คัมภีร์เขียนไว้ว่า
“สร้างกุศล มงคลเยือน
ทำความชั่ว เคราะห์กรรมถึง”
“กุศลไม่สร้าง ไม่สามารถเรืองนาม
บาปกรรมไม่ก่อ ไม่ถึงขั้นประหาร”
“ทุกข์เกิดจากบาป สุขมาจากบุญ”
และยังกล่าวอีกว่า “กาเมสุมิจฉาจารเป็นยอดแห่งบาปกตัญญูกตเวทีคือเลิศของบุญ” ตรรกะนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใดทำแต่ความดี ลูกหลานของเขาย่อมเจริญรุ่งเรือง กราบเรียนท่านผู้บำเพ็ญตนที่เคารพทุกท่าน ควรปฏิบัติตามคติพจน์นี้สร้างแต่กุศลธรรมตลอดเทอญ
ธรรมแห่งมรรคผล ปรากฏเด่นชัด กงกรรมกงเกวียนไม่มีผิดเพี้ยนนี่เป็นธรรมะที่แม้ผ่านไปพันๆ ปี ก็ไม่แปรเปลี่ยนปัจจุบันข้าพเจ้ารู้สึกว่า เราเจริญรอยตามบัณฑิตหยูที่มีจิตเอนเอียงไปทางปฏิเสธพุทธ เพื่อรักษาชื่อเสียง เกียรติยศของตัวเอง บทความที่เขียนมักเขียนแบบหนังสือราชการ ละมุนละม่อมไปหมดทุกด้าน คำสอนของเทพธรรม ไม่กล้ากล่าวถึงความจริง แล้วเรื่องของมรรคผล กฎแห่งกรรม มีหลักฐานยืนยันไม่น้อย อย่างเช่นพระอริยเจ้า และบุรพาจารย์เก่าก่อนยึดถือไม่มุสาเป็นหลัก ลัทธิขงจื๊อมีบทความคำสอนของบรมศาสดาขงจื๊อให้ปฏิบัติตาม พระสงฆ์องค์เจ้าเน้นละเว้นการทำชั่ว พระพุทธเจ้าให้ยึดหลักมรรคผล เทพเทวดาถือเจริญภาวนาจิตอย่างแน่วแน่จะได้ผลบุญตอบสนอง แม้ลัทธิเต๋ายังมีหนังสืออบรมบ่มนิสัยมายืนยัน ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ไม่ว่าพุทธ เทพยดา หรือพระอริยเจ้าล้วนมิยอมให้กล่าวเท็จหลอกลวงชาวโลก ศาสนาแม้แบ่งเป็นสาม แต่มี “ห้ามมุสา”เป็นหลักธรรมเดียวกัน ในเมื่อทุกศาสนาห้ามพูดเท็จ แล้วจะมาหาว่าหนังสือเทวราชโองการเล่มนี้ พูดเท็จได้อย่างใดฉะนั้น จะเข้าใจถึงกฎแห่งกรรมของโบราณและปัจจุบัน ต้องอ่านหนังสือเทวราชโองการ ยิ่งอ่านก็จะยิ่งรู้ซึ้งสิ่งเหล่านี้ยิ่งเชื่อถือปฏิบัติตามคำว่า “ดีชั่วสุดท้ายได้ผลตอบเพียงแต่มาเร็วหรือมาช้า” คำพูดนี้เป็นคำสัตย์จริง จึงเสนอแนะให้เพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย ควรยึดมั่นและนำไปปฏิบัติ ขอให้สาธุชนทุกท่านมีอายุวัฒนะ เมื่ออายุมากขึ้น ผ่านชีวิตโชกโชน ก็จะรู้ซึ้งถึงอานิสงส์ของหนังสือธรรมะไม่คลาดเคลื่อนแม้กระเบียดนิ้ว
ข้าพเจ้านายเสีวยตี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ได้รับการอบรมสอนสั่งจากพ่อแม่ ให้หมั่นทำบุญสร้างกุศล ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก คำสอนเหล่านี้ ได้จารึกอยู่ในจิตข้าพเจ้ามิกล้าลืมเลือน น่าเสียดายข้าพเจ้าเป็นผู้โง่เขลา ตำราเรียนกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ ข้าไร้วาสนา ไม่สามารถไปสอบเป็นขุนนาง ละอายใจตัวเองไม่สามารถรับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เพื่อ ตอบแทนบุญคุณ ประเทศชาติ และเชิดชูเกียรติยศชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล จิตที่มุ่งมั่นไม่สามารถบรรลุผล เลยต้องหันไปเรียนรู้ทางการค้า
เมื่อคิดที่จะทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สร้างกุศลเผยแผ่แก่สรรพชีวิตแล้ว ก็อย่าไปคาดหวังอะไรมาก ยิ่งพรหมลิขิตบันดาลชะตาชีวิตไม่แน่นอน บางช่วงดีบางช่วงร้ายถึงจะมีอุดมคติยิ่งใหญ่ แต่มาถึงบัดนี้การงานก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมาย อนาคตยากจะหยั่งรู้ หรือจะกลับบ้านเก่า (สิ้นบุญ) ด้วยมือเปล่ามิสู้กลับใจเข้าหาฝั่งพุทธเกษตร สร้างกุศลมรรควันนี้เพื่อผลบุญในชาติหน้า อย่าคอยอายุขัยสิ้น ถึงจะสำนึกก็สายเสียแล้ว เมื่อคิดเช่นนี้ หลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้จัดพิมพ์พระสูตรไตรพระอริยเจ้า เพื่อแนะให้ผู้คนทำแต่ความดีหลังจากนั้น ได้พิมพ์คัมภีร์พระราชกูฏอวโลกิเตศวรสูตรและคัมภีร์มหากรุณาจิตธารณีสูตร ออกเผยแผ่ชักจูงคนปฏิบัติธรรมบำเพ็ญบารมี
สิบหกปีหลังจากพิมพ์หนังสือธรรมะออกเผยแผ่ ภรรยาที่คิดว่าเป็นหมันได้คลอดบุตรชายเมื่อยามอายุมาก และในปีนั้นเกิดนิมิตศุภมงคลสามประการ นี่เป็นสิ่งที่ไม่กล้าคาดฝันหวนคิดไตร่ตรอง คงเป็นอานิสงส์ของกุศลธรรมนั้นแล ช่วงพิมพ์หนังสือธรรมะออกเผยแผ่ไม่คิดหวังบุญ เพียงเพื่อต้องการชักจูงผู้คนเข้าหาธรรม ทำแต่ความดี ไม่นึกว่าได้รับการคุ้มครองรักษา และเมตตาปราณีอย่างล้นเหลือจากเทพเจ้าถึงเยี่ยงนี้ ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ามีจิตมุ่งมั่น แนวแน่ต่อการทำบุญสร้างกุศลตลอดไป
ปีที่ 30 ของรัชกาลกวางสี (ค.ศ.1904) ข้าพเจ้าไปไหว้พระบูรพาคิรีมหาราชเจ้า และอธิษฐานพิมพ์หนังสือบรมมหารัตนเทวราชโองการเพื่อโปรดสรรพสัตว์ถวาย 2,000เล่ม ปล่อยสัตว์หมื่นชีวิต เพื่อขอพรให้คุณแม่ท่านมีอายุยืนถึง 100 ปี ภรรยาหายจากเจ็บป่วย ลูกชายคนโตซี่หลินการค้าราบรื่น ลูกชายคนรองเซียงซี่อายุยืนยาว และทั้งครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข กิจการเจริญรุ่งเรือง หลังจากอธิฐานไม่นาน ได้รับความกรุณาคุ้มครองจากเทพเจ้าทุกอย่างล้วนราบรื่นสมใจปรารถนา เช่น เดือนห้าของปีนี้มารดาท่านเกิดไม่สบายหนัก ข้าพเจ้ารีบอธิฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ กลางแจ้งไม่นานมารดาก็หายป่วย นี่ถ้าไม่ใช่ได้รับการคุ้มครองอย่างเงียบๆ ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้จากทุกข์กลายเป็นสุข จากร้ายกลายเป็นดีแล้วจะเรียกว่าอย่างไร ด้วยเหตุนี้ จึงบันทึกความศักดิ์สิทธิ์ของกุศลกรรมเพื่อเป็นบทเตือนใจตัวเอง กระตุ้นจิตให้มีความบากบั่นพยายามยิ่งขึ้น และอยากให้เป็นเสียงระฆังในยามวิกาลของท่านอื่น เพื่อหวังให้ทุกท่านบรรลุถึงฝั่งแห่งธรรมแต่โดยเร็วเทอญ
เสีวยตี้ขอน้อมวาดหวัง และน้อมคารวะ ณ ที่นี้
กราบขอนำเอาประสบการณ์จริงจากความศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมาเป็นบทนำของหนังสือเล่มนี้
หยังเสีวยตี้ เขียนเมื่อวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 12 ปีกวางสี33 ( ค.ศ.1907 ) ณ มณฑล เจ๋อเจียงจังหวัดหนิงปอ อำเภอเจิ้นไห่
ที่บาร์เหล้าในเมืองไถจง มีพาร์ทเนอร์หญิงที่เป็นใบ้คนหนึ่ง เธอเป็นคนสวย แม้จะเป็นใบ้แต่ก็ได...