ้าจึงไปจุดธูปอธิษฐานต่อหน้าเทพเจ้าเตาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนเหมันต์ว่าจะถวายหนังสือเทวราชโองการ10 เล่ม รุ่งเช้าอาการไข้ของบุตรชายก็ดีขึ้น

เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนเหมันต์เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ว่างทุนทรัพย์ไม่พร้อม จึงไม่ได้เข้าเมืองไปซื้อหนังสือ ตกบ่ายอาการไข้ของลูกชายก็กำเริบอีก ข้าพเจ้าตกใจมากรีบไปจุดธูปบอกเทพเจ้าเตาว่า วันขึ้น 4 ค่ำจะไปซื้อหนังสือแจกจ่ายแน่นอน รุ่งเช้าอาการไข้ของบุตรก็หาย

วันขึ้น 4 ค่ำ ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้าจะเข้าเมืองซื้อหนังสือแต่วันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้ม ข้าพเจ้าไปถึงริมน้ำ คนแจวเรือว่าวันนี้น่าจะมีพายุฝนเดินทางไม่ปลอดภัย แต่ข้าพเจ้าตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าวันนี้ต้องเข้าเมืองซื้อหนังสือให้ได้ จึงคะยั้นคะยอให้คนเรือออกเดินทาง เรือมาถึงกลางแม่น้ำจู่ๆ ก็เกิดพายุฝนอย่างแรง กระหน่ำจนเสาใบเรือหัก ข้าพเจ้านั่งสวดอธิษฐานอยู่ในเรือ ขอให้เทพคุ้มครองให้พ้นภัยโชคดีเรือไม่จมเวลาผ่านไปสักครู่ ฝนหยุดตก ท้องฟ้าแจ่มใสตกบ่ายก็มาถึงตัวเมือง ข้าพเจ้ารีบไปซื้อหนังสือเทวราชโองการ และแจกจ่ายให้คนรู้จัก กลับถึงบ้าน เห็นลูกชายนั่งยิ้มเริงร่าอยู่หน้าบ้าน

เรื่องราวที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าหนังสือเทวราชโองการสามารถช่วยเราในยามคับขัน ปัดเป่าเหตุร้ายให้กลายเป็นดี จึงบันทึกข้อความนี้เพื่อยืนยันต่อสาธุชน

บทบันทึกของหลิวกั๋วโต้ง บันทึกไว้ว่า ข้าพเจ้ากับหลิวจู่ไท่เป็นคนอำเภอเดียวกัน ได้ยินบุตรชายเขาเป็นไข้ฝีดาษรักษาไม่หาย จึงบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการถวาย สุดท้ายโรคฝีดาษก็หาย

เดือน 3 ของปีเกิงซี หลานชายข้าพเจ้าก็ติดเชื้อฝีดาษเยียวยาเท่าไรแผลไม่ยอมสมาน ทั้งยังเกิดอาการหอบจนไม่ยอมกินนม น้ำก็ดื่มไม่ได้ ทำให้คนทั้งบ้านกระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก

เวลานั้นมีคนรู้จักชื่อหวังซินถิง มาที่บ้านแนะนำให้พิมพ์หนังสือธรรมะจะช่วยโรคของหลานได้ จึงทำให้ข้าพเจ้า

ฉุกคิดถึงเรื่องลูกชายของหลิวจู่ไท่ ทำให้ข้าตื่นจากฝัน รีบไป

อธิษฐานต่อเทพเจ้าว่าจะถวายหนังสือเทวราชโองการ 20

เล่ม และหนังสือจดอธิบายกฎแห่งกรรม 30 เล่ม

ไม่นานอาการหอบ และอาการสำลักน้ำของหลานชายก็ดีขึ้น สามารถดื่มนมได้ และตามตัวของหลานชายปะทุฝีเม็ดเล็กๆ ขึ้นมา ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นสภาพมงคลตามตำราแพทย์เรียกว่า “ลูกช่วยแม่” ไม่นานไข้ฝีดาษของหลานชายก็หายเป็นปกติ

คุณซินถิงเห็นเช่นนี้ จึงเสนอให้เปลี่ยนชื่อหลานชายเป็นชื่อไจ้เซิง (แปลว่าเกิดใหม่) และทุกวันนี้ยังเรียกหลานชายคนนี้ว่าหลานไจ้เซิง

คำพูดที่ว่า “ฟ้าย่อมช่วยคนดี” เป็นคำสมจริง และตอบสนองเร็วอย่างเราคาดคิดไม่ถึง

บทบันทึกของหวังถิงกวง คนอำเภอฮั่นหยาง บันทึกไว้ว่า ข้าพเจ้าเขียนตำราโจวอี้มาตั้งแต่เต็ก (โจวอี้เป็นตำราจีนโบราณอายุไม่น้อยกว่า 3000 ปี เป็นศาสตร์ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของจักรวาล ฟ้า ดิน อิน หยาง และสรรพสิ่งทั้งยังเป็นตำราเสี่ยงทายของจีนโบราณมาจนถึงปัจจุบัน) จึงเข้าใจถึงเหตุผลความสัมพันธ์ของ ฟ้า ดิน เทพ ผี สวรรค์และนรก เข้าใจถึงลางสังหรณ์ และการสนองเหตุเกิดของ

ลางดีและลางร้าย ยิ่งได้มาอ่านหนังสือเทวราชโองการ ซึ่งเป็นหนังสือที่พูดถึงกฎแห่งกรรม กงกรรมกงเกวียน ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจถึงเรื่องบางเรื่อง มีความเกี่ยวพันกับสิ่งลี้ลับพิสูจน์ได้ยากแต่กลับมีเหตุผลที่แจ่มชัด มีการตอบสนองที่แน่นอน คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มิมีผิดเพี้ยน มีขอก็มีให้มีบนบานก็มีสนอง ไม่ต้องรอคอย การอ่านหนังสือเล่มนี้เท่ากับได้ศึกษาธรรมมรรคอี้จิง และยังช่วยให้เราเข้าใจปัญหาได้มากยิ่งขึ้น

ข้าพเจ้ามีหลานชื่ออิ้นฝัน เป็นโรคไขข้อเท้ามานมนานรักษาไม่หาย แต่เมื่อเขียนคำฎีกาถวายต่อเทพเจ้าเตาว่า จะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการออกเผยแผ่ 500 เล่ม แต่จะพิมพ์ล่วงหน้าก่อน 100 เล่ม และที่เหลือจะพิมพ์ต่อทีหลังไม่นานโรคข้อเท้าก็ทุเลา สุดท้ายก็หายขาด

บันทึกของหลิวโห้วจี้ เขียนไว้ว่า “ที่อำเภอฮั่นหยางของข้าพเจ้า โรคฝีดาษของเด็กๆ จะเกิดช่วงฤดูวสันต์ แต่ลูกชายจื่อเหยินของข้าพเจ้าเป็นโรคฝีดาษในวันแรม 7 ค่ำ ของเดือน 12 ในปีเหยินซี (ค.ศ.1862) ของรัชกาลโถงจื้อ จนกระทั่งถึงวันขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้ายของปีกุ่ยไฮ่ (ปีถัดมา) ฝีดาษยังไม่แห้ง การณ์เช่นนี้ทำให้คนทั้งบ้านตื่นตระหนกมาก จึงรีบไปบนบานต่อเจ้าว่าจะถวายหนังสือเทวราชโองการ 20 เล่มขอให้ฝีดาษของลูกหายเร็วๆ

แต่มาถึงเที่ยงของวันขึ้น 5 ค่ำ อาการไข้ของเด็กกลับทรุดหนัก น้ำฝีกลายเป็นสีขาว เห็นท่าเด็กคงจะไม่รอด

ท่านถงเซียงผู่ คนในหมู่บ้านมาแนะนำว่า ให้ไปอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหม่ว่า จะถวายหนังสือจาก 20 เล่ม เพิ่มเป็น40 เล่ม ขอให้เด็กหายป่วยโดยเร็ว พอตกบ่าย น้ำฝีก็กลายเป็นสีเหลือง จากนั้นอีกไม่กี่วันก็หาย และไม่มีแผลเป็น

ข้าพเจ้าจึงบันทึกข้อความนี้ เพื่อแสดงถึงอิทธิปาฏิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ปีที่ 8 ของรัชกาลถงจื้อ (ค.ศ.1869) ผู้พิพากษาเจี่ยนจงเจี๋ยป่วยหนัก กินยาหม้อจนเหงื่อไหลพรากแล้วสิ้นใจตาย

เจี่ยนเห็นยมทูต 2 ท่านนำหมายเรียกมา จึงจัดการกับเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วนั่งรถตามยมทูตไป ได้ยินเสียงผู้หญิงด่าทออยู่ข้างหลังรถไม่ขาดสาย

มาถึงศาลว่าการแห่งหนึ่ง เห็นขุนนางพิพากษานั่งอยู่บนบัลลังก์ หน้าบัลลังก์มีผีพนักงานยืนเรียงรายสองข้างอย่างสง่าน่าเกรงขาม สองยมทูตคุกเข่า และรายงานต่อเจ้านายตุลาการพิพากษา ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ขานชื่อแล้วสอบถามถึงประวัติของเจี่ยนจงเจี๋ย

เจี่ยนจงเจี๋ยยืนคำนับ และรายงานว่า เขาเป็นคนคุงหมิงในมณฑลหวินหนาน สอบได้ราชบัณฑิต รับราชการเป็นผู้พิพากษาคดีอาญา

ขุนนางพิพากษาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบว่า “จับคนผิดแล้ว คนที่ต้องการคือผู้พิพากษาอาญาคนหูหนานต่างหาก” จึงสั่งยมทูตให้ส่งผู้พิพากษาเจี่ยนคืนชีพ

เจี่ยนจงเจี๋ยฟังเช่นนั้น จึงถามว่าท่านจะให้ข้าพเจ้าคืนชีพ มีหลักฐานอันใดที่สามารถยืนยันถึงเรื่องนี้?” ได้รับคำตอบว่า “ช่วงท่านป่วยหนัก หมอสั่งยาใส่สมุนไพรหมาหวง แต่ข้าพเจ้าได้สั่งพนักงานผีไปที่ร้านขายยา บันดาลคนขายยาเจียดยาลงไป 3 สลึง (เป็นสิบเท่าของ 3 หุน) นี่คือหลักฐาน

ออกจากศาลเจ้า เจี่ยนถามยมทูตว่าผู้พิพากษาที่อยู่ในศาลคือใครได้คำตอบว่า ท่านคืออดีตผู้พิพากษาอาญาแซ่เฉาเนื่องจากเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม สิ้นชีพแล้วเทวราชเจ้าให้มาดำรงตำแหน่งนี้

ไม่นานยมทูตก็ส่งเจี่ยนจงเจี๋ยถึงบ้าน เห็นในบ้านมีญาติมิตรหลายคนเตรียมจัดงานศพ สักครู่ร่างกายของเจี่ยนเปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้นสามารถพูดได้ ทุกคนในบ้านต่างตกตลึงร้องคืนชีพแล้ว คืนชีพแล้ว คนในบ้านรีบไปนำน้ำอุ่นให้เจี่ยนดื่ม ในที่สุดก็หายป่วย

เจี่ยนจงเจี๋ยเรียกภรรยา ไปนำกากยาที่ต้มแล้วมาตรวจนำสมุนไพรหมาหวงไปชั่งเป็น 3 สลึงจริง แต่ในใบเจียดยาหมอสั่งแค่ 3 หุน ภรรยาท่านเห็น แล้วตกใจมาก ตำหนิตัวเองไม่ได้ตรวจให้รอบคอบ ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นจนได้ท่านเจี่ยนจงเจี๋ยบอกไม่ใช่ความผิดของภรรยา และเล่าความเป็นจริงให้ภรรยาฟัง

หลังจากนั้นไม่กี่วันผู้พิพากษาที่เป็นชาวหูหนาน ซึ่งอยู่ซอยถัดไปก็เสียชีวิตลง และตรวจสอบอดีตพิพากษา มีคนแซ่เฉาเป็นชาวกวางตุ้งจริงตามที่ยมทูตพูด

เจี่ยนจงเจี๋ยจึงจัดพิมพ์หนังสือ และเขียนบทความนี้แนะนำชาวโลกให้มุ่งทำแต่ความดี อย่าได้ย่อท้อ

ต่อมาท่านเจี่ยนมีตำแหน่งถึงหลังจง ลูกชายหวิ่นจงสอบได้ราชบัณฑิต

More Posts