พระภิกษุต๋าหย่วน จำศีลอยู่ ณ วัดถูกู่ ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน สนิทชิดชอบกับนักพรตก้วนเซียนของอารามฉุนหยาง เนื่องจากอ่านหนังสือเทวราชโองการ มาถึงตอนตำหนักที่ 1 มีประโยคว่า “พระภิกษุหรือนักพรตที่รับจ้างสวดพระอภิธรรมแทนผู้อื่น เกิดคำสวดตกหล่นหรือสวดผิดหน้าผิดเล่ม มรณภาพแล้วมาตำหนักนี้ จะจัดส่งไปยังสถานสวดพระอภิธรรมชดเชย ไม่สามารถสวดรวดเดียวให้จบ”และในตอนตำหนักที่ 10 พบประโยคที่ว่า “พระสงฆ์ นักพรตที่ชำนาญการสวดพระสูตร ท่องคาถา เมื่อวิญญาณถูกจับมายังยมโลก ก็จะสวดคัมภีร์พระสูตรต่อต้าน ทำให้ขุมนรกต่างๆ ไม่สามารถลงทัณฑ์ได้” จึงนำหนังสือเทวราชโองการไปให้นักพรตก้วนเซียนอ่าน แล้วพูดกับนักพรตว่า “นักพรตและอาตมาล้วนชำนาญในการสวดพระสูตรท่องคาถา ชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไรย่อมปรึกษาได้ แต่ชาตินี้นักพรต และอาตมาล้วนอาศัยการสวดพระอภิธรรม และทำกงเต๊กขมากรรมจึงมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าหนังสือเล่มนี้เกิดเผยแผ่ออกไปและมีผู้คนเชื่อถือ อาชีพของเรามิถูกกระเทือนหรือ? ถึงอาตมาจะนำหนังสือเทวราชโองการ ไปเผาทำลายหลายเล่มแต่จะทำลายหมดได้อย่างไร?
นักพรตก้วนเซียน เมื่อฟังเช่นนั้นก็ตอบพระภิกษุต๋าหย่วนว่า “ไม่ต้องร้อนใจ ข้าพเจ้ามีกรรมวิธีทำการทรงเจ้าท่านไปช่วยบอกสมัครพรรคพวกว่า ข้าจะเชิญเทพยดามาประทับทรง ข้าพเจ้าก็มีวิธีทำให้ชาวบ้านไม่เชื่อหนังสือเล่มนี้แน่นอนถึงตอนนั้น การค้าของเราจะเจริญกว่าเก่า”
ดังนั้น ภิกษุต๋าหย่วนก็ไปเที่ยวโฆษณาตามที่ต่างๆ ว่า“นักพรตก้วนเซียนในอารามฉุนหยาง เป็นผู้มีวิชาอาคมแกร่งกล้า สามารถอัญเชิญเทพยดามาประทับทรง ชาวบ้านทุกคนสามารถไปถามหาทุกข์สุข เรื่องอนาคต ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน4 เทพอาจารย์หลีฉุนหยาง จะประทับทรงให้ทุกคนเตรียมธูปเทียนเงินทอง (ค่าตรวจดวงชะตา) ไปถามดวงชะตาอนาคตได้
เช้าวันขึ้น 14 ค่ำ นักพรตก้วนเซียนจัดตบแต่งแท่นบูชาพร้อมจุดธูปเทียน เตรียมทำพิธีทรงเจ้าแต่เช้า พอตกเย็นภิกษุสามเณร และชาวบ้านเข้าคิวกันเข้ามาในอาราม และคุกเข่าเตรียมรับเทพเสร็จอยู่นอกธรณีประตูตำหนัก
นักพรตก้วนเซียนประทับบนแท่นพิธี สวดคาถา และเผากระดาษยันต์ สักครู่กิ่งหงส์ขยับแล้ว (กิ่งหงส์คือกิ่งต้นหลิว ร่างทรงเวลาทรงเจ้า จะใช้กิ่งต้นหลิวตัดเป็นลักษณะง่าม แล้วนั่งประคองกิ่งหลิว ซึ่งมีความหมายแทนเทพเจ้าเขียนตัวอักษรบอกเรื่องราว หรือคำทำนายลงบนถาดทรายให้สานุศิษย์ทราบ) นักพรตก้วนเซียนเรียกสานุศิษย์จับถาดทรายที่วางอยู่บนโต๊ะพิธีให้แน่น แล้วนำกิ่งหงส์ขีดเขียนบนถาดทราย จากนั้นเรียกผู้รู้จักหนังสือขึ้นมาที่แท่นพิธี ให้แยกตัวอักษรแล้วลอกไว้บนสมุด ปรากฏมีอักษรจีน 7 ตัวเขียนว่า
“ข้าพเจ้าเทพฉุนหยางมาถึงแล้ว” และอีก 8 ตัวอักษรเล็กเขียนว่า “ใครมีธุระจะถามให้เข้ามาถามได้”
ผู้คนที่นั่งอยู่นอกธรณีตำหนัก ต่างคอยพนักงานแยกอักษรแยกเสร็จ แล้วประกาศคำพูดของเทพเจ้า หลายคนอยากถามหาทุกข์สุข หลายคนอยากถามเรื่องราวในอนาคต แต่พรรคพวกของภิกษุต๋าหย่วน ไฉนจะปล่อยให้เข้าใกล้แท่นพิธี มีแต่ปล่อยให้ภิกษุต๋าหย่วนคนเดียวเข้ามาข้างใน เพื่อแสดงละครทรงเจ้าต่อไป
ภิกษุต๋าหย่วนถามว่า “ในโลกนี้ อะไรคือเรื่องที่ดีที่สุด?และทั้งหมดมีกี่เรื่อง?
นักพรตก้วนเซียน เมื่อฟังเช่นนั้นก็พูดขึ้นว่า “กิ่งหงส์ขยับอีกแล้วทุกคนอยู่ในความสงบ” คอยเขียนอักษร ผู้แยกอักษรออกไปล้างมือก่อนจุดธูปเทียนเพิ่ม
จากนั้น ทุกคนเห็นนักพรต และสานุศิษย์ขยับกิ่งหงส์ขีดๆ เขียนๆ อยู่บนถาดทราย เจ้าหน้าที่แยกอักษรกลับขึ้นแท่นพิธีอีกครั้ง เห็นในถาดทรายเขียนอักษรบรรจงขนาดเล็กนับไม่ถ้วน มีข้อความว่า
“ข้อที่ 1 คือต้องบูชานักพรตเต๋า
ข้อที่ 2 ต้องเคารพพระภิกษุและภิกษุณี
เนื่องจากนักพรต สามารถถวายฎีกาแด่สวรรค์สามารถทำให้ชีวิตเป็นอมตะ พระภิกษุสามารถโปรดวิญญาณให้ไปผุดไปเกิด ให้ไปสู่แดนสุขาวดี
ในโลกนี้สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ คนตระหนี่หวงทรัพย์ไม่ยอมจุดธูปเทียนไหว้พระไหว้เจ้า ไม่ยอมแจกทาน ไม่ยอมเช่าบูชาเครื่องรางของขลัง ทำให้ต้องประสบเคราะห์ภัยในโลกนี้มีหนังสือที่นั่งเทียนแต่งขึ้นเล่มหนึ่ง ชื่อว่าหนังสือเทวราชโองการ มีที่ไหนหนังสือเขียนว่าขอให้รู้สำนึกผิด และขมาบาป ปรับปรุงแก้ไข ก็สามารถลดหย่อนผ่อนโทษในยมโลก มีอะไรที่ง่ายดายเพียงนี้
ยิ่งช่วงใกล้ๆ นี้มีคนพิมพ์แจก ทำให้คนโง่เขลาหลงผิดเสียโอกาสเสียเวลา ควรรีบนำหนังสือเล่มนี้ไปเผาทิ้ง จึงเป็นอานิสงส์ที่ใหญ่หลวง”
พนักงานแยกอักษรลอกข้อความมาถึงตอนนี้ เห็นประกายรัตนประภามรกตพวยพุ่งมายังนักพรต ก้วนเซียนเกิดอาการเย็นยะเยือก ตกจากแท่นพิธี หน้าถอดสี ปากเบี้ยวตาแข แล้วคลานมาคุกเข่าอยู่ข้างภิกษุต๋าหย่วน
พนักงานแยกอักษรเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ตกตลึงจนอ้าปากหวอ ยืนอยู่ข้างกระถางธูป เปล่งเสียงพูดว่า “ข้าคือเทพเจ้าหลิว รับคำสั่งจากเทพอาจารย์ให้มาถ่ายทอดให้ทุกคนทราบว่า ยุคนี้คนไม่ยอมบำเพ็ญธรรมมักก่อกรรมทำเข็ญโชคดีที่เง็กเซียนฮ่องเต้เทวราชเจ้า โปรดเกล้าตามคำทูลของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เจ้า และเหล่าทวยเทพ โปรดเกล้าเทวราชโองการให้ชาวโลกรับทราบ และปฏิบัติตาม เพื่อให้ชาวโลกมีโอกาสแก้ไขในสิ่งผิด ท่านทรงเมตตาลดโทษหรืออภัยโทษแก่ผู้สำนึกผิด
แต่เวลานี้ เจ้าหัวโล้นต๋าหย่วนกับเจ้าหน้าหนูก้วนเซียนกลับอิจฉาวางแผนทำลายหนังสือเทวราชโองการ จะอาศัยกิ่งหลิวทรงเจ้าของข้ามาหลอกลวงชาวบ้าน คนเช่นนี้ต้องตกนรกหมกไหม้ ให้ตรวจสอบความผิดรับโทษตามขุมนรกต่างๆ แล้ว สุดท้ายต้องตกนรกอเวจี ไม่ต้องผุดเกิดตลอดไปและต่อไปนี้ ถ้ามีภิกษุหรือนักพรตคนไหน ปฏิบัติตามแบบอย่างต๋าหย่วน และก้วนเซียน ก็ให้รับกรรมเช่นสองคนนี้”
พนักงานแยกอักษรพูดจบ ก็ถอยลงมาคุกเข่ากราบไหว้อยู่หน้าแท่นพิธี ชาวบ้านทั้งหลายเห็นเหตุการณ์เช่นนี้รีบกรูกันเข้ามาคุกเข่าอยู่หน้าแท่นพิธี ก้มหัวคำนับ และต่างร้องขอยาวิเศษ และสูตรยาอายุวัฒนะ
เพลานั้น เห็นกิ่งหงส์ (กิ่งหลิว) ไม่มีคนจับแต่ขยับเขยื้อนอยู่บนถาดทราย เมื่อกิ่งหลิวหยุดนิ่ง พนักงานแยกหนังสือลุกขึ้นไปดูถาดทรายบนแท่นพิธี ปรากฏอักษรจีน 33 ตัวเขียนว่า “โรคภัยที่เกิดจากจิต ควรรักษาด้วยจิต เนื้อสัตว์ของคาวทานให้น้อย หนังสือพระสูตรย่อมมีปรมัตถ์ สามารถนำเราหลุดพ้นจากบาปโทษทั้งปวง ข้าพเจ้าเทพเจ้าหลิวขอ
ลากลับ”
พนักงานแยกอักษรกลับลงมาข้างล่าง กราบไหว้อีกครั้ง แล้วเล่าสิ่งที่เขาเห็นให้ทุกคนฟังว่า “เมื่อข้าพเจ้าแยกอักษรคัดลอกมาถึงคำว่าอานิสงส์ใหญ่หลวง จู่ๆ เห็นเงาเขียวลูกใหญ่เท่าภูเขาพุ่งเข้ามาข้างซ้ายมือ ร่างทรงเทพอาจารย์(นักพรตก้วนเซียน) เป็นเทพองศ์หนึ่งมีพระพักตร์ สีน้ำเงินปากสีแดง คิ้วขาว ดวงเนตรสีทอง ผมแดง เคราเหลืองสวมชุดพัสตราภรณ์สีเขียวสด มือซ้ายถือรัตนะกุณโฑมือขวาถือแซ่ปัดฝุ่นสีเงิน เท้าเหยียบปทุมมา ให้ข้าพเจ้าถ่ายทอดคำสั่งของเทพอาจารย์ จากนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย ต่อมาข้าพเจ้ามารู้สึกตัวอีกที ท่านเทพกำลังจะจากไป ข้าพเจ้าจึงรีบลงจากแท่นพิธีมากราบไหว้ท่านเทพ พวกท่านมาขอสูตรยาอายุวัฒนะ ท่านเทพได้จากพวก
เราไปแล้ว
คืนนั้น ชาวบ้านจำนวนมากนั่งสนทนาเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนดึกจนดื่น หญิงชายหลายคนไม่ได้กลับบ้าน พักในอารามจนถึงสว่าง เมื่อฟ้าสาง คนในอารามจึงรู้ว่า พวกภิกษุเห็นเหตุการณ์ไม่ดี ได้นำภิกษุต๋าหย่วน และนักพรตก้วนเซียนหนีออกจากอารามไปที่วัดถูกู่แล้ว
ตั้งแต่วันนั้นมา นักพรตก้วนเซียน และภิกษุต๋าหย่วนทานอะไรไม่ได้เห่าหอนสามวัน ตัวพองขึ้นอืดจนสิ้นใจตาย
จากนั้นมา หญิงชายทั่วทั้งหมู่บ้าน ไม่มีใครไม่เคารพศรัทธาหนังสือเทวราชโองการ จึงเขียนเรื่องราวทั้งหมดตีพิมพ์ลงท้ายเล่มให้สาธุชนทุกท่านทราบว่า เคราะห์กรรมคนเราล้วนเกิดจากการสร้าง อานิสงส์ผลบุญนั้น คุณจะใช้วิธีปล้นชิงมาก็ไม่ได้ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่สอนให้ทุกท่านทราบว่า อย่าคิดทำลายหนังสือเทวราชโองการเป็นอันขาด
คัดลอกจากท้ายเล่มหนังสือเทวราชโองการตงฟู่