mindcyber 3 weeks ago
admin #hell

ครั้งที่ 12 ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย

ครั้งที่ 12 วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2519

ตอน ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า :

เพลงเสนาะ กล่อมรับ ใบไม้ผลิ

อุตริ ขยับสะโพก โยกย้ายส่าย

โลกสมัย เต็มไปด้วย หนทางร้าย

บ่วงกรรมข่าย ขึงพรืด ดักวิญญาณ


อรหันต์จี้กง :เร่ร่อนตรากตรำเพื่อแต่งหนังสือ ลำบากยากเข็ญเพื่อใคร ? วุ่นวายเพื่อใครในแดนมนุษย์ แม้จะมีผู้คนรถราแออัดบนถนน แต่ว่าศีลธรรมสูญหายไปเป็นลำดับ เสียงร่ำร้องของวิญญาณผีในแดนนรก สั่นสะเทือนภูเขาเลากา สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ตลอดทั้งเล่มนอกจากบรรยายถึงสภาพที่โหดร้ายทรมานของแดนนรกอย่างละเอียด ยังใช้ภาพพจน์ปัจจุบันขยายความเป็นจริงให้ทราบด้วยเปิดทางให้มนุษย์ข้ามจากธารน้ำที่หลงใหล ด้วยเหตุนี้แหละหนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่นวนิยายเพื่อการอ่านเล่นหย่อนอารมณ์หวังชาวโลกจงเข้าใจรู้สึกตัว หยางเซิงเตรียมท่องนรกได้แล้ว

หยางเซิง :กระผมเตรียมการเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มเดินออกจากทางได้แล้วครับ

อรหันต์จี้กง :ปุถุชนที่ได้นั่งบนดอกบัว ซึ่งเป็นการเอาใจเป็นพิเศษ หวังว่าเจ้าหยางเซิงจงรักถนอมไว้…ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว คืนนี้จะเยี่ยมชม "นรกแดนหิวโหย"

หยางเซิง :ที่แห่งนี้เสมือนหนึ่งป่าเปลี่ยว ทุกแห่งหนไม่มีร่องรอยของผู้คนเลย เราจะไปทางทิศใดเล่า ?

อรหันต์จี้กง :ห่างจากนี้ไม่ไกลนัก ผ่านภูเขาน้อยลูกหนึ่งก็จะถึง "นรกแดนหิวโหย"

หยางเซิง : เมื่อไม่มีแม้แต่วี่แววของคน แล้ววิญญาณผีจะเข้านรกในทางใดเล่า ?

อรหันต์จี้กง :เจ้ามองไปทางด้านซ้ายก็จะรู้สึกถึงแก่น

หยางเซิง :อ้อ ! ด้านซ้ายมีทางเล็กๆ อยู่ทางหนึ่งจริงๆ ด้วยบนทางมียมทูตหัวควายหน้าม้า 2-3 ตนคุมวิญญาณโทษเดินอยู่

อรหันต์จี้กง :เราเดินไปทางซ้าย เดินตามพวกเขาไป

ผู้คุมหัวควาย :ปุถุชนแห่งใด ! เข้ามานี้โดยพละการได้อย่างไร ?

อรหันต์จี้กง :เจ้าจงเปิดตาดูให้ชัดแจ้งก่อน ค่อยตวาดยังไม่สายเกินการ !

หยางเซิง :ผู้คุมหัวควายผู้นี้ แลดูน่าเกลียดน่ากลัวซ้ำในมือถือโซ่เหล็กง่ามเหล็กอีกด้วย ท่าทีดุดันเขาจะใช้กำลังกับเราหรือไฉน ?

อรหันต์จี้กง :มิต้องหวั่น อาตมาจะอธิบายให้มันเข้าใจได้

ผู้คุมหัวควาย :ท่านทั้งสองคือผู้ใดบอกมาเร็ว มิเช่นนั้นจะจับกุมตัวไปให้เจ้านายชำระโทษ

อรหันต์จี้กง :ผู้คุม ท่านเป็นยมทูตมานานเท่าไหร่แล้ว ไฉนจึงไม่รู้จักฉัน ?

ผู้คุมหัวควาย :ข้าพเจ้าทำหน้าที่ยมทูตได้ 2 เดือนเศษ ทุกสิ่งทุกอย่างทำตามหน้าที่ บรรดาผู้ที่ไม่มีป้ายอนุญาต ล้วนต้องถูกจับกุม นี่แหละคือหน้าที่ของข้าพเจ้า

อรหันต์จี้กง :อาตมาคือพระอรหันต์จี้กง ผู้นี้คือนักทรงเอกสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมือไถ่ตงแห่งเมืองมนุษย์ เป็นศิษย์ของ พระเจ้ากวนอู ได้รับเทวโองการให้มาเที่ยวเมืองนรก แต่งหนังสือเตือนชาวโลก คืนนี้จะไป "นรกแดนหิวโหย" ผ่านมาทางนี้ ท่านผู้คุมควรทราบว่าเรามีพระบรมราชโองการติดตัวอยู่ห้ามการกีดขวาง มิเช่นนั้นท่านจะต้องถูกลงโทษ

 

 

ผู้คุมหัวควาย :ต่อหน้าพระบรมราชโองการ ขอกราบไหว้คารวะที่แท้ท่านก็คือผู้ที่ชาวโลกร่ำลือกันว่าพระสติเฟื่อง "จี้กง" นั่นเอง เพราะเหตุว่าข้าพเจ้าจากโลกมนุษย์ไปนาน ไม่เคยเห็นท่านอรหันต์ ขอให้ท่านและท่านหยางเซิงอภัยให้ด้วย ถ้าจะไป "นรกแดนหิวโหย" บุกผ่านภูเขาเล็กข้างหน้านี้ก็ถึงแล้ว ข้าพเจ้าจะพาท่านทั้งสองไปเอง

หยางเซิง :ก็ดีอยู่ ! ทางเล็กนี้ล้วนปูด้วยเศษหินและเป็นหลุมอยู่ไม่น้อย ทั้งยังมีน้ำขังอยู่ด้วย เวลาเดนผ่านทรมานยิ่งนักราวกับถูกแทงด้วยเข็มแหลมอย่างนั้น ข้างหน้ามีนายทหารอีก 2 ท่านช่วยกันคุมผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวคล้ายเศรษฐีนี แต่ถูกร้อยด้วยโซ่ตรวน หล่อนต้องโทษอันใดมิทราบ ?

อรหันต์จี้กง :เมื่อตอนอยู่แดนมนุษย์เป็นผู้ที่มั่งคั่งมียศศักดิ์ได้เสพสุขมากมาย ไม่รักถนอมข้าวรักพืชธัญญาหาร ทิ้งขว้างอาหารต่างๆ นั่นคือกินอิ่มมากเกินไป ดังนั้นจึงถูกคุมมายัง "นรกแดนหิวโหย" ให้มันอดเสียบ้าง

อรหันต์จี้กง :เมื่อตอนอยู่แดนมนุษย์เป็นผู้ที่มั่งคั่งมียศศักดิ์ได้เสพสุขมากมาย ไม่รักถนอมข้าวรักพืชธัญญาหาร ทิ้งขว้างอาหารต่างๆ นั่นคือกินอิ่มมากเกินไป ดังนั้นจึงถูกคุมมายัง "นรกแดนหิวโหย" ให้มันอดเสียบ้าง

หยางเซิง :ภูเขาน้อยลูกนี้ไม่สูงนัก ต้นไม้ต้นไร่ขึ้นเขียวชอุ่มและยังมีต้นอ้อกับพวกเถาวัลย์พืชผลมากมาย เหมือนกับหุบเขาในแดนมนุษย์ไม่มีผิด ในภูเขามีทางเดินขนาด 3 คนผ่านได้อยู่ทางหนึ่ง

อรหันต็จี้กง :ผ่านภูเขาน้อยลูกนี้แล้ว เจ้าจะมองเห็นข้างหน้านั้นคือ "นรกแดนหิวโหย" ตั้งอยู่ที่เชิงเขา

หยางเซิง :กระผมเห็นแล้ว ตลอดทั้งผืนล้วนสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กกล้า และมีหลังคาออกสีดำคล้ำ มาถึงเชิงเขาแล้ว

ผู้คุมหัวควาย :พวกท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าพเจ้าจะไปรายงานแจ้งให้เจ้านายทราบ

หยางเซิง :ตัวอักษร "นรกน้อยแดนหิวโหย" ใช้ไม้กระดานแกะเป็นรอยบุ๋ม แต่ไม่สู้ชัดเจนนัก ข้างในมีทหารเฝ้ารักษาการณ์แข็งแรง หญิงผู้ถูกคุมข้างหน้านั้นได้ผ่านเข้าไปด้วยใบเบิกทางแล้ว

ผู้คุมหัวควาย :ข้าพเจ้าได้เข้าไปในคุกรายงานต่อท่านพัศดี (หัวหน้าผู้คุม) แล้ว ท่านทั้งสองเชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปได้

พัศดี :ขอต้อนรับท่านอาจารย์และหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งทีให้เกียรติมายังที่นี้ ขออภัยในการต้อนรับล่าช้าเกินควร

อรหันต์จี้กง :พูดอะไรอย่างนั้น การที่มารบกวนนี้เนื่องจากสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" อาตมาจึงนำพาวิญญาณของหยางเซิงล่องลงสู่ยมโลกตรวจชมรายละเอียดซึ่งเป็นกรณีพิเศษ เพื่อที่เป็นข้อมูลสำหรับตักเตือนชาวโลก การมาในวันนี้ขอท่านพัศดีได้โปรดให้คำชี้แจงโดยละเอียดด้วย

พัศดี :คุกนี้ขึ้นกับขุมที่สอง ในนรกแดนหิวโหย ข้าพเจ้าพาท่านหยางเซิงตรวจชมเอง ท่านอาจารย์เชิญพักจิบน้ำชาก่อนครับ

หยางเซิง :ตกลง ข้าพเจ้าจะตามพัศดีไป….ห้องขังแถวนี้ห้องหนึ่งกว้างประมาณ 3 เมตร ผู้ที่อยู่ภายในนั้น แม้จะแต่งกายสวยงามโสภา แต่ไฉนจึงหน้าตาซีดเหลืองผอมแห้งครวญครางอยู่ร่ำไป ?

หยางเซิง :ตกลง ข้าพเจ้าจะตามพัศดีไป….ห้องขังแถวนี้ห้องหนึ่งกว้างประมาณ 3 เมตร ผู้ที่อยู่ภายในนั้น แม้จะแต่งกายสวยงามโสภา แต่ไฉนจึงหน้าตาซีดเหลืองผอมแห้งครวญครางอยู่ร่ำไป ?

พัศดี :พวกนี้ส่วนมากเป็นพ่อค้าวานิชในแดนมนุษย์กินอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุขใช้เงินครั้งละเป็นพันไม่รู้สึกเสียดายเลย แต่กับพวกคนจนหรือพวกขอทานยาจก กลับไม่มีความเมตตาแม้แต่นิดเดียว เมื่อตายแล้ว ล้วนตกลงมาคุกนี้ ข้าพเจ้าจะเรียกวิญญาณโทษตนหนึ่งออกมา ท่านจะซักถามเขาได้เลย

พัศดี :พวกนี้ส่วนมากเป็นพ่อค้าวานิชในแดนมนุษย์กินอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุขใช้เงินครั้งละเป็นพันไม่รู้สึกเสียดายเลย แต่กับพวกคนจนหรือพวกขอทานยาจก กลับไม่มีความเมตตาแม้แต่นิดเดียว เมื่อตายแล้ว ล้วนตกลงมาคุกนี้ ข้าพเจ้าจะเรียกวิญญาณโทษตนหนึ่งออกมา ท่านจะซักถามเขาได้เลย

หยางเซิง :ขอถามท่านสุภาพบุรุษผู้นี้ ไฉนท่านจึงมารับโทษที่นี่ ?

วิญญาณโทษชาย :ผมทำกิจกรรมโรงงานในแดนมนุษย์ เพราะเหตุกิจการรุ่งเรืองตลอดมามีกำไรมหาศาล เนื่องจากการค้าขายต้องคบค้าสมาคมกันทุกวัน ขึ้นภัตตาคารร้านอาหารต่างๆ กินดีสนุกเฮฮา โต๊ะหนึ่งๆ แม้จะมีค่าเป็นหมื่นเหรียญก็ไม่รู้สึกเสียดาย แต่สวัสดิการของพนักงานคนทำงานกับยิวแสนยิวพวกพนักงานบ่นว่าผูกใจเจ็บอยู่เสมอ หากพวกสมาคมมูลนิธิการกุศลมาเรี่ยไรเพื่อสาธารณกุศล อย่างมากที่สุดก็จะบริจาคเพียงห้าร้อยเหรียญ ไม่มีน้ำใจในเรื่องกุศลเลย หากพวกขอทานหรือญาติมิตรผู้ยากจนมาขอหยิบยืมเงินทองก็สั่งคนใช้ให้บอกว่าไม้ำด้อยู่บ้าน ไม่เพียงแต่เท่านี้ ในบ้านมีอาหารการกินชนิดราคาแพงๆ มากมายก่ายกอง ไม่เคยจะประหยัดเลย และนอกบ้านนั้นยังเลี้ยงเมียเก็บอีกหลายคน สร้างหอรักให้ตัวน้อยๆ เก็บตัวอยู่อย่างสบาย แต่ละเดือนต้องสิ้นค่าใช้จ่ายหลายหมื่นให้พวกหญิงบำเรอเหล่านี้ เมื่อ 2 ปีก่อนตายลงด้วยโรคความดันโลหิตสูง จึงถูกตัดสินให้มายัง "นรกแดนหิวโหย" แม้จะแต่งกายแบบสากล แต่ไม่มีอาหารชั้นสูงเลิศรสกิน ในสัปดาห์หนึ่งได้กินข้าวต้มกับผักเพียงมื้อเดียวประมาณ 3 วันก็หิวจนสลบไสลหัวควายหน้าม้าก็ใช้น้ำคืนวิญญาณสาดให้ฟื้น เป็นที่ทรมานยิ่งนัก หิวโหยเสียจนแสนที่จะทนทานได้ ท่านมีของกินกินอะไรบ้างไหม ? ขอให้ทานผมด้วยเพื่อบรรเทาความหิวโหย

พัศดี :ไอ้เวร !! เข้าไปเร็ว ! อย่าละเมิดนะ แกทำเองรับสนองเอง เสพสุขมากไปแล้ว อย่ามาคร่ำครวญสะอื้นไห้สั่งให้วิญญาณโทษหญิงผู้นั้นออกมา แล้วรีบรายงานตัวต่อหยางเซิงผู้นี้ว่า เมื่ออยู่แดนมนุษย์นั้นทำผิดประการใดบ้าง ?

วิญญาณโทษหญิง :ดิฉันเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่เป็นเมียของคนรวยเพราะว่าสามีทำกิจการงานก่อสร้าง รับก่อสร้างบ้านเรือนต่างๆ โดยเฉพาะ ร่ำรวยมหาศาล จากการอยู่บ้านหลังเล็กๆ ไปอยู่ในอาคารใหญ่โตมโหฬารเพราะเหตุว่ามีเงินมาก เลยติดนิสัยไม่ดีฝึกการเล่นไพ่นกกระจอก ลุ่มหลงในการเล่นการพนันทั้งวันทั้งคืน ไม่ใส่ใจดูแลบ้านช่องการงาน และนัดเพื่อนฝูงไปที่ฟลอร์เต้นรำเป็นประจำ หรือกินอาหารโต้รุ่ง ในชีวิตดื่มกินอย่างฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น ไม่เคยประหยัดเงินทองเลย แต่กับการให้ทานผู้ยากจนหรือกิจกรรมการกุศลก็เหนียวจนไม่ยอมบริจาคแม้สตางค์แดงเดียว เสพสุขตลอดชีพ เมื่อตายลงท่านยมบาลไม่มีการปราณี ตัดสินให้ดิฉันมารับโทษที่คุกนี้ ขณะน้หิวโหยเหลือที่จะทนได้

หยางเซิง :วิญญาณโทษหญิงผู้นี้ บนใบหน้าแสดงถึงความทุกข์ทรมาน เอามือยัดเข้าในปากขบกัด ราวกับว่าหิวจนไม่สามารถทนอยู่ต่อไป

พัศดี :กลับเข้าคุกเร็ว !

หยางเซิง :ขอให้ท่านพัศดีอธิบาย บรรดาวิญญาณโทษที่ถูกขังไว้แต่ละห้องที่ข้าพเจ้าเห็นไม่ว่าหญิงชาย แม้การแต่งกายจะไม่เลว แต่ไฉนจึงเหมือนพวกขอทานริมถนนนอนกลิ้งครวญครางอยู่บนพื้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง แบมือขอกิน ?

พัศดี :ชาวโลกที่ล้างผลาญข้าวของ ไม่ถนอมรักพืชพันธุ์ธัญญาหาร สุรุ่ยสุร่ายไม่ประหยัด มีเงินใช้ในทางเสพสุขเพื่อตนเอง ไม่ยอมบริจาคแก่คนยากจนหรือทางกิจการสาธารณะการกุศล หรือผู้ชายที่มีเงินร่ำรวยแล้วก็ทิ้งเมียแล้วไปสร้างหอรักใหม่ หรือผู้หญิงที่มีชื่อเสียงขึ้นมา เช่น นักร้องในปัจจุบันเมื่อดังแล้ว ก็เกิดดูหมิ่นสามีตนเอง อยากจะหย่าจากไปรับความมีเกียรติทางลมๆ แล้งๆ ต่างๆ นานา บรรดาผู้ที่พอร่ำรวยมียศศักดิ์แล้วก็เกิดแปรเปลี่ยนความนึกคิดความตั้งใจนั้น จึงเป็นการประพฤติที่ต่ำช้าเลวทราม เมื่อตายลงแล้วล้วนต้องตกมาอยู่นรกนี้ รับความทรมาน ใคร่จะหวังว่าผู้ร่ำรวยมีเกียรติสูงส่งในแดนมนุษย์ ควรบริจาคเงินทองส่วนหนึ่งช่วยเหลือผู้อื่น ตัวเองอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร มิเช่นนั้นแล้ว เพียงเอาแต่ดื่มกินเสพสุข โชคลาภจะหมดและเคราะห์กรรมจะถึงตัวในชีวิตนี้ที่ได้ยศศักดิ์และร่ำรวยให้เสพใช้อยู่นั้น ก็เนื่องจากชาติก่อนได้สร้างบุญกุศลไว้ จึงได้รับตอบแทนด้วยบุญวาสนาในทางดี ถ้าสามารถไม่หลงระเริงกับบุญวาสนาแล้วยังสร้างบุญสร้างกุศลอีก ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก เหมือนส่งถ่านให้ในเวลาหิมะตก (หมายความว่าช่วยผู้อยู่ในความหนาวด้วนการให้ฟืนไฟ) หรือหนังสือพิมพ์หรือธรรมเพื่อเตือนใจชาวโลก เมื่อสิ้นลมปราณแล้วไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงที่ดีงามอยู่บนฝีปากชาวโลก ยิ่งกว่านั้นวิญญาณยังได้ขึ้นสู่ที่สูงสุด (คือสวรรค์) รับการเซ่นไหว้จากผู้คนทั่วไป

อรหันต์จี้กง : เนื่องจากเวลาจำกัด เราเตรียมตัวกลับสำนักเถิดเจ้าหยางเซิง

พัศดี :ก็ดีเหมือนกัน มีการขาดตกบกพร่องประการใดบ้าง ? ขอได้โปรดอภัยให้ด้วย

หยางเซิง :ขอขอบคุณที่ท่านพัศดีให้การชี้แจงแถลงไข เราจะกลับสำนักแล้วละ

อรหันต์จี้กง :ขึ้นบนดอกบัวเร็ว….ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง

หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

บ้านที่ดีที่สุด

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

หลงซันกง

1654918052.jpg
mindcyber
5 months ago
เป็ดน้ำแดงเจ

เป็ดน้ำแดงเจ

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ครั้งที่ 35 ตอน ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อยครั้งที่ 4

1654918052.jpg
mindcyber
3 weeks ago
วุ้นเส้นผัดเต้าหู้ยี้

วุ้นเส้นผัดเต้าหู้ยี้

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago