ผู้น้อยอยู่ว่างๆ จึงไปหยิบหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งในตู้มา อ่าน บังเอิญเป็นหนังสือศีล 5 ของพระอาจารย์ เป็นคำพูดแบบร้อยแก้ว ในเมื่อเป็นศีลที่พระอาจารย์ได้บัญญัติไว้ควรจะต้องอ่านตอนนั้นหากไม่อ่านคงไม่มีโอกาสได้ ไปสวรรค์เพราะอะไรล่ะ?เพราะเมื่อได้อ่านก็ยิ่งกลัว เมื่อก่อนที่ผู้น้อยอยู่กับภรรยาได้ให้กำเนิดบุตร 4 คน ช่วงที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์ ผู้น้อยเป็นคนฆ่าไก่ปรุง อาหารให้ภรรยาเอง การฆ่าไก่ ผู้น้อยก็ได้ทำผิดแล้วยังมีศีลข้อกาเม มุสา สุรา ล้วนทำผิดทุกข้อ ผู้น้อยได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่สบายใจ คิดว่า แย่แล้ว! แย่แล้ว! ศีลทุกข้อล้วนละเมิดหมด พออ่าน ถึงศีลข้อสุดท้าย (ซึ่งว่าด้วยการเว้นจากสุรา) หาก ซื้อเหล้าไปมอบให้ผู้อื่นจะมีบาป แต่ผู้น้อยไม่เพียงแค่ซื้อเหล้าให้เขาเท่านั้น สมัยยังทำงานธุรกิจอยู่ หาก ได้ไปต่างประเทศกลับมา มักจะซื้อเหล้านอกเป็นของ กำนันมาประจบข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็คือการติด สินบนข้าราชการในการทำการค้านั่นเอง บาปหนักมาก
"เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะบำเพ็ญสำเร็จ ได้อีกหรือ "
ในใจผู้น้อยคิด...
ทำบาปถึงขนาดนี้จะต้องไปเกิดเป็นหมูห้าร้อยชาติ และสัตว์ที่ไม่มีแขนไม่มีขาอีก ผู้น้อยคิดว่าแย่แล้ว!
สัตว์ที่ไม่มีแขน ไม่มีขา คืออะไรล่ะ?
ก็คือ งู ไส้เดือน หนอนนั่นเอง ยิ่งคิดก็รู้สึกว่าน่ากลัวจริงๆถ้าไม่ใช่เกิดเป็นงูก็ต้องเป็นไส้เดือน แย่แล้วๆ เสีย เวลาการบำเพ็ญจริงๆ คงบำเพ็ญไม่สำเร็จแน่ คนที่ จะไปเกิดเป็นงูเป็นไส้เดือนแล้วจะบำเพ็ญสำเร็จได้อย่างไร?
ผู้น้อยก็เลยร้องไห้ออกมารู้สึกเสียเวลา
ที่ตัวเองอุตส่าห์ตั้งใจบำเพ็ญมา
ขณะที่ผู้น้อยไปดูแลที่สถานธรรมเทียนเต้าถันใหม่ๆ คิดว่าถ้าบำเพ็ญตั้งแต่หนุ่มๆ ก็ดีซิ เดี๋ยวนี้ผู้น้อยอายุตั้ง 70 กว่าปีแล้วหากจะบำเพ็ญก็ต้องวิ่งแล้ว มิฉะนั้นคงไล่ไม่ทันการกราบพระในสถานธรรม เวลาถวายธูปเช้า เย็น ปกติผู้น้อยจะกราบพระ 2000 กราบ วันพระ 1 ค่ำ 15 ค่ำ จะกราบพระ 3000 กราบ วันไหนอยู่สถานธรรมจะกราบ เช้า กลางวันเย็น กราบ เป็นหมื่นกราบ ผู้น้อยไม่ได้ทำเพียงแค่นี้ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาเปิดประตู ก็จะกราบอรุณสวัสดิ์พระองค์ธรรมมารดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย 10 กราบ
เวลาปิดประตู ก็จะกราบราตรีสวัสดิ์พระองค์ธรรมมารดาอีกครั้ง ในขณะที่ผู้น้อยกราบพระ ก็จะพูดกับพระอาจารย์ว่า
"ลูกศิษย์จะบำเพ็ญธรรมให้สำเร็จให้ได้ จะกลับไป(เบื้องบน)ให้ได้ผู้น้อยตั้งปณิธานจะต้องบำเพ็ญให้สำเร็จล้มเหลวไมได้เด็ดขาด"
แต่เมื่อหลังจากได้มาอ่านหนังสือศีลห้าของพระอาจารย์ก็หมดความมั่นใจ ไม่อยากบำเพ็ญแล้ว เพราะไม่สามารถกลับไปเบื้องบนได้ ขณะนั้นไม่มีความมั่นใจเลย คิดถึงลูกสะใภ้ที่เคยมาชวนให้ผู้น้อยกลับบ้าน
ตอนนั้นใจคิดไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว (เทียนเต้าถัน)อยากกลับไปอยู่กับลูกหลานให้มีความสุขดีกว่า กลับบ้านก็บำเพ็ญได้ ไม่ได้ทำสิ่งไม่ดีอยู่แล้ว
พอถึง ช่วงเย็นจะถวายธูป ฝนตกหนักมาก และมีเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ในใจก็คิดว่า
"เรามาดูแลสถานธรรมใหญ่คนเดียว ฟ้าก็มืดสนิทรู้สึกว่าขาดเพื่อน อีกทั้งอายุก็ 75 ปีแล้ว เวลาจะกินก็ต้องหุงหาอาหารทำกินเอง เสื้อผ้าก็ต้อง ซักเอง หากกลับไปอยู่ที่บ้าน ก็มีคนดูแลอย่างดีทำให้ทุกอย่าง"
เมื่อคิดถึงตรงนี้ รู้สึกปวดร้าวในใจลึกๆ หมดกำลังใจไม่อยากบำเพ็ญอยู่แล้ว
สถานธรรมมี3 ชั้น
ชั้นสูงสุด คือ ห้องพระศรีอริยเมตตรัย
ชั้นล่าง คือ เทพวินัยธรและพระโพธิสัตว์กวนอิม
เวลาผู้น้อยไหว้พระ ก็จะไหว้จากชั้นบนลงมาถึงชั้นล่างขณะที่ถวายธูปกำใหญ่ ผู้น้อยกราบขอขมาสำนึกความผิดบาปวอนขอพระองค์ ธรรมมารดาเมตตาให้อภัย 1000 กราบ
แล้วผู้น้อยก็ร้องไห้ออกมา
บอกต่อพระองค์ธรรมมารดาเมตตา ลูกมีความผิดมากบำเพ็ญูจะสำเร็จไหม?
บำเพ็ญไป มีประโยชน์อีกไหม?
หากสามารถบำเพ็ญสำเร็จกลับเบื้องบนได้ ลูกจะอยู่ที่นี่ต่อไป หากไม่สำเร็จลูกจะกลับไปบ้านแล้ว อยู่บ้านหรืออยู่สถานธรรม ก็บำเพ็ญได้เช่นกัน กราบพระแม่องค์ธรรม 1,000 กราบแล้วก็มากราบพระอาจารย์ชาย พระอาจารย์หญิงอีก1,000 กราบ
ขณะนั้นระงับความปวดร้าวใจไว้ไม่อยู่จึงร้องไห้ออกมาเสียงดัง ฝนตกหนักมาก คิดว่าคงไม่มีใครได้ยิน ยิ่งร้องก็ยิ่งเสียงดังร้องไห้ไปก็พร่ำพูดไปว่า
"ศีลห้าที่พระอาจารย์บัญญัติไว้ ศิษย์ได้ทำผิดทุกข้อศิษย์ได้ผ่านชั้นสำนึกขอขมาบาป(ชั่นหุ่ยปัน) แต่สิ่งที่ทำผิดเหล่านี้ไม่ได้เขียนลงไปเลย ไม่ได้กราบรายงาน ไม่ได้สำนึกขอขมา เพราะศิษย์ไม่รู้ว่าศีลข้อสุราจะหนักเช่นนี้ศิษย์บำเพ็ญเช่นนี้จะสำเร็จไหม?"
ผู้น้อยร้องไห้บอกกับพระอาจารย์ด้วยใจจริงเมื่อถวายธูปเสร็จเป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่า ญาติธรรมแซ่หลิวคนหนึ่ง (ผู้น้อยเรียกเขาว่าน้องชายหลิว) ซึ่งพักอยู่ในสถานธรรม เมื่อเลิกงานกลับมา เห็นผู้น้อยร้องไห้อยู่ก็ถามว่า
"คุณลุง เป็นอะ ไร ไป! ทำไมจึงร้องไห้ "
ผู้น้อยก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า "ก็ไม่สบายน่ะสิ"
เขาก็พูดว่า "ไม่สบายก็ควรไปหาหมอ"
ผู้น้อยพูดว่า "วันนี้เป็นวันอาทิตย์จะมีหมอที่ไหนคงไม่ตายหรอก! เดี๋ยวก็หายแล้ว
ฝนตกหนักอย่างนี้ บุคลากรผู้อยู่เวรช่วงกลางคืนคงไม่มาแล้วล่ะ เธอไปปิดประตูเช้าหน่อย
(ปกติผู้น้อยจะเป็นคนปิดประตูเอง) แล้วเธอก็ไปหาข้าวกินคนเดียวก็แล้วกันนะ คืนนี้ฉันไม่หิวไม่กินแล้ว"
คืนนั้นผู้น้อยไม่กินข้าว