ทารกที่อยู่ในครรภ์ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยลมปราณและเลือดของมารดาค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง เมื่อครบสิบเดือน ก็หลุดจากครรภ์มารดาเป็นกายเอกเทศที่ซื่อบริสุทธ์ิไร้การกระทำ ปราศจากการแต่งเติมและเสแสร้ง สภาพการณ์เป็นปถวี
ทารกอายุหนึ่งขวบถึงสามขวบ กำลังแรกเริ่ม บังเกิดสามปีเพิ่มหนึ่งเท่าตัว จนอายุครบสิบหกปี พลังแรกเริ่มบังเกิดความถ้วนบริบูรณ์ จึงเรียกว่าหยังบริสุทธ์ิ (พลังร้อนบริสุทธ์ิ) สภาพการณ์คือ ฟ้า บำรุง สมองเสริมสร้างพลัง จนกระทั่งสามธาตุแรกเริ่มครบถ้วน รูปร่างลักษณะสมบูรณ์มนุษย์เรามีจำนวนไม่น้อย อายุก่อนครบสิบหกปี
เนื่องจากพ่อแม่ขาดการสั่งสอนอบรม เกิดการเสียความเป็นหนุ่มและความเป็นสาว ทำให้พละกำลังแรกเริ่มถูกบ่อนทำลาย ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เสมอ จนทำให้ชีวิตไม่ยืนยาว คนโบราณเมื่ออายุครบสามสิบปีจึงแต่งงาน ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ สติปัญญาเต็มเปี่ยมกลมกลืนเป็นธาตุเดียวกัน การรักษาเนื้อรักษาตัวเช่นนี้ ย่อมได้รับวาสนาพูนสุขอายุยืนยาว ร่างกายไม่มีโรคภัยไข้เจ็บตำรากล่าวว่า “หญิงควรออกเรือนหลังจากอายุครบ 20 ปีชายควรแต่งงานหลังจากครบอายุ 30 ถึง ช่วงนั้น ธาตุอิน(หญิง) ธาตุหยัง (ชาย) ร่วม สรรพสิ่งก่อเกิด
การร่วมประเวณีของชายหญิง ร่วมครั้งหนึ่งแล้วควรเว้น 7 วันเพราะการหมุนเวียนของโลหิต 7 วันจึงก่อเกิดอสุจิ1 บาท เมื่ออายุครบ 24 ปี สภาพการณ์ชีวิตเดินมาถึงขั้นกว่าอายุ 27 ปีก็เช่นกัน 7 วันจึงสามารถก่อเกิดอสุจิ 1 บาท เมื่ออายุเพิ่มขึ้น สภาพการณ์ชีวิตก็เพิ่มไปตามยันตร์แปดเหลี่ยมจนอายุครบ 60 ปี การเกิดของอสุจิก็ลดน้อยลงสองเดือนจึงก่อเกิดอสุจิ 1 บาท ยันตร์แปดเหลี่ยมก็เดินครบถ้วน ฉะนั้นคนเราเมื่ออายุครบ 64 ปี พละกำลังในการสร้างเลือดและอสุจิมีน้อยมากด้วยเหตุผลนี้จึงควรงดเว้นการร่วมประเวณีคนโบราณปฏิบัติหลักดังกล่าว ฉะนั้นจึงปรากฏมีคนโบราณบางคนอายุยืนถึงพันปีก็มี หลายร้อยปีก็มี เนื่องจากเขาเหล่านั้นสามารถรักษาพลังหยังนี้อย่างพร่ำเพรื่อ ถนอมร่างกายอายุมักจะยืนยาว
คนปัจจุบัน ก่อนอายุ 16 ปี พลังแรกเริ่มยังไม่บริสุทธ์ิ ก็ปล่อยตัวปล่อยใจ ไม่สามารถถนอมร่างกายและกำลังแรกเริ่มให้พลังวังชาแข็งแกร่งจนถึงอายุ 30 ปีเฉกเช่นคนโบราณแต่งงานแต่เยาว์วัย สามีภรรยาอายุยังน้อย ใครหนอที่จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ ทำให้พลังแรกเริ่มของทั้งผู้ถูกบ่อนทำลาย หลังแต่งงาน วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า มีแต่สึกหรอ ไม่มีเพิ่มเติม เหตุการณ์เช่นนี้จะทำให้คนอายุสั้น ถึงจะมีชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ บุตรที่กำเนดออกมาย่อมอ่อนแอ และถ้าบุตรยังดำเนินชีวิตเหมือนพ่อแม่ แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ประหัตประหารกำลังตนไม่หยุดหย่อน ร่างกายย่อมทรุดโทรม ฉะนั้น คนปัจจุบัน พละกำลังย่อมสู้คนสมัยก่อนไม่ได้ พลังยังสู่ไม่ได้แล้วจะพูดถึงเรื่องเสพสุขยาวนานได้อย่างไร เหตุผลง่ายๆ ข้อนี้มนุษย์เราไม่ควรละเลยและไม่ให้ความสำคัญไม่ได้
มนุษย์เราควรถามตัวเองว่า เมื่อเราคลอดออกมาร่างกายเราแข็งแรงสมบูรณ์หรือไม่? เมื่อช่วงเป็นวัยรุ่นได้บ่อนทำลายตัวเองหรือไม่? เมื่อแต่งงานแล้วเราถนอมร่างกายตัวเองหรือไม่? นอกจากภรรยาหลวงแล้วเรามีไปยุ่งเกี่ยวกับสาวใช้หรือไม่? นอกจากสาวใช้แล้วเราเคยไปเที่ยวโสเภณีหรือไม่? เคยมีความประพฤติที่ผิดปกติทางเพศหรือไม่? การประพฤติผิดทางเริงโลกีย์และอบายมุข ล้วนแต่เป็นการบ่อนทำลายพลังแรกเริ่มของตัวเอง ซํ้าๆซากๆ วันแล้ววันเล่า ร่างกายคนมิใช่หินเหล็กหรือทองคำ จะต้านทานไหวหรือ? เรื่องวุ่นวายบั่นทอนจิต ตรากตรำงานบั่นทอนกายเมื่อมีการเคลื่อนไหว นํ้ากามย่อมเคลื่อนที่ บวกกับปัญหาวุ่นวายของลาภยศชื่อเสียง การรบกวนของผลประโยชน์และแสงสี เมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่สมปรารถนา ก็เกิดการกังวลใจระทมจิต เหตุเช่นนี้จะเสวยสุขจนอายุยืนยาว บุตรหลานเฟื่องฟู รุ่งเรือง คงจะหาได้ยาก ยิ่งคนสมัยนี้ จำนวนไม่น้อยหลงใหลแต่ลาภยศชื่อเสียง หลงใหลแต่แสงสีเสียง เสพยาเสพติด วันๆ มีแต่บั่นทอนกำลังกายและกำลังใจอนาคตในหลายร้อยปีข้างหน้า ผู้ที่มีอายุยืนถึง 50 ปีก็นับได้ว่าเป็นผู้ที่อายุขั้นสูงแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าสังเวทยิ่ง ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า เราควรใคร่ครวญ ชั่งใจตัวเอง การเศร้าโศก วิตกกังวลจะทำลายหัวใจ โทสะทำลายตับ เหน็ดเหนื่อยตรากตรำการงานทำลายม้าม เหล้ายาปลาปิ้งทำลายกระเพาะ เริงราคะทำลายไต สิ่งเหล่านี้มีสูตรยาหรือวิธีการใดที่จะมาเยี่ยวยารักษาได้? คนที่ขาดพลังวังชา ก็คล้ายตะเกียงที่ขาดนํ้ามันจะมีชีวิตอยู่ได้นานอีกสักเท่าไหร่? ผู้ชาญฉลาดเมื่อรู้แล้วคงอดวิตกไม่ได้
หวนคิดถึงฟ้าดิน เมื่อประทานชีวิตแต่พวกเรา เราสมควรที่จะจงรักภักดี กตัญญูกตเวที เมตตาต่อสรรพสัตว์ช่วยเหลือสรรพชีวิต ชื่อเสียงเกียรติยศจะได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เป็นประโยชน์แก่มวลชลประชาจึงไม่ผิดต่อฟ้าดินและพ่อแม่ที่ประทานชีวิตและเลือดเนื้อแก่ตัวเรา จึงไม่เณรคุณพ่อแม่ที่อุ้มชูและเลี้ยงดูตัวเรามาจนเติบใหญ่ แต่ถ้าเรามัวแต่หลงระเริงตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ไม่รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี เมื่อถึงเวลาที่ดวงชะตาเดินมาถึงยามรุ่ง จะตั้งสติต่อสู้ฟันฝ่ากับการงาน แต่พลังกายถูกบั่นทอน อ่อนเปลี้ยเมื่อยล้าช่วยชีวิตตัวเองยังไม่ไหว แล้วจะเอาพละกำลังที่ไหนไปทำงานใหญ่ จบสิ้นชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ทอดทิ้งพ่อแม่ที่แก่เฒ่าไม่มีใครเหลียวแล เรื่องที่จะจรรโลงเกียรติยศชื่อเสียงให้เลื่องลือเรื่องที่จะตอบแทนบุญคุณของประเทศชาติ บุญคุณของพระมหากษัตริย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่สามีภรรยามีชีวิตคู่อยู่จนแก่เฒ่า เลี้ยงลูกสอนหลาน ร่วมกันเสวยสุขในครอบครัวแห่งมนุษย์ชาติก็เป็นไม่ได้ ความผิดที่ไม่สามารถกตัญญู ไม่สามารถจงรักภักดี ไม่สามารถมีเมตตากรุณาและมีศีลมีสัตย์ เกิดมาจากที่เราไม่ถนอมร่างกาย ไม่รักษาพลังแรกเริ่ม ไม่รักษาเนื้อรักษาตัว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คนในสมัยนี้ จิตใจคนยากที่จะหยั่งรู้ศีลธรรมตกตํ่า อายุยังอยู่ในวัยเด็กชายเด็กหญิง หรือเพิ่งพ้นวัยเด็กชายเด็กหญิงก็ถูกกระแสสังคมชักจูง ถูกคนใกล้ชิดหลอกลวง จนเสียเนื้อเสียตัว เสียความเป็นหนุ่มสาว หลงเดินทางผิด ทำลายพลังแรกเริ่ม เมื่อถึงวัยแต่งงาน พลังสูญสิ้นโรคภัยติดตัว บุตรที่คลอดออกมา ไม่นานก็เสียชีวิต ทุกวันนี้ตัวเองที่มีชีวิตอยู่ได้ ล้วนอาศัยบุญบารมีของบรรพบุรุษคํ้าจุน
เมื่อข้าพเจ้าอายุใกล้ถึง 30 จึงเกิดสำนึกได้ว่า ปีๆ หนึ่งเมื่อถึงฤดูหนาวสรรพชีวิตมักจำศีล เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิของปีถัดไป จึงค่อยงอกเงยเจริญอีกครั้ง กฎเกณฑ์นี้แม้แต่พวกมดปลวกแมลง มังกรงูนาคก็ยังดำรงไว้ ถ้าไม่มีการเก็บเกี่ยวเมื่อฤดูใบไม้ร่วง จำศีลเมื่อถึงฤดูหนาว สรรพชีวิตคงสูญหายไปจากโลกนี้นานแล้ว แล้วร่างกายที่อ่อนแอขี้โรคเช่นเราไฉนไม่เจริญรอยตาม ตำราเคยกล่าวไว้ว่า “เหมันต์ไม่ถนอมนํ้ากามวสันต์มักเกิดโรคภัย” และในตำรายังกล่าวอีกว่า “ราตรีคือส่วนเหลือของทิวา ถ้าราตรีไหนไม่หลับนอน เมื่อวันรุ่งขึ้น ถึงคนร่างกายแข็งแรงก็รู้สึกเมื่อยล้า คนร่างกายอ่อนแอยิ่งจะรู้สึกไม่สบายทั้งวัน” ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกัน เมื่อฤดูเข้าสู่ปลายสรทะ ใบไม้หญ้าแห้งเหี่ยวร่วงโรยโบราณเรียกว่าเดือนกลวงหรือเดือนโรย นี่คือเดือนเก็บเกี่ยวของฤดูสรทะ ฉะนั้นแต่ละปีมาถึงเดือน 9 ข้าพเจ้าจะงดกาเม เป็นเวลา 100 ถึง200 วัน ถึงช่วงนั้น ข้าพเจ้าจะนอนคนเดียว และนั่งสมาธิอยู่ในห้องสงบ หรือนั่งพักผ่อนเดินลมปราณในห้องเงียบข้าพเจ้าปฏิบัติเช่นนี้จนถึงอายุ 40 ภรรยาก็กำเนิดบุตรชายให้คนหนึ่ง และร่างกายข้าพเจ้ายิ่งมายิ่งแข็งแรง เมื่อข้าพเจ้าอายุครบ 60 มีบุตรชาย 6 คน บุตรตรี 2 คน อายุ 66 ร่างกายข้าพเจ้ายังแข็งแรง สายตาดี กล่าวคือไม่ต้องใส่แว่นตายังอ่านหนังสือได้ ฟันยังมีครบถ้วน โสดประสาทได้ยินชัด ยังมีพละกำลังตรากตรำงาน นี่คือตัวอย่างที่ยืนยันได้ว่า การถนอมร่างกายในฤดูเหมันต์ได้ผล แต่น่าเสียดายที่ข้าพเจ้ายังไม่สามารถที่งดกาเมอย่างสิ้นเชิง จึงทำให้ผมและหนวดเคราของข้าพเจ้าขาวโพลน
การฝึกวิชาเพื่อให้อายุยืนยาว นอกจากอาศัยความพยายามของตนเองแล้ว ยังต้องมีจิตฝักใฝ่กุศล และฝึกตัวเองให้ควบคุมอารมณ์ ยับยั้งใจตัวเองให้ได้ ทำสิ่งใดยึดหลักจงรักภักดี กตัญญูรู้คน สันติอหิงสา เมตตาผ่อนปรน รักสรรพสัตว์ และบำเพ็ญศีลบำเพ็ญธรรม ปฏิบัติเช่นนี้ไปติดต่อกัน นานวันเข้าก็จะสัมฤทธ์ิผล
พ่อแม่ที่มีจิตรักลูกอย่างแท้จริง เมื่อบุตรอยู่ในวัยเด็กหรือวัยแตกเนื้อหนุ่มสาว ควรดูแลใกล้ชิดเฉกเช่นดูแลสาวพรหมจาริณี คอยระมัดระวังอย่าให้หลงเดินทางผิด อย่าหลงตามกระแสอันเลวทราม บุตรชายถึงไม่สามารถรักษาตัวให้ถึงอายุ 30 ค่อยแต่งงาน แต่อย่างตํ่าต้องรักษาตัวให้ถึงอายุ 17 ให้พลังแรกเริ่มเติบโตสมบูรณ์ จึงอนุญาตให้แต่งงานหลังจากนั้น สั่งสอนวิธีประหยัดพละกำลัง ลดกาเม มีแต่วิธีนี้จึงสามารถลดโรคภัยไข้เจ็บ ยืดอายุให้ยืนยาว ลูกหลานเฟื่องฟูรุ่งเรือง
คนเราเมื่อร่างกายแข็งแรง พลังวังชา สติปัญญาเต็มร้อย จะเป็นพื้นฐานดีแก่ธุรกิจการงาน การเรียนดี การงานคล่อง รับราชการก็มีโอกาสก้าวหน้า สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ชาติ บทความนี้ไม่กล้าถือเป็นการเตือนสติสังคม แต่ก็อยู่ในเหตุและผลที่พึงกระทำ
คนแซ่หันแห่งเฮี้ยนซัน
เขียน ณ วันเช็งเม้ง ปลายฤดูวสันต์ ปีกี่อิ่ว (ค.ศ. 1849)
รัชสมัยเต้ากวง (ค.ศ.1821-1850)