เทพบุตรซุน
มีชายคนหนึ่ง ขณะมีชีวิตเป็นลูกอกตัญญู วันหนึ่งเกิดป่วยหนักจนสลบไป เมื่อวิญญาณไปถึงยมโลก ยมบาลโกรธมาก จะตัดสินลงโทษเขาอย่างหนัก วิญญาณชายผู้นั้นมีความกลัวมาก ได้แต่สวด นะโม กวงซีอิมผ่อสัก นะโม กวงซีอิมผ่อสัก นะโม กวงซีอิมผ่อสัก.....ทันใดนั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมได้เสด็จลงมา ทรงตรัสว่า “เจ้าอย่าเพิ่งกลัว ขณะมีชีวิตอกตัญญูต่อพ่อแม่ ตายแล้วก็ต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา ใช่ว่าท่านยมบาลจะลงโทษตามใจชอบได้ แต่เป็นการกระทำของเจ้าเอง ทำกรรมใดก็ต้องรับกรรมนั้น ผู้ใดก็ไม่อาจมาช่วยลดความผิดของเจ้าได้ เจ้าอายุขัยยังไม่หมดจะปล่อยให้กลับไปก่อน ขอให้สำนึกผิดกลับตัวกลับตนใหม่โดยต้องกตัญญูต่อบิดามารดา หมั่นทำความดี ทำบุญไถ่โทษภายหน้าจึงจะไม่ต้องตกนรกรับโทษทัณฑ์” วิญญาณได้ก้มกลงกราบขอบพระคุณในพระมหากรุณา ยมบาลได้ปล่อยวิญญาณนั้นกลับบ้าน เมื่อชายผู้นั้นฟื้นขึ้นมา รู้สึกสำนึกในความผิดที่แล้วมา เหตุการณ์ขณะอยู่ในเมืองนรก และพระโอวาทของพระโพธิสัตว์กวนอิม อยู่ในความทรงจำอย่างไม่มีวันลืม นับจากนวันนั้น เขาก็กลับตัวกลับใจใหม่ กลายเป็นคนที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ชอบทำบุญให้ทาน ทำสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ในวัยชราได้เข้ารับธรรม และบำเพ็ญธรรมจนกระทั่งสำเร็จมรรคผล
ผู้ใดสร้างบาปกรรมอะไรไว้ ตนเองต้องเป็นผู้แก้ไขเอง เทพ พรหม ไม่อาจไปทำแทนได้ เช่นถ้าครอบครัวไม่สงบสุขก็ต้องสำรวจตรวจตราตนเองว่า มีความบกพร่องอะไรหรือไม่ ถ้าครอบครัวอยู่อย่างปกติสุข และได้บำเพ็ญธรรม โรคภัยก็จะไม่มาเบียดเบียน ไฉนต้องไปไหว้วอนเจ้าให้ลำบาก ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขที่ต้นเหตุ คนผูกต้องเป็นคนแก้