พระจี้กงประทับทรง วันที่ 27 มีนาคม 2527
การรักใคร่ สมสู่ ในหมู่ญาติ
ศีลก็ขาด จรรยา ธรรมสลาย
ส่งผลร้าย เกียรติตระกูล ถูกทำลาย
ยามชีพวาย ลงนรก ตกอเว
พระจี้กง :ฟ้าดินให้มนุษย์มากำเนิด การหมุนรอบแห่งพิภพจักรวาลมีวิถีโคจรอันแน่นอน มนุษย์คือหนึ่งในสามสิ่งประเสริฐ ตามหลักมนุษย์พึงปฏิบัติไปตามหลักการแห่งธรรมชาติ ดังนั้นท่านศาสดาขงจื้อจึงได้บัญญัติคุณธรรม 10 และสายสัมพันธ์หลัก 3 เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้มวลมนุษย์ยึดเป็นแนวปฏิบัติ ถ้าหากผู้คนไม่ปฏิบัติตามหลักใหญ่นี้กำหนดกฏเกณฑ์ต่าง ๆย่อมต้องสับนสนวุ่นวาย นี่คือสัจธรรมการสมสู่ในระหว่างหมู่ญาติก็เป็นตัวอย่างอันหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ระบบสายโลหิตสับสนยุ่งเหยิง อันจะทำให้บุตรหลานรุ่นต่อไปไม่กระจ่างว่าตนเป็นเครือญาติระดับใด นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าสลดแค่ไหน ? เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงมีปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อย เป็นคนดีไม่ชอบ แต่ชอบผลักตนเองเข้าสู่ประตูนรก
ไช่เซิง :ฮ่าฮ่า อาจารย์พูดตลกได้เก่งจริง มีคนผลักตัวเองเข้านรกด้วยหรือครับ ?
พระจี้กง :เรื่องนี้เธอยังไม่เข้าใจ ภาษิตว่า “สวรรค์มีทางท่านไม่เดิน นรกไร้ประตูต่างรี่เข้าเอง” ดังนั้นผู้ที่ตกนรกรต่างรี่ลงไปเองทั้งนั้น
ไช่เซิง :มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือครับ ?
พระจี้กง :ทำไมจะไม่มี เธอไม่เห็นหรือบางคนเป็นคนดีไม่ชอบ แต่กลับคิดอยากเป็นคนชั่ว เสมือนว่าถ้าไม่ได้เป็นคนชั่วแล้วจะอึดอัดใจ
ไช่เซิง :นั่นซิครับ ดังนั้นคนชนิดนี้ต้องไปดื่มกาแฟในอเวจี จึงจะรู้สึก
พระจี้กง :เธอคิดว่ากาแฟในอเวจีอร่อยนักหรือ ?
ไช่เซิง :โอ....ผมมิได้หมายถึงเช่นนั้น ผมเพียงแต่คิดว่ากาแฟชนิดนี้ควรให้คนชั่วที่กล้าหาญไปลองชิมรสชาติดูจะเหมาะกว่าเท่านั้น ส่วนผมยังไม่กล้าหาญพอ
พระจี้กง :เอาละ....เมื่อเธอกล้าหาญไม่พอ อาจารย์ก็จะพาเธอไปทัศนา โดยไม่ต้องลองชิม “กาแฟตราอเวจี”
ไช่เซิง :ฮ่าฮ่า “กาแฟตราอเวจี” ผลิตโดยอาจารย์
พระจี้กง :ให้เธอเป็นเอเย่นต์ดีมั้ย ?
ไช่เซิง :ผมเองยังไม่กล้าดื่ม จะขายให้ผู้ใดเล่าครับ ?
พระจี้กง :นั่นซิ...กาแฟตราอเวจีไม่มีใครเอา ทว่า “ท่องอเวจี” ก็เป็นอีกอย่าง
ไช่เซิง :เพราะอะไรครับ ?
พระจี้กง :เพราะนรกอเวจีเต็มไปด้วยความเร้นลับและน่าสยดสยองสุดจะบรรยาย ถ้าหากชาวโลกไม่อยากดื่ม “กาแฟตราอเวจี” ก็ต้องอ่าน “ท่องอเวจี” และเพียงแต่ปฏิบัติตนเป็นคนดีละความชั่ว หมั่นสร้างบุญกุศล ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่ต้องดื่ม “กาแฟตราอเวจี” เท่านั้น ยังจะได้ขึ้นสวรรค์เสวยสุขกับรสของน้ำอมฤต อันวิเศษสุดอีกด้วย
ไช่เซิง :อาจารย์พูดเช่นนี้ ทำให้คนน้ำลายย้อย
พระจี้กง :ไช่เซิง...เธอไม่ต้องน้ำลายย้อย สวรรค์เบื้องบนได้เตรียมหนึ่งถังใหญ่ ชนิดดื่มไม่มีวันหมดไว้สำหรับเธอแล้ว
ไช่เซิง :งั้นผมจะแบ่งปันความสุขให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้ร่วมดื่มด้วยกัน
พระจี้กง :น้ำใจงามเช่นนี้หายาก น่าสรรเสริญแท้ เมื่อหนังสือ “ท่องสุขาวดี” ที่เราทั้งสองกำลังลิขิต อยู่สำเร็จแล้ว คงจะมีคนเป็นอันมากได้ไปลิ้มรสน้ำทิพย์ ยังแดนสุขาวดี
ไช่เซิง :หวังว่าทุกคนคงสามารถสวดภาวนาพระนามของพระพุทธเจ้าอมิตาภะ (คำภาวนาคือ นะโม ออนี้ทอฮุก) เพื่อไปจุติยังสุขาวดี หวังใจว่าโลกมนุษย์ก็คือแดนสวรรค์
พระจี้กง :ความหวังก็คือความหวัง ความจริงก็คือความจริง วันนี้อาจารย์จะพาเธอไปท่องอเวจีสักครั้ง
ไช่เซิง :อ้าว ! วันนี้ไม่ใช่เป็นวันลิขิตเรื่อง “ท่องสุขาวดี” หรอกหรือ ทำไมจึงเปลี่ยนเป็น “ท่องอเวจี” อย่างกะทันหันล่ะครับ ?
พระจี้กง :เดิมทีท่านประธานสำนัก ตั้งใจจะแบ่งเรื่อง “ท่องอเวจี” เป็นสองเล่ม แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้ปรึกษาหารือตกลงให้พิมพ์รวมเป็นเล่มเดียวจบ ซึ่งดูจะเหมาะสมกว่า
ไช่เซิง :ถ้าจะพิมพ์รวมเป็นเล่มเดียว ก็คงต้องเร่งเครื่องหน่อย
พระจี้กง :แน่นอน..เพราะฉะนั้น วันนี้จึงได้ใช้ช่วงเวลาว่างของการลิขิต “ท่องสุขาวดี” มาลิขิตเรื่อง “ท่องอเวจี” แทน
ไช่เซิง :อ๋อ...ที่แท้อย่างนี้นี่เอง
พระจี้กง :เธอรู้สึกกลัวหรือเปล่า ?
ไช่เซิง :มีอาจารย์อยู่ด้วยกลัวอะไร
พระจี้กง :แล้วถ้าไม่มีอาจารย์อยู่ด้วยล่ะ?
ไช่เซิง :คงน่าตื่นเต้นไม่น้อย
พระจี้กง :เอาละ...คุยกันนานแล้ว เราออกเดินทางกันเถอะ
ไช่เซิง :ผมนั่งยานดอกบัวมั่นดีแล้ว อาจารย์ไปได้เลย
พระจี้กง :วันนี้เราทั้งสองจะลงไปนรกอเวจี เพื่อชมดูสภาพของผู้สมสู่ในระหว่างเครือญาติ
ไช่เซิง :คิดไม่ถึงว่าการสมสู่ในระหว่างเครือญาติ ก็ต้องตกนรกอเวจีด้วย แบบนี้ไม่รุนแรงไปหรือครับ ?
พระจี้กง :เธอยังไม่เข้าใจ เพราะการสมสู่ในระหว่างหมู่ญาตินั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบถึงคนในรุ่นต่อไปเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามอีกด้วย
ไช่เซิง :เป็นความจริงที่สุด การสมสู่ระหว่างหมู่ญาติเป็นผลเสียต่อสายโลหิตที่จะเกิดมา ทำให้บุตรธิดารุ่นต่อไปเกิดความอัปยศอดสู เป็นเรื่องน่าเศร้าสลดจริง ๆ
พระจี้กง :ถึงแล้ว...
ไช่เซิง :ที่นี่มืดมิดจนมองไม่เห็นนิ้วมือ รู้สึกวังเวงหดหู่อย่างไรชอบกล แล้วยังมีกลิ่นศพเน่าลอยมาตามอากาศเหม็นเหลือร้าย โอย....อาจารย์ครับ...สภาวะเช่นนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว
พระจี้กง :อดทนอีกสักหน่อย การจะเสวยทัศนียภาพอันวิเศษพิสดารของแดนสุขาวดี ก็ควรจะลองชิมรสของนรกอเวจีดูบ้าง
ไช่เซิง :ครับ...ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากเบื้องหน้าดูเหมือนไม่ค่อยปกติ
พระจี้กง :ไม่ปกติยังไง ?
ไช่เซิง :เพราะที่นี่เป็นนรกอเวจี ไม่ใช่สถานบันเทิงไฉนจึงมีเสียงหัวเราะ นี่มิใช่แสดงว่าผิดปกติหรือครับ ?
พระจี้กง :เธอพูดถูกแล้ว เสียงหัวเราะเมื่อครู่นี้มาจากปากของคนผิดปกติ
ไช่เซิง :โอ.....เสียงแบบนี้ ผมยิ่งฟังยิ่งกลัว เหมือนกับเสียงหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่งของพวกสัตว์ประหลาดในหนังไม่มีผิด
พระจี้กง :อาตมาจะเอาแก้ววิเศษออกมาส่องให้เห็นแจ่มแจ้ง จะได้ไม่ต้องเดาสุ่ม
ไช่เซิง :โอ.....อาจารย์ครับ ทำไมพวกนั้นแต่ละคนหน้าตาดูไม่ได้เลย บางคนเต็มไปด้วยแผลเน่าเปื่อย มีน้ำเลือดน้ำหนองไหลเยิ้ม แล้วยังใช้ลิ้นไปเลียอีกด้วย คนด้านซ้ายนั่นยังฉีกเนื้อหนังจากแขนตัวเองออกมาเลือดสด ๆ ไหลนองไปหมด บ้างก็ผมเผ้ายุ่งเหยิงลูกตาถลนออกมานอกเบ้า บ้างก็หัวเราะตลอดเวลา บ้างทำท่ายกมือไม้แข้งขาแสดงกิริยาบ่งบอกถึงอาการเสียจริต ดูน่ากลัวจังครับ
พระจี้กง :ไช่เซิงเธอไม่ต้องกลัว หัวหน้าแดนและพัศดีของที่นี่กำลังเดินมานี่แล้ว รีบไปคารวะ
ไช่เซิง :กระผมขอคารวะท่านหัวหน้าแดนและท่านพัศดี
หัวหน้า :เมื่อครู่นี้เนื่องจากติดธุระ จึงมาช้าไปหน่อย ขออภัยท่านจี้กงด้วย
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร ความจริงวันนี้เราบุกรุกนรกโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวก่อน ต้องเป็นฝ่ายขออภัยถึงจะถูก
หัวหน้า :บุกรุกอะไรกัน ท่านจี้กงได้รับพระราชโองการให้ลิขิตหนังสือ ซึ่งเป็นงานยิ่งใหญ่จะว่าบุกรุกได้อย่างไร
ไช่เซิง :ขอเรียนถามท่านหัวหน้า วิญญาณบาปพวกนี้ทำไมดูคล้ายเสียจริตเช่นนี้ละครับ ?
หัวหน้า :อ๋อ...วิญญาณบาปเหล่านี้ ตอนเป็นมนุษย์ล้วนแต่เป็นผู้สมสู่ในหมู่เครือญาติ ดังนั้นจึงได้รับผลในสภาพเช่นนี้ เช่นตอนมีชีวิตกระทำชำเราบุตรสาวหรือบุตรสะใภ้ของตนเอง อันทำให้ความเกี่ยวดองของสายโลหิตสับสนซึ่งเป็นเพราะจิตเดิมอันดีงามสูญสลาย ทำให้เด็กน้อยที่จะเกิดมาในภายหน้าเกิดปมด้อยสร้างปัญหาให้แก่สังคม เป็นผลจากการสมสู่ในกลุ่มเครือญาติด้วยกัน
ไช่เซิง :อ๋อ...อย่างนี้เอง แล้วไฉนพวกเขาจึงได้เสียสติเป็นบ้าล่ะ ?
หัวหน้า :เมื่อพวกเขาได้รู้สึกตัวว่า ได้ก่อบาปกรรมใหญ่หลวง ก็เสียอกเสียใจ ครั้นมาถึงนรก ยังต้องถูกลงโทษทัณฑ์จากนรกขุมต่าง ๆ จึงทำให้กายและใจแตกสลาย เหตุนี้จึงเสียสติเป็นบ้าไปเลย
ไช่เซิง :ที่แท้อย่างนี้นี่เองช่างน่ากลัว ถ้าผมไม่ได้มาเห็นด้วยตาตนเอง คงไม่ยอมเชื่อแน่ว่ายังมีโลกอันมืดมิดเช่นนี้อยู่อีก
พระจี้กง :เอาละ...วันนี้เอาเพียงเท่านี้ก่อน ไช่เซิงรีบอำลาท่านหัวหน้าแดนได้แล้ว
ไช่เซิง :ผมขอลาท่านหัวหน้าก่อนครับ
หัวหน้า :ขอส่งท่านจี้กงและคุณไช่เซิง
พระจี้กง :ไช่เซิงนั่งดอกบัวให้มั่น เตรียมกลับได้
ไช่เซิง :ผมนั่งมั่นดีแล้ว อาจารย์ไปได้
พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ไช่เซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง