สุจริต ก็คือขาวสะอาด ไม่ทุจริตคอรัปชั่น โดยเฉพาะข้าราชการหากปฏิบัติได้ ถือว่าเป็นการบำเพ็ญธรรมอย่างหนึ่ง
ขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง ในสมัยราชวงศ์ฮั่น หยางเจิ้น เป็นข้าหลวงเมืองจิงโจว รับราชการด้วยความสุจริต ยุติธรรม รักใคร่ราษฏรดังลูกหลาน ไม่เกรงกลัวอำนาจอิทธิพลใด ๆ ได้รับความเคารพรักใคร่จากประชาชนทั่วไป
ตอนนั้นตำแหน่งนายอำเภอที่อยู่ในเขตปกครองของเขาว่างลง หยางเจิ้นได้ออกเสาะหาคนดีที่ซื่อสัตย์สุจริตและกตัญญู กระทั่งทราบว่า ในเมืองมีคนชื่อหวังมี่ เป็นคนมีสติปัญญาความสามารถสูง จึงได้เสนอให้เป็นนายอำเภอ เมื่อหวังมี่ได้เป็นนายอำเภอแล้ว จึงคิดจะตอบแทนบุญคุณที่ตนได้รับตำแหน่ง ดังนั้น ในดึกคืนวันหนึ่ง หวังมี่ได้ห่อทองคำสิบแท่ง ไปเยี่ยมคำนับที่จวนของหยางเจิ้น
หวังมี่ :ขอบพระคุณใต้เท้าที่เมตตาส่งเสริม ที่กระผมมาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาขอบคุณท่านโดยเฉพาะ ทองคำสิบแท่งนี้ขอให้ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็แล้วกัน
หยางเจิ้น :ที่ข้าส่งเสริมเจ้า ใช่ว่าอยากได้ทองของเจ้า แต่เป็นการสรรหาคนดีมีความสามารถให้แก่ราชสำนักเจ้าจงเอาทองกลับไปเถอะ
หวังมี่ :ใต้เท้า...ผมรู้มานานแล้วว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต แต่นี่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แล้วตอนนี้ก็มืดค่ำแล้ว ไม่มีใครรู้ ใต้เท้าก็รับไว้เถอะน่า
หยางเจิ้น : ทำไมไม่มีใครรู้ ? ฟ้ารู้ ! ดินรู้ ! เจ้ารู้ ! ข้ารู้ ! รวมเป็นสี่รู้ เจ้าจงเอาทองกลับไปเถอะ และขอให้ต่อไปเจ้าจงรับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตยุติธรรม บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาราษฏร์ นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ
หวังมี่ :ครับ....ครับ....ผมจะจดจำคำสั่งสองของเใต้เท้าผมละอายใจมาก ขอสาบานว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจนวันตาย จะไม่ทำให้ใต้เท้าต้องผิดหวัง
ข้างต้นนี้คือเรื่องราวของสี่รู้ ขอให้ผู้รับราชการทั้งหลายจงเอาอย่างความซื่อสัตย์สุจริตของหยางเจิ้น เพื่อเป็นมรกดตกทอดความสุจริตแก่บุตรหลาน ซึ่งล้ำค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองมากมายนัก
หมายเหตุ ปัจจุบันหยางเจิ้นเป็นเทพองค์หนึ่ง