พระจี้กงประทับทรง วันที่ 25 มีนาคม 2527
จงหนีห่าง ให้ไกล ยาเสพติด
อย่าเห็นผิด เป็นชอบ ตื่นเถิดหนา
อย่ามุ่งแต่ ประโยชน์ โลกเงินตรา
ได้ทรัพย์มา ตกอบาย ไม่คุ้มเลย
พระจี้กง :ชาวโลกน่าเวทนาอะไรเช่นนี้ อยู่ดี ๆ มิชอบกลับชอบตีรันฟันแทง หรือไม่ก็ฉีดสารเสพติดให้พิษยาออกฤทธิ์ เพื่อให้เกิดความสุขเคลิบเคลิ้มชั่วครู่ยาม การประพฤติเช่นนี้ เสมือนเป็นการเอาชีวิตตนเองเป็นเครื่องเล่น ทว่าในโลกนี้ก็ยังมีคนเช่นว่านี้ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ เป็นเรื่องน่าสังเวชใจยิ่งนัก
ชิวเซิง :นั่นซิครับ คนที่ไม่รู้จักรักตน ทำตนให้ผุดผ่องสุดท้ายย่อมต้องพบกับรสของความเจ็บปวดทรมาน
พระจี้กง :ชิวเซิงพูดถูกแล้ว วันนี้เราทั้งสองก็จะไปสัมภาษณ์คนที่ได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดทุกข์ทรมานดังกล่าว
ชิวเซิง :จะไปอเวจีอีกหรือครับ
พระจี้กง :ใช่แล้ว....เราออกเดินทางกันเถอะ
ชิวเซิง :ผมนั่งยานดอกบัวพร้อมแล้ว อาจารย์ไปได้เลย
พระจี้กง :ถึงแล้ว...ชิวเซิงลงได้ เราใช้เดินกันเถอะ
ชิวเซิง :ครับ
พระจี้กง :ทางช่วงนี้ขรุขระ เดินระวังหน่อย
ชิวเซิง :ทำไมวันนี้ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ยมเลย
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า รบกวนมาหลายครั้งก็เกรงใจเพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาอย่างเงียบ ๆ สักครั้ง
ชิวเซิง :ดีเหมือนกัน มาอย่างเงียบ ๆ จึงจะได้เห็นภาพอันแท้จริง ถ้าหากแจ้งก่อนล่วงหน้า ก็อาจได้เห็นแต่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
พระจี้กง :เธอก็ฉลาดดีนี่ เปรียบเหมือนกับเวลาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะไปตรวจราชการ ถ้าหากต้องการจะรู้สภาพความเป็นอยู่แท้จริงของราษฏรก็ต้องไปถึงจุดหมายเงียบ ๆ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรู้ ก็จะเห็นและเข้าใจสภาพอันแท้จริงได้ ถ้าหากว่าก่อนจะไปแจ้งให้รู้ล่วงหน้าว่าวันนั้นเดือนนั้นจะไปตรวจราชการ ณ ท้องที่นั้น ก็ย่อมจะมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางแห่งพยายามกระทำในสิ่งที่เรียกว่า “ผักชีโรยหน้า” ซึ่งน่าดูแต่เปลือกนอก แท้จริงพอวันที่สองก็กลับสู่รูปเดิมอีก
ชิวเซิง :โอ๊ย....บนพื้นมีอะไรนี่ ...ทำให้ผมสะดุดจนหกคะเมน
พระจี้กง :เป็นไรหรือเปล่า ?
ชิวเซิง :ไม่เป็นไรครับ แต่มันมืดจัง
พระจี้กง :เดี๋ยว...ให้อาจารย์เอาแก้ววิเศษออกมาก่อน (ตอนนี้ พระจี้กงเอาแก้ววิเศษออกจากกล่องส่องสว่างไสวไปทั่ว)
ชิวเซิง :โออาจารย์...นั่นเป็นคนนี่ ...ดูซิ...เขากำลังนอนชักอยู่บนพื้นตัวสั้นเทิ้มไปหมด น้ำลายไหลย้อย ปากยังร้องครวญคราง คล้ายกับคนเป็นโรคลมบ้าหมู อาจารย์ครับ รีบช่วยเขาทีเถอะ
พระจี้กง :ชิวเซิง...เขาเป็นโรคลมบ้าหมูแน่หรือ? ดูให้ดีอีกทีซิ
ชิวเซิง :ลักษณะเขาผอมซีด ตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรง ดูคล้ายกับโดนพิษยาเสพติดเล่นงานอย่างหนัก
พระจี้กง :ใช่....เธอทายถูกแล้ว
ชิวเซิง :โอ...อาจารย์....ดูซิเขายื่มมือมาที่เราแล้วไม่รู้ว่าจะทำอะไร
วิญญาณบาป :โปรดช่วยผม....ผม...ทนไม่ไหว...
ชิวเซิง :นี่คุณ....เป็นไงบ้าง
วิญญาณบาป :ผม...ทนไม่ไหว...โปรดช่วย...ผม
ชิวเซิง :อาจารย์มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกร ช่วยเขาทีเถอะครับ
พระจี้กง :ชิวเซิงเธอทราบมั้ยว่า ทำไมเขาจึงเป็นเช่นนี้
ชิวเซิง :ผมไม่ทราบครับ อาจารย์ช่วยอธิบายได้ไหมครับ ?
พระจี้กง :เมื่อเธอไม่ทราบ อาจารย์ก็จะบอกให้เธอรู้นั่นเป็นพิษของยาเสพติดได้ออกฤทธิ์ขึ้นมาอีกแล้ว
ชิวเซิง :อ๋อ...อย่างนี้เอง เรื่องนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ อาจารย์หมายความว่า วิญญาณคนนี้ตอนเป็นมนุษย์ได้เสพยาเสพติด เมื่อตายแล้วตกนรกอเวจี พิษของยาเสพติดยังออกฤทธิ์ได้อีกใช่ไหมครับ?
พระจี้กง :ชิวเซิง...เธอยังไม่เข้าใจ เขาไม่เพียงแต่เสพยาเสพติดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเอายาเสพติด ขายให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย นี่ก็คือผลกรรมแห่งการให้ทุกข์ผู้อื่น
ชิวเซิง :อยากขอให้อาจารย์กรุณาใช้อิทธิฤทธิ์ ช่วยทำให้เขาสามารถพูดจาได้มั้ยครับ ?
พระจี้กง :ได้ซิ
ชิวเซิง :อิทธิฤทธิ์ของอาจารย์ช่างเกรียงไกรจริงเขาพูดได้แล้วครับ
วิญญาณบาป :โอ...ค่อยยังชั่วหน่อยขอบคุณอาจารย์ท่านนี้ คิดไม่ถึงว่าเพียงแต่ท่านใช้พัดอันนี้โบก 2-3 ทีเท่านั้น ยังดีกว่าฉีดยา “สบายไว” เสียอีก
พระจี้กง :ยา “สบายไว” อะไรกัน นั่นเป็นยา “ตายไว” ต่างหาก เมื่อแปลผิด ๆก็ตีความหมายผิดไปด้วย ผลจึงต้องลงเอยด้วยสภาพเช่นนี้
ชิวเซิง :อาจารย์พูดคล้ายกับมีความหมายอะไรสักอย่าง
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า พวกมารปีศาจตั้งชื่อ ยาเสพติดว่า ยา “สบายไว” แต่ในสายตาของเทพพรหมยาเสพติดคือห้วงเหวที่ทำให้คนตายเร็วขึ้น
ชิวเซิง :อ๋อ...อย่างนี้เอง นี่คุณ...รีบเล่าถึงการก่อกรรมชั่วต่าง ๆ ครั้งเป็นมนุษย์มาโดยละเอียดให้เราบันทึกลงในหนังสือ เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่เพื่อนมนุษย์
วิญญาณบาป :โอ...เรื่องชั่วร้ายครั้งเป็นมนุษย์ ยังจะพูดถึงมันอีกทำไม
ชิวเซิง :เธอเพียงแต่เล่าลงในหนังสือศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นการเตือนสติผู้คน ก็จะสามารถไถ่โทษของเธอได้บ้าง
วิญญาณบาป :เรอ....ถ้าได้เช่นนั้นจริง ผมก็จะเล่าความชั่วต่าง ๆ ครั้งเป็นมนุษย์อย่างคร่าว ๆ เมื่อตอนผมยังหนุ่มแน่นได้เป็นคนคุมบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง ต่อมาผมเห็นว่าเป็นคนคุมบ่อนต้องคลุกคลีกับพวกนักเลงอันธพาล ต้องใจเหี้ยม และมักเกิดต่อสู้วิวาทกันเสมอ การอยู่ท่ามกลางมีดดาบควันปืนนั้นเสี่ยงอันตรายมาก ดังนั้นผมจึงได้เปลี่ยนหางานที่สบายและรายได้ดีกว่า ในที่สุดผมก็พุ่งความคิดไปที่พวกวัยรุ่นที่มีความกดดันจากสภาพแวดล้อม ขั้นแรกผมทำทีตีสนิทคลุกคลีกับพวกเขา โดยพูดชักชวนด้วยกลอุบายสารพัดแล้วเอายาเสพติดที่เตรียมไว้ ให้พวกเขาเสพฟรี ๆเพื่อให้ติดยา เมื่อพิษของสารเสพติดออกฤทธิ์ พวกเขาก็จะเกิดความอยากกระหายจนทนไม่ได้ จากนั้นผมก็จะขายให้พวกเขาด้วยราคาสู่งลิ่ว พวกวัยรุ่นเหล่านั้น เมื่อยิ่งติดก็ยิ่งมีความกระหายเพิ่มขึ้น ผมก็ยิ่งมีกำไรมากขึ้น เป็นวงจรอยู่เช่นนี้จนเมื่อพวกเขาไม่มีเงินให้ผมรีดอีกต่อไป ผมจึงตีจาก แล้วไปหากลุ่มอื่นต่อไป
ชิวเซิง :โอ....ร้ายกาจจริง
วิญญาณบาป :ตอนนี้ผมรู้สึกสำนึกแล้ว ท่านอาจารย์โปรดเมตตาสงสารช่วยผมด้วยเถิดครับ
พระจี้กง :ตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกสำนึก มันช้าเกินไปแล้วแต่เอาเถอะไหน ๆ เธอก็ได้เล่าเรื่องราวครั้งเป็นมนุษย์อย่างไม่ปิดบัง เราจะเรียนเรื่องนี้ผ่านไปยังท่านยมบาล ให้ลดโทษของเธอลงบ้าง
วิญญาณบาป :ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ขอบพระคุณครับ
พระจี้กง :เอาละ...วันนี้ก็ยุติลงเพียงเท่านี้ก่อน ชิวเซิงรีบขึ้นดอกบัว เตรียมตัวกลับสำนัก
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์กลับได้
พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ชิวเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง