พระพุทธองค์ตรัส
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเขาวัน อาราม ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี
ครังนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงช้อนฝุ่นเล็กน้อยไวที่ปลายพระนขาแล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า... ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อยที่เราช้อนขึ้นไว้ที่ปลายเล็บนี้กับมหาปฐพีนี้ อย่างไหนมากกว่ากัน ฯ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญมหาปฐพีนั่นแหละมากกว่าฝุนเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขานี้มีประมาณน้อย ย่อมไม่ถึงแม้ชึ่งการนับ ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งการเทียบเคียง ย่อมไม่ถึงแม้ชึ่งส่วนแห่งเสี้ยว เพราะเทียบมหาปฐพีเข้าแล้ว ฝุ่นที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขามีประมาณเล็กน้อยฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อย สัตว์เกิดในกำเนิดอื่นจากมนุษย์มีมากกว่ามากทีเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้นเธอทั้งหลายพึงรักษาอย่างนี้ว่าเราจักเป็นผู้ไม่ประมาท
( จากพระไตรปิฏก ฉบับหลวง เล่มท 16 “นขสิขสูตร”)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกมีหญ้าเป็นภักษา สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นย่อมใช้ฟันและเล็มกินหญ้าสด ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกมีหญ้าเป็นภักษาคืออะไร คือ ม้า โค ลา แพะ เนื้อ หรีอแม้จำพวกอื่นๆไม่ว่าชนิดไรๆ ที่มีหน้าเป็นภักษา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นและผู้กินอาหารด้วยความติดใจรสเบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์จำพวกที่มีหญ้าเป็นภักษาเหล่านั้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกมีคูถเป็นภักษา สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นได้กลิ่นคูถแต่ไกลๆแล้วย่อมวิ่งไปด้วยหวังว่าจักกินตรงนี้ เปรียบเหมือนพวกพราหมณ์เดินไปตามกลิ่นเครื่องบูชาด้วยตั้งใจว่า จักกินตรงนี้ จักกินตรงนี้ ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกมีคูถเป็นภักษา สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นได้กลิ่นคูถแต่ไกลๆ แล้ว ย่อมวิ่งไปด้วยหวังว่า จักกินตรงนี้จักกินตรงนี้ ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกมีคูถเป็นภักษาคืออะไร คือ ไก่ สุกร สุนัขบ้าน สุนัขป่า หรือแม้จำพวกอื่นๆไม่ว่าชนิดไรๆ ที่มีคูถเป็นภักษา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นแล ผู้กินอาหารด้วยความติดใจรสเบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์จำพวกมีคูถเป็นภักษาเหล่านั้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกเกิดแก่ฝ่ายในที่มืด ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกเกิดแก่ตายในที่มืดคืออะไร คือ ตั๊กแตน มอด ไส้เดือน หรือแม้จำพวกอี่นๆ ไม่ว่าชนิดไรๆ ที่เกิดแก่ตายในที่มืด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นและผู้กินอาหารด้วยความติดใจรสเบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์จำพวกเกิดแก่ตายในที่มืด ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกเกิดแก่ตายในน้ำ ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกเกิดแก่ตายในน้ำคืออะไร คือ ปลา เต่า จระเข้ หรือแม้จำพวกอื่นๆ ไม่ว่าชนิดไรๆ ที่เกิดแก่ตายในน้ำ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นและผู้กินอาหารด้วยความติดใจรสเบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์จำพวกเกิดแก่ตายในน้ำ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกเกิดแก่ตายในของโสโครก ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกเกิดแก่ตายในของโสโครกคืออะไร คือเหล่าสัตว์จำพวกที่เกิดแก่ตายในปลาเน่าก็มี ในศพเน่าก็มี ในขนมกุมมาสเก่าก็มีในน้ำครำก็มี ในหลุมโสโครกก็มี หรือแม้จำพวกอื่นๆไม่ว่าชนิดไรๆ ที่เกิดแก่ตายในของโสโครก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นและผู้กินอาหารด้วยความติดใจรสเบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์จำพวกเกิดแก่ตายในของโสโครก ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเรื่องกำเนิดสัตว์เดรัจฉานแม้โดยอเนกปริยายแล เพียงเท่านี้ จะกล่าวให้ถึงกระทั่งกำเนิดสัตว์เดรัจฉานเป็นทุกข์ไม่ใช่ทำได้ง่าย ฯ
( จากพระไตรปิฏก ฉบับหลวง เล่มที่ 16 “พาลบัณฑิตสูตร”)