ไต้ซือเหลียงถาน
นิพพานสูตร : “สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมีพุทธจิต ตถาคตนิจนิรันดร์ไม่มีการแปรเปลี่ยน ท่ามกลางกำเนิด 4 มติ 6 สรรพสัตว์ 12 ชนิด สัตว์ทั้งหลายที่มีวิญญาณมีอารมณ์ ล้วนมีพุทธจิตทั้งสิ้น” ฟ้าเบื้องบนมีคุณธรรมให้กำเนิด ทนนั่งดูวิญญาณได้รับเคราะห์ภัยถูกเข่นฆ่าไม่ได้ สัตว์เดรัจฉานถึงแม้ไม่มีกายมนุษย์ แต่ใจของมันกับของคนเหมือนกัน ล้วนแสวงหาความอยู่รอดเพราะฉะนั้นในวาระโอกาสวันประสูตินี้ ได้จัดให้มีพิธีปล่อยชีวิตสัตว์มีนก ปลา และเต่า เป็นต้น เพื่อการรักษ์ชีวิต ทำให้จิตใจมีเมตตา ฝูงนกได้รู้สึกถึงพระคุณโดยหลั่งน้ำตา ย่อมเห็นบรรดาศิษย็กับผู้มีจิตกุศลดุจดังเทพพุทธอวตาร ได้หลุดพ้นจากด่านมรณะ กลับคืนสู่ป่าเขา ช่วยเหลือชีวิตนับหมื่นให้ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความโอบอ้อมอารีของผู้บำเพ็ญธรรม
ผู้ปลดปล่อยชีวิตก็คือผู้โปรดคนโปรดสัตว์ เป็นผู้บำเพ็ญความเมตตาอันเป็นปณิธานของเทพพุทธ หากยิ่งสามารถไม่จับมาฆ่าอันเป็นการปล่อยชีวิตก็คือผู้มีมนุษยธรรม ชาวโลกหากสามารถพัฒนาจิตใจให้มีเมตตาได้กว้างขวางขยันบำเพ็ญเรื่องเมตตาธรรม เช่นนี้แล้ว มนุษยชาติก็จะปราศจากสงครามฆ่าฟันกัน หลอกลวง อันเป็นเคราะห์กรรมแล้ว แน่นอนทีเดียวเวรกรรมก็จะลดน้อยลง ส่วนธรรมก็เพิ่มขึ้น ซึ่งจะฉายแววแห่งความมงคลสมานฉันท์ให้ปรากฏ สรรพเผ่าพันธุ์ จะบังเกิดความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
ดังคำกล่าวว่า “ใจแห่งความเมตตาสงสาร ทุกคนมีอยู่แล้ว” สรรพสัตว์ล้วนรักตัวกลัวตายล้วนไม่ยอมอยู่ใต้คมมีด นับประสาอะไรกับกลุ่มวิญญาณแห่งมติหก แต่ละตนล้วนรักชีวิตทั้งนั้น ปกป้องรักษากายแห่งเลือดเนื้อสิ่งใดที่ตนไม่เอา อย่าได้ให้แก่สัตว์ ควรมีใจเสมอภาค เอาใจที่ตนเองไปรักสัตว์ด้วยให้พิจารณา ถึงการเลี้ยงดูของฟ้าดินอย่างลึกซึ้ง ธรรมแห่งความเมตตาโอบอ้อมอารี ล้วนเกิดจากจิตอันดีงามของมนุษย์ ควรจะรู้ว่าการบำเพ็ญกุศล บุญบารมีใด ๆ ก็ตาม หากสามารถตอบสนองต่อโลกแล้ว ในที่ทุกคนก็คือธรรม ในทุก ๆ ที่คือพุทธะ ถ้าเช่นนั้นวิสุทธิภูมิแดนมนุษย์ไม่ต้องแสวงหาก็จะปรากฏขึ้นมาเอง