นับตั้งแต่โบราณกาล บรรดานักบวชนักพรตทั้งหลายผู้แสวงหาสัจจธรรม มักจะอาศัยอยู่ตามป่าบนภูเขาสูงอันเงียบสงบเพื่อปฏิบัติบำเพ็ญธรรมท่ามกลางธรรมชาติต้นไม้และสายน้ำชาวจีนได้ให้สมญานามท่านเหล่านั้นว่า “เซียน”
ในฤดูหนาวปีหนึ่งอากาศหนาวเย็นมาก ขณะที่เซียนอาวุโสกำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้โพรงไม้ใหญ่อันเป็นกิจที่ท่านปฏิบัติอยู่เสมอๆ ก็มีนกตัวหนึ่งหนาวเหน็บมันไม่อาจบินต่อไปได้อีกจึงต่อนลงที่ตักซุกตัวนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเซียนองค์นั้น เมื่อท่านนักบวชรู้สึกตัวเห็นนกที่น่าสงสารกำลังนอนอยู่อย่างสบาย เพราะได้อาศัยไออุ่นจากตัวของท่าน
เซียนผู้เฒ่าได้แต่ยิ้มละไมด้วยจิตที่แช่มชื่น แล้วท่านก็นั่งอยู่อย่างสงบนิ่งต่อไป ไม่ยอมกระดุกกระดิกเคลื่อนไหวด้วยเกรงว่าจะทำให้นกน้อยตกใจ เป็นเช่นนี้อยู่นานจนกระทั้งนำนั้นบินจากไปเองท่านจึงได้ลุกขึ้น นักบวชรูปนี้ ท่านเป็นผู้มีจริยวัตรอันเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา ต่อเวไนยสัตว์สมกับที่ผู้คนทั้งหลายเคารพยกย่องท่านว่าเป็น “เซียน” อันหมายถึง “เทพเจ้า” คือผู้ที่พำนักอยู่บนภูเขานั้นเอง