mindcyber 2 weeks ago
admin #hell2

ความอัศจรรย์ของหนังสือเทวราชโองการ การอธิษฐานช่วยรักษาโรค

ของสกุลเกาและสกุลเก่อ

บทบันทึกของเกาหลัน แห่งอำเภอเหยินเหอ มีตอนหนึ่งบันทึกไว้ว่า น้าชายข้าพเจ้าเซี่ยเอี่ยวเฉียว ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ได้รับความกรุณาผ่านการสอบคัดเลือกระดับอำเภอวันขึ้น11 ค่ำ เดือน 9 ข้าพเจ้าไปแสดงความยินดีกับน้าชาย

ท่านมอบหนังสือเทวราชโองการให้ข้าพเจ้า 1 เล่ม พร้อมเล่าเรื่องในความฝันให้ฟัง ข้าพเจ้าฟังแล้วรู้สึกแปลกประหลาดใจมาก

ช่วงนั้นพอดีบุตรชายข้าพเจ้าเจิงเสี่ยน เป็นโรคหัดเวลาผ่านไป 3-4 วัน หัดยังไม่ปรากฏชัดวันขึ้น 15 ค่ำ ภรรยาเฝิงสื้อ บุตรสาวเจินชิง ก็ติดเชื้อหัด ต่อมาบ่าวคนหนึ่ง และสาวใช้อีกคนหนึ่งก็ติดเชื้อหัดเช่นกัน ข้าพเจ้าเห็นเช่นนั้นรู้สึกกระวนกระวายมาก

คืนต่อมา ข้าพเจ้าจุดธูปพร้อมเขียนฎีกาถวาย และขอขมากรรมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมแสดงความปรารถนาจะปล่อยสัตว์สามแสนชีวิต และพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ300 เล่มออกแจกจ่ายเผยแผ่

เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบวัน ที่บ้านก็หายจากโรคหัด4 คน แต่เนื่องจากลูกชายร่างกายอ่อนแอ พิษหัดไม่สามารถขจัดหมด กกหูซ้ายเชื้อปะทุจนกลายเป็นหนองยิ่งแปลกกว่านั้น ภรรยาข้าพเจ้าเฝิงสื้อเชื้อหัดไม่ยอมปะทุหลบซ่อนมองไม่ชัดเจน แพทย์ผู้รักษากังวลกลัวเชื้อจะซ่อนใน แต่หลังจากข้าพเจ้าเผาฎีกา คนไข้กินยาเหงื่อออกสามครั้งโรคหัดทั้งสองก็หายขาด

การได้รับความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองให้คนทั่วทั้งบ้านปลอดภัย ความอัศจรรย์ของหนังสือเทวราชโองการมีผลปรากฏชัดในเวลาอันใกล้ ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อความฝันของน้าชายเซี่ยเอี่ยวเฉียวไม่ได้

บทบันทึกของเก่อหวี่เถียน แห่งเมืองซูโจว บันทึกไว้ว่าท่านเซี่ยเอี่ยวเฉียวเป็นคนมีชื่อเสียงด้านกตัญญู และซื่อสัตย์สุจริตในเมืองหังโจว ปีอู้อิ๋น (ค.ศ.1818) มาที่บ้านข้าพเจ้ามอบหนังสือเทวราชโองการหนึ่งเล่มเป็นของกำนัล เมื่อข้าพเจ้าเปิดอ่านถึงประโยค “นรกในยมโลก ก็คือ นรกในใจคน” ทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในกฎแห่งกรรมทันที

ปีจี๋เหม่า หลานชายคนโตของข้าพเจ้าไม่สบาย อาการหนักมากข้าพเจ้าเขียนฎีกาถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และนำไปอธิษฐานในกลางแจ้งว่า ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยรักษาโรคหลานชายคนโตให้หาย จะตอบแทนด้วยพิมพ์หนังสือเทวราชโองการออกเผยแผ่ จากนั้นอาการไข้ของหลานชายก็ดีขึ้นจนกระทั่งหายขาด

เดือนยี่ของปีซิงซื่อ (ค.ศ.1821) บุตรชายคนโตอิ๋นเลี่ยงเป็นโรคคอตีบ อาการสาหัส ข้าพเจ้าร้อนรน และจนปัญญามีแต่จุดธูปแล้วไปกลางแจ้ง อธิษฐานให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ และตั้งปณิธานจะพิมพ์หนังสือเทวราชเพิ่มอีก อธิษฐานเสริมไม่นาน อาการลูกชายก็จากร้ายกลายเป็นดี

เพื่อขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง คราวก่อนไหว้วานเพื่อนไปสั่งพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 300 เล่มเพิ่งแจกหมดเที่ยวนี้จะไปหังโจวสั่งพิมพ์ใหม่อีก 300 เล่ม แต่เที่ยวนี้ต้องนำหนังสือไปแจกต่างถิ่น เพื่อหนังสือสามารถเผยแผ่สู่โลกกว้าง และแนะนำชาวโลกให้ทราบว่า ผู้ใดนอบน้อมปฏิบัติตามหนังสือเล่มนี้ ผลบุญที่ได้รับก็ไร้ขอบเขต

หนังสือรวมบทบันทึกสำนักธรรมฉิวจี่แห่งสกุลหลี่บันทึกไว้ว่า ท่านหลิวเสวียเฉา แห่งอำเภอซันอิน รัชกาลเฉียนหลง ปีปิ่งเซิน (ค.ศ.1776) พาครอบครัวเดินทางไปนครหลวงปักกิ่งเพื่อเตรียมการสอบ

ในระหว่างการเดินทาง วันหนึ่งได้พบแม่นางเสื้อแดงนางหนึ่งมาขวางหน้า และพูดกับข้าว่า “ในช่วงข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ ปรารถนาจะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 100 เล่มออกเผยแผ่ แต่ท่านมาขัดขวางหาว่าการพิมพ์หนังสือไม่เกิดประโยชน์อันใด ทำให้ข้าตายแล้วต้องรับกรรมในนรกภูมิ”

ท่านหลิวเห็นผู้หญิงคนนั้น แล้วรู้สึกตกใจมาก เพราะแม่นางคนนี้คือคนใช้ในบ้าน แม่นมเจิ้ง ที่ล่วงลับไปนั่นเอง

จากวันนั้น ท่านหลิวก็ล้มป่วยจนต้องเดินทางกลับบ้านเกิด วิญญาณของแม่นมเจิ้งยังไม่ยอมจากไป มักมาป้วนเปี้ยนปรากฏให้ท่านหลิวเห็นอยู่เนืองๆ

ภรรยาท่านหลิวแม่นางเจียงสื้อ เห็นการณ์เช่นนี้เลยอธิษฐานต่อวิญญาณแม่นมเจิ้งว่า จะจัดพิมพ์หนังสือเทวราชโองการแทนสามีเพื่อชดเชยความผิด และพิมพ์จำนวนเพิ่มเป็นสองเท่าของแม่นมเจิ้งที่เคยปรารถนาไว้

และแล้ว ท่านหลิวก็ใช้เสียง และสำเนียงการพูดแบบแม่นมเจิ้งพูดกับภรรยาตนเองว่า “โรคของนายท่าน เกิดจากอายุขัยท่านจวนจะสิ้น ข้าพเจ้ามาพูดเรื่องนี้เพื่อชี้แจงให้ทราบ และเตรียมรับนายท่านไปสู่ปรโลกพร้อมกัน เวลานี้นายหญิงยอมช่วยพิมพ์ และช่วยแจกจ่ายหนังสือเทวราชโองการแทนข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าพลอยได้ผลบุญอานิสงส์นี้จนได้ไปผุดเกิด แต่ถ้านายหญิงยอมช่วยพิมพ์หนังสือเพิ่มอีกเท่า

ตัวแทนนายท่านก็สามารถช่วยยืดอายุขัยนายท่านได้ด้วย

แม่นางเจียงสื้อฟังเช่นนั้น รีบบริจาคเงินพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 400 เล่ม และนำออกแจกจ่ายเพื่อนฝูงญาติมิตร

เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ท่านหลิวและภรรยาพร้อมฝันเห็นแม่นมเจิ้งมาขอบคุณทั้งคู่ และแสดงความยินดีกับทั้งสองว่า “เนื่องจากหนังสือธรรมของท่านที่พิมพ์ออกเผยแผ่ ทำให้หลายคนอ่านแล้วรู้สำนึก ท่านพญายมราชอนุญาตให้บ่าวไปผุดเกิด และเพิ่มอายุขัยให้แก่นายท่าน ทั้งนี้ล้วนเป็นอานิสงส์ของนายหญิง และท่านจะได้รับผลบุญต่อไปในภายภาคหน้าไม่รู้จบสิ้น

สามีภรรยาเมื่อตื่นขึ้น ถามหาความฝันเมื่อคืนต่างตรงกัน จากนั้นไม่นาน ท่านหลิวก็หายจากการเจ็บป่วย

บันทึกโดยหลอเหลี่ยงฟงแห่งจู๋ซี

บทบันทึกสำนักธรรมฉิวจี่ถัง ยังมีบันทึกอีกตอนหนึ่งว่า ท่านฉิวฟู่ชู ชาวนครหนันจิง ช่วงที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านกตัญญูกตเวที ภรรยาเสียชีวิตไปตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย ลูกชายชื่อต้าหยง ก็เป็นคนกตัญญูและมีจิตอันเป็นกุศล แต่ท่านฟู่ชูเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์หรือนรก

ปีเหยินจื่อในรัชกาลเฉียนหลง (ค.ศ.1792) ฟู่ชูไปทำการค้าที่เมืองซูโจว ขากลับนำหนังสือเทวราชโองการกลับมาเล่มหนึ่งพ่อลูกทั้งสองได้อ่านหนังสือเล่มนี้ แต่ฟู่ชูอ่านแล้วหัวเราะว่าเป็นเรื่องเหลวไหล นำหนังสือไปเก็บไว้ที่สูง ส่วนลูกชายต้าหยงอ่านแล้วกลับเชื่อถือว่าเป็นเรื่องจริง ใจอยากจะนำไปพิมพ์ออกแจกจ่ายเผยแผ่ แต่กลัวท่านพ่อรู้เข้าจะถูกดุด่าเลยเก็บโครงการนี้ไว้

ปีกุ่ยโฉ่ว (ปีถัดมา ค.ศ.1793) ฟู่ชูเกิดไม่สบายหนักเลยบ่นกับบุตรชายว่า “ช่วงนี้ พ่อเจ้ามักฝันเห็นผีที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว และแปลกประหลาด มารวมตัวป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้านเรา พ่อจึงทราบว่าเรื่องผีนั้นมีจริง เมื่อผีมีจริงเชื่อว่าเรื่องนรกในยมโลกย่อมมีจริง น่าเสียดายที่พ่อเจ้าไม่น้อมนับถือหนังสือเทวราชโองการมาตั้งแต่ต้น เมื่อผู้เป็นบุตรได้ยินคำพูดของบิดา รีบปฏิญาณจะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 300 เล่มออกเผยแผ่

ต่อมาฟู่ชูได้ยินผีพูดว่า “เขาใกล้จะตายแล้ว เทพเจ้าเตาจะสลักคำว่า “ปฏิบัติตาม” ไว้บนหน้าผากเขา” แต่แล้วอีกไม่นาน ฟู่ชูก็ได้ยินเสียงผีร้องเรียกพรรคพวกจากข้างนอกว่า “ราชโองการของเง็กเซียนฮ่องเต้มาถึงแล้ว พวกเรารีบกระจายหนีเถอะไม่เช่นนั้นจะถูกยมโลกลงโทษ” จากนั้นไม่นานฟู่ชูก็หายจากอาการเจ็บป่วย

บันทึกคำพูดของฉิวต้าหยงที่สนทนากับหลินจวง

หนังสือรวมบันทึกของสำนักเคอยุ่นถังแห่งสกุลเคอมีบันทึกตอนหนึ่งว่า ท่านหลิวเต๋อสั้น เป็นชาวจิ้งหลิงในมณฑลหูเป่ย มีบุตรชายชื่อเทียนหวี้ วันหนึ่งเจ็บป่วยจนยากแก่การเยียวยา หมอที่มารักษาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ถึงนายแพทย์เปี่ยนเชี่วย (เป็นนายแพทย์ชื่อดังในสมัยจีนโบราณยุคจั้นกั๋ว ปี 475-221 ก่อนคริสต์ศักราช) กลับชาติมาเกิดใหม่ก็ไม่สามารถรักษาได้” คำพูดของนายแพทย์ทำให้คนทั้งบ้านตื่นตระหนกมากจนทำอะไรไม่ถูก ท่านเต๋อสั้นเลยเปลี่ยนมาตั้งจิตอธิษฐาน ขอความเมตตาจากฟ้าช่วยให้ลูกชายหายจากไข้เจ็บ และปฏิญาณว่าจะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการจำนวน 100 เล่ม เพื่อโปรดชาวโลก

เป็นเรื่องแปลก เมื่อเต๋อชูอธิษฐานเสร็จไม่นาน สีหน้าของลูกชายก็ค่อยๆ ดีขึ้น เต๋อชูรีบเชิญหมอที่รักษามาดูคนไข้อีกครั้ง คุณหมอตรวจอาการคนไข้แล้วอุทานว่า “แปลกมากแปลกมาก ทำไมตอนเย็นมาตรวจอาการคนไข้ต่างจากตอนเช้าราวฟ้ากับดิน?” คุณหมอจึงเจียดยารักษาผ่านไป 10 วันคนไข้ก็หายเป็นปกติ

หนังสือรวมบทบันทึกของเคอยุ่นถัง ยังมีบันทึกอีกตอนหนึ่งว่า ท่านเฉินเคอะควน แห่งอำเภอสั้งหยวนมีญาติชื่อพันจิ่งเฟิง เนื่องจากป่วยหนัก ใช้ยาอะไรก็รักษาไม่ได้ผลเฉินเคอะควนไปเยี่ยมคนไข้ ตั้งใจจะแนะนำคนไข้พิมพ์หนังสือเทวราชโองการออกเผยแผ่ แต่ไปถึงคนไข้อาการสาหัสจนหมดสติ ไม่สามารถพูดจาได้

ต่อมา วิญญาณคนไข้ได้เข้าไปนรกภูมิ พบพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ทางบ้านสักการบูชา และพระโพธิสัตว์ตรัสกับพันจิ่งเฟิงว่า อายุขัยของพันจิ่งเฟิงสิ้นแล้ว ทางเดียวที่จะยืดอายุขัยเขาได้คือ พิมพ์หนังสือเทวราชโองการออกเผยแผ่หมื่นเล่มเมื่อพันจิ่งเฟิงได้ยินเช่นนั้นดีใจมากจนฟื้นสติขึ้นมาใหม่ เล่าเหตุการณ์ในฝัน และคำโอวาทของพระโพธิสัตว์กวนอิมให้คนในบ้านฟัง คนในบ้านต่างกล่าวเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งเลยปฏิญาณว่าจะทำตามคำชี้แนะของพระโพธิสัตว์เจ้า

แต่น่าเสียดายครอบครัวยากจน ภรรยาก็เป็นสตรีเพศที่อ่อนแอลูกชายอายุยังน้อย จะคัดลอกหนังสือเองก็ไม่สามารถทำได้ วันๆ รู้แต่ร้องไห้คร่ำครวญ จนจัดการปัญหาไม่ถูกเนื่องจากพวกเขาไม่รู้จักจัดแบ่งเป็นสัดส่วน ไม่รู้จักพิมพ์หนังสือจำนวนหนึ่งมาถวายก่อน ที่เหลือค่อยแบ่งเป็นเวลาจัดพิมพ์ถวายทีหลัง ถึงแม้พันจิ่งเฟิงจะเร่งรัดทุกวัน ก็ไม่ได้ผล

เวลาผ่านไป 10 วันยังไม่มีหนังสือสักเล่มปรากฏให้เห็นพันจิ่งเฟิงเห็นเช่นนั้นมีแต่ถอนหายใจว่า “ท่านพระโพธิสัตว์ได้ตรัสไว้ ยมโลกให้เวลาเพียง 10 วัน เวลานี้ครบกำหนดแล้วแต่หนังสือสักเล่มก็ไม่มี ช่วยไม่ได้แล้ว”

ต่อมาเฉินเต๋อควนได้รับข่าวพันจิ่งเฟิงเสียชีวิตแล้วสอบถามรายละเอียด ทราบถึงต้นสายปลายเหตุ จึงนำเรื่องราวทั้งหมดเผยแผ่ทั่วนครนานกิง

หลังจากนั้นมา ในนครนานกิงใครเกิดป่วยหนัก มักจะอธิษฐานพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ ออกแจกจ่ายเผยแผ่และมักได้สมหวังตามที่ขอ

เฉินเต๋อควนไม่กล้าพูดเท็จ เล่าตามเหตุการณ์จริงจึงบันทึกเป็นหลักฐาน เพื่อแนะนำผู้คนมุ่งสู่กุศลกรรม

เซวียนฮ่วนจัง แห่งอำเภอเป่าซัน เป็นโรคริดสีดวงทวารหนักจนขับถ่ายเป็นเลือด มาเป็นระยะเวลานาน อาการเจ็บปวดจนยากแก่การเดินเหิน

เดือน 3 ปีอู้เฉิน (ค.ศ.1808) ในรัชกาลเจียชิ่ง บังเอิญได้อ่านหนังสือเทวราชโองการ จิตเกิดความศรัทธา จึงไปปฏิญาณต่อหน้าเทพเจ้าเตาว่า ปรารถนาจะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ หนังสือว่าด้วยรักษ์อักษร หนังสือพึงเคารพต่อเทพเจ้าเตา เพื่อหวังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยขจัดโรคเรื้อรังให้หมดสิ้น หลังจากการอธิษฐาน คืนนั้นก็ได้ฝันเห็นภิกษุองค์หนึ่ง มือถือดาบมากล่าวกับเขาว่า “ข้าจะตัดริดสีดวงของเจ้าออกเสีย” เซวียนฮ่วงจังตกใจตื่น จากนั้นมาไม่นาน โรคริดสีดวงเรื้อรังของเขาก็หายขาด

คัดจากบทสนทนาระหว่างหลิวเป่าชูกับจี้เลี่ยง

หลู่เจ้าแสง คนอำเภอฉูโจว เนื่องจากมารดาป่วยหนักเชิญนายแพทย์มาทำการรักษา แต่หมอกลับบอกว่า “อาการของมารดาท่านเข้าขั้นโคม่า ไม่สามารถเยียวยา” เจ้าแสงจนปัญญา มีแต่ไปอธิษฐานต่อหน้าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้าว่า จะจัดพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 200 เล่ม ออกเผยแผ่ ขอให้พระโพธิสัตว์เจ้าช่วยขจัดโรคภัยของท่านแม่ จากนั้นไม่ถึงครึ่งเดือน มารดาก็หายป่วย

คัดจากคำสนทนาระหว่างเจ้าแสงกับจี้เลี่ยง

เฉินจวิน เป็นชาวเมืองหยูเกา อายุ 39 ปี รับหน้าที่เป็นครูสอนหนังสือในอำเภอหวั้งเจียงคืนวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6 ได้ฝันเห็นตัวเองไปศาลเจ้าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เจ้า ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประตูเมืองหยูเกา มีคนแต่งชุดสีดำมาพาเขาเข้าไปในศาลเจ้าเห็นในตำหนัก ควันธูปสุคนธ์หอมอบอวล หน้าบัลลังก์มีภูตพนักงานยืนเรียงรายสองข้างอย่างสง่างาม และน่าเกรงขามเฉินจวินรีบคุกเข่าก้มกราบลง ณ หน้าบันไดบัลลังก์ ได้ยินพระโพธิสัตว์ตรัสว่า “ครอบครัวเจ้าเป็นตระกูลซื่อสัตย์มารดาเจ้ามิเพียงเป็นหญิงกตัญญู และซื่อตรงต่อสามี ยังเป็น

หญิงที่น้อมนับถือพุทธ ไหว้พระไหว้เจ้าอย่างสม่ำเสมอผลบุญที่แม่เจ้าสั่งสม กำหนดให้ชะตาชีวิตเจ้ามีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคัมภีร์ตำรามาสอนให้เจ้า จนได้รับการสอบคัดเลือก แต่เนื่องจากเจ้าไม่เคยสร้างกุศล ทำแต่บาป ดวงเป็นขุนนางของเจ้าจึงถูกตัดทิ้งไป เจ้าเมื่อถึงอายุ 40 ก็เดินถึงชะตาชีวิตที่ต้องรับกรรมของตัวเอง ที่ผ่านมามีคนให้หนังสือเทวราชโองการแก่เจ้าเล่มหนึ่ง เจ้าอ่านแล้วไม่เพียงแต่ไม่เชื่อถือ ยังนำหนังสือที่เขาฝากส่งให้เพื่อนไปเก็บ ไม่ยอมส่งต่อขัดขวางผู้อื่นเดินกุศลมรรค บาปกรรมนี้หนักหนายิ่งนักเมื่อถึงเดือน 8 เจ้าต้องสิ้นชีพอย่างฉับพลันหลีกเลี่ยงไม่ได้

เฉินจวินได้ฟังเช่นนั้นตกใจจนผวาตื่น หวนคิดขึ้นมาปีที่แล้วเป็นปีจี๋เหม่า ตัวเขาไปสอบคัดเลือกที่นครนานจิงพบหวงหยงเจิง ซึ่งเป็นลูกชายของครูสอนหนังสือในอำเภอเซวียนเฉิงได้กำนัลหนังสือเทวราชโองการแก่เขา หนึ่งเล่มและฝากอีก 2 เล่ม ไปให้เพื่อนร่วมหอ แต่เนื่องจากใกล้เวลาสอบ ฉุกละหุกเลยไม่ได้นำไปให้ ปัจจุบันหนังสือยังกองอยู่ในชั้นหนังสือที่บ้าน เรื่องนี้ตัวเองลืมจนสนิท เวลานี้เกิดนิมิตจึงหวนคิดขึ้นมาได้ เรื่องก็ผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่มาคิดอีกที เรื่องในความฝัน คงแค่ความฝัน จึงทำให้ตัวเองเกิดการลังเลสงสัย

เช้าตรู่ของวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เฉินจวินจู่ๆ รู้สึกมือเท้าเย็นชาสติสับสน เหงื่อไหลพราก และอยู่ในระหว่างจวนเจียนจะหมดสตินั้น พลันนึกถึงความฝันวันก่อนต้องเป็นเรื่องจริงแน่แท้ และในใจก็นึกอีกว่า ถึงตัวเองจะชั่วช้าบาปหนา แต่ถ้าเรากลับตัวกลับใจตั้งแต่บัดนี้คงไม่สายเมื่อจิตนึกเช่นนี้ การแน่นหน้าอกเมื่อกี้ก็ค่อยๆ ทุเลา สติเริ่มแจ่มใสจึงพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น นำพู่กันเขียนคำสารภาพผิด และตำหนิการกระทำของตนเองที่ผ่านมาและปฏิญาณว่าต่อไปจะทำแต่ความดี จะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ หรือหนังสือเกี่ยวกับกฎแห่งกรรมออกเผยแผ่เมื่อเขียนจบก็นำไปจุดเผาที่ตะเกียง

ในคืนนั้น เฉินจวินได้ฝันเห็นเทพเจ้าองค์หนึ่งมานำพาเขาไปยังตำหนักแห่งหนึ่ง มาถึงหน้าประตู เทพเจ้าองค์นั้นก็เข้าไปในตำหนักคล้ายกับไปเรียนทูลจิตสำนึกผิด และขมาบาปแทนเขา สักครู่เทพเจ้าองค์นั้นกลับออกมาใหม่ และตรัสกับเขาว่า “มีคำสั่งให้เลี่ยงโทษตายชั่วคราวปณิธานที่ตั้งไว้ต้องแน่วแน่ จงอย่าลืมเลือน”

ตื่นเช้าขึ้นมา รู้สึกจิตใจแจ่มใส ผ่านการกินยา ตัวเองก็หายจากอาการป่วยไข้ บทความนี้บันทึกโดยเฉินจวิน

ข้าพเจ้าเฉิงชุนผู่ เป็นชาวซิวหนิง

บทต่อท้ายของบันทึกเฉินจวินเขียนว่า “มีฟ้าดินย่อมมีอินหยางมีอินหยางก็ย่อมมีเทพเจ้าและภูตผี ย่อมมีสวรรค์และนรก” ผู้เที่ยวเตร่เสเพล คนชอบท่องอบายมุข มักจะพูดว่าตายยังไม่กลัว ไฉนจะกลัวภูตผีเทพเจ้า

พวกเคร่งคัดธรรมเนียม ยึดแต่ตำรามักจะพูดว่าเรื่องของคนทำอะไรต้องมีหลักมีฐานมีข้อพิสูจน์ แต่เรื่องของเทพเรื่องของผี ยากที่จะคาดคะเนหาสิ่งยืนยันได้ยาก

บางทีเรามาไตร่ตรองให้ดี จะพบว่า สายตาที่เราเพ่งมองออกไปสิบนิ้วที่เราชี้ออกไป ในอีกมิติหนึ่ง (ซึ่งเรามองไม่เห็น) หรือในความมืด ล้วนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ เมื่อกุศลจิตบังเกิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมรับรู้ และคุ้มครองเรา เมื่อจิตชั่วช้าบังเกิด ผีสางเทวดาก็จะคาดโทษ ข้าพเจ้าเล่าเรียนหนังสือมาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว เป็นคนถือดีทะนงตนถึงตัวเองจะเชื่อถือหนังสือเทวราชโองการ แต่จิตโลภ โกรธ หลงมุสายังไม่สามารถขจัดสิ้น บางทีชอบพูดจาโอหัง เย้ยฟ้าท้าดินเชื่อว่าคงมีการกระทำอันใดทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์โกรธกริ้ว จึงทำให้ข้าพเจ้าถึงจะเชี่ยวชาญตำรา ร่ำเรียนหนังสือนับไม่ถ้วนจนอายุเลย 50 ปีแล้ว สุดท้ายก็เป็นแค่ “บัณฑิต”

มาถึงวันนี้รู้สำนึกผิดยิ่งนัก เวลานี้ได้อ่านบทบันทึกของเฉินจวินเพื่อนข้าพเจ้า เนื่องจากนิมิต ทำให้สามารถแก้ไขในสิ่งผิด และเพื่อมิให้ต้องเหินห่างสวรรค์ ลงสู่นรก จึงนำเรื่องจริงมาตีแผ่ให้ชาวโลกรับทราบ

เฉินจวินกับข้าพเจ้า จริงแท้คือคนหัวอกเดียวกัน ฉะนั้น

ข้าพเจ้าขอบันทึกข้อความตอนนี้เรียนให้ทุกท่านทราบ

0
116

10 ขั้นตอนการพัฒนาจิต เปลี่ยนนิสัย

แปลโดยท่านพุทธทาส

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

แปดเพลงย้อนใจ

พระเจ้าบุ้งเชียง

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ครั้งที่ 19 ตอนท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ

1654918052.jpg
mindcyber
1 month ago

ปฐมสาธุการพจน์ของ

เทพเจ้าฝูอี้ว

1654918052.jpg
mindcyber
2 weeks ago

บรรพบุรุษสร้างบุญกุศลถึงลูกหลาน

1654918052.jpg
mindcyber
8 months ago