ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่องานมงคล เป็นการเพิ่มบรรยากาศเศร้าสลด เจ้าที่โลภปากสักการะ มักหลีกไม่พ้นโดนเหล้าพิษ
อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 19 ธันวาคม 2524 กลอนว่า:
จะทำบุญถวายพระอย่าฆ่าสัตว์
ตัดชีวิตถอนขนน้ำตานอง
ตัดเขาถลกหนังน่าสยอง
เทพมองเห็นเศร้าสลดจิตหวั่นไหว
หน้าศาลเจ้าวิญญาณสัตว์อาฆาต
เพราะรสชาติผู้คนช่าวหลงไหล
เลยก่อกรรมทำเข็ญอยู่ร่ำไป
พูดผลักไสว่าทำเพื่อสวรรค์
อรหันต์จี้กง :เนื่องจากประชาชนมั่งมีศรีสุข ศาลเจ้าทั่วทั้งมณฑลพอถึงวันเกิดของเทพเทวดา ลานด้านหน้าของศาลเจ้าจะมีหมูเห็ดเป็ดไก่วางเซ่นไหว้เต็มไปหมด เจ้าแมลงวันแขกที่ไม่ได้เชิญเต็มไปหมด เป็นการสิ้นเปลืองและไม่ถูกอนามัน ประเพณีอย่างนี้ไม่เหมาะกับกาลสมัย ควรจะเปลี่ยนแปลงเป็นดอกไม้ธูปเทียนและผลไม้ การไหว้พระไหว้เจ้า ควรจะมีเหตุผลวันนี้ฉันจะพาหยางเซิงไปเยี่ยมเยือนเทพเทวดาตามศาลเจ้าที่มีคนนำของมาเซ่นไหว้ซึ่งมีวิญญาณสัตว์คอยอาฆาตอยุ่หยางเซิงเตรียมตัวเดินทางได้
หยางเซิง :ขอรับ! ผมเตรียมตัวนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
อรหันต์จี้กง :เที่ยวนำพาหยางเซิงเสาะหาผู้ที่ควรจะสัมภาษณ์มาถึงหมู่บ้านหยวนหลิน เขตเมืองจั้งอัว หยางเซิงพวกเราลงไปสำรวจสักหน่อย จะพบอะไรบ้าง?
หยางเซิง :เหนือประตูบ้านนี้ มีรูปเทวดา 8 องค์ปิดไว้สองข้างประตูก็มีคำกลอนใหม่ๆ ปิดไว้ ดูเหมือนจะมีงานมงคล
อรหันต์จี้กง :บ้านตระกูลฮวง กำลังจะแต่งลูกสะใภ้
หยางเซิง :ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อรหันต์จี้กง :ฮาฮ้า! พวกวิญญาณหมู เป็น ไก่ ร้องไห้มาสามวันสามคืนแล้ว ดังนั้นเสียงจึงแหบแห้งไป ฉันจะพาเธอไปด้านหลังบ้าน ก็จะพบสิ่งปรากฎการณ์ใหม่
หยางเซิง :ก็ดีครับ! (เดินตามท่านอาจารย์ไปหลังบ้าน ก็พบเป็ดไก่ประมาณ 10 ตัว หมู 2 ตัว สะอื้นไห้เสียก็อ่อนระโหยดูแล้วน่าสงสารจริงๆ!)
อรหันต์จี้กง :วันก่อน ทำโต๊ะเลี้ยงแขก ก็ได้ฆ่าไปหลายชีวิตเนื้อหนังถูกผู้คนเขากินไปหมด เห็นแขกเหรื่อรื่นเริง โดยเอาชีวิตพวกมันมาแลกกับความสนุกสนาน ในใจนั้นเจ็บปวดไร้ยุติธรรม
หยางเซิง :ผมเห็นพวกมันน่าสงสาร ขออาจารย์ได้กรุณาโปรดพวกมันด้วยเถิด
อรหันต์จี้กง :พอดีเรากำลังทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” อยู่ ฉันจะถือโอกาสนี้โปรดพวกมัน โปรดให้พวกมันไปร้องเรียนในนรก
หยางเซิง :พวกมันตายแล้วทำไมไม่ยอมจากที่นี่
อรหันต์จี้กง :มีพวกหนึ่งไม่เจ็บแค้นมากนัก ก็จากที่นี่ไปนานแล้วมีอีกพวกยังตัดใจไม่ได้ ก็ยังไม่ยอมจากไป ฉันจะเป่าเสกพวกมันจะได้คุยกัน ฝูงเป็ด ฝูงไก่ พวกหมูทั้งหลาย อย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย ผู้คนเขาอิ่มปากอิ่มท้องพออกพอใจอันนี้เป็นกรรมเก่า ผู้คนไม่มีตาทิพย์ ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกเธอก็เคยเป็นญาติโยมกับเขา ปัจจุบันเกิดเป็นสัตว์จึงจำไม่ได้ ดังนั้นต้องสู่อดทนรับกรรม อย่าไปโทษพวกเขาเลย ฟังคำของข้าอรหันต์จี้กง ติดตามข้าไปเมืองนรกเพื่อร้องเรียน ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนใหม่!”
หยางเซิง :พวกสัตว์เหล่านี้ พอถูกอาจารย์เสกเป่า รู้สึกสำนึกได้ แต่ละตัวก็ผงกศรีษะรับรู้!
อรหันต์จี้กง :เรารออยุ่ที่นี่ก่อน คือนี้แต่งหนังสือเสร็จก่อนแล้วจะพาพวกเธอไปเมืองนรกเพื่อรายงาน เนื่องจากเรื่องเกี่ยวกับงานมงคล อาตมาไม่อยากซักถามละเอียดมากนัก อันนี้เป็นความนิยมของสังคม เวลางานมงคล เช่น งานแต่งงาน ชายหญิงต่างคาดหวังจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ถือไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร และมีลูกดี แต่ตอนนี้ทำการพรากแม่พรากลูกพรากผัวพรากเมีย ฆ่าเอามาเลี้ยงแขก เป็นประเพณีการสืบทอดของบรรพบุรุษ ถ้าหากงานมงคลยอมงดอาหารสัตว์ ใช้อาหารมังสวิรัติ งดการฆ่าสัตว์ สรรพสัตว์มีสุขร่วมกัน สมัยก่อนนานมาแล้ว ที่ตำบลฮั้งซัวฮะติก มีผู้ถือศีล 2 คน เห็นบ้านญาติโยมลูกหลานแต่งงานตีฆ้อง ลั่นกลอง ฆ่าสัตว์มาเลี้ยงดูผู้ถือศีลมีตาทิพย์เห็นว่าสัตว์ที่เขาฆ่าตายเหล่านี้ ล้วนเป็นญาติโยมของเขามาก่อนตลอดสามชาติ จึงได้แต่งเป็นกลอนว่า:
ที่ห้องโถง ตีกลองฆ้อง ตีหนังปู่
ต้มตุ๋นหมู ในกระทะ เป็นอาไซร้
ชาติก่อนมา ท่านย่าทวด เป็นสะใภ้
ตอนนี้ไม่ หัวเราะจะ รอยามไหน
กลอนนี้มีความหมายลึกซึ้ง หวังว่าชาวโลกจะเข้าใจ หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ ฉันพาไปอีกที่หนึ่ง
หยางเซิง :ขอรับ! ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์เดินทางได้
อรหันต์จี้กง :ที่นี่เป็นหมู่บ้านลุนเป่ย อำเภอหวินหลินด้านหน้ามีศาลเจ้าที่อยู่หลังหนึ่ง เราลงจากปทุมทิพย์ไปเยือนเจ้าที่หน่อย
หยางเซิง :ดีขอรับ สามารถพูดคุยกับเจ้าที่ได้รู้สึกดีใจมาก
อรหันต์จี้กง :ท่านปู่เจ้าที่ครับ! วันนี้มาโดยไม่ได้บอกกล่าว ขออภัยด้วย เนื่องจากที่ทางศักดิ์สิทธิ์มาก มีผู้คนมากราบไหว้เยอะ วันขึ้นหนึ่งคำและสิบห้าค่ำ มีผู้คนมาเซ่นไหว้มากมายหมูเห็ดเป็ดไก่กินไม่หมด วันนี้อาตมากับศิษย์รักหยางเซิงมาเป็นแขกอยากมาดื่มน้ำชากับท่านปู่สักแก้ว ไม่ทราบว่าท่านจะว่าอย่างไร?
ปู่เจ้าที่ :ที่แท้คือ ท่านอรหันต์จี้กงกับท่านหยางเซิงขอโทษที่เสียมารยาท เมื่อครู่ท่านอรหันต์พูดกับเรา ไม่ทราบว่าพูดจริงหรือพูดเสียดสีกัน
อรหันต์จี้กง :อยู่ถึงพันลี้ยังได้กลิ่นเหล้ายาปลาปิ้ง ทำให้น้ำลายไหลยืดยาด ทนไม่ไหว คิดจะเลิกกินเจ แต่เราก็อยู่กันสามคนเท่านั้น พวกเรากินแล้วเช็ดปากอย่าพูดออกไป ก็จะไม่มีใครรู้?
ปู่เจ้าที่ :อรหันต์จี้กงชอบพูดล้อเล่น เชิญนั่งข้างใน ยังมีเหล้าขาว เหล้าเกาเหลียง เชิญดื่มสักแก้วเป็นไรไป
หยางเซิง :ที่นี่เหม็นคาวมาก บรรยากาศอึดอัดมากค่อนข้างจะแปลกๆ อยู่ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร? โอ้ที่นี่พวกเนื้อตุนไว้มาก และยังมีเหล้าขาว เหล้าเกาเหลียง บนเนื้อสัตว์เหล่านี้ยังเต็มไปด้วยขี้ธูป ผมเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก อันนี้เนื่องจากอะไรไม่ทราบ?
ปู่เจ้าที่ :เนื่องจากฉันนี้ศักดิ์สิทธิ์ มีการร้องขอก็ได้รับผลดังนั้นจึงมีผู้ศรัทธานำข้าวของมาตอบแทน เนื่องจากฉันไม่สามารถกินหมด และก็ไม่มีตู้จะใส่ เลยเก็บไว้ใต้โต๊ะ กลัวจะบูดเน่าเลยเอาขี้ธูปใส่ไว้สำหรับกันบูด
หยางเซิง :แปลกจริงๆ! ทำไมไม่ให้ผู้ศรัทธาส่งตู้เย็นมาให้สักใบ จะได้สะดวกอีกหน่อย
ปู่เจ้าที่ :คงไม่เหมาะสม เจ้าเล็กๆ ก็ใช้วิธีแบบนี้ เพื่อปากท้องเท่านั้น
อรหันต์จี้กง :ปู่เจ้าที่พูดจามากมาย พอจะรู้ความหมายของการมาหรือเปล่า?
ปู่เจ้าที่ :ท่านอรหันต์จี้กง มิใช่จะให้ฉันเลี้ยงแขกหรอกหรือ? ท่านชอบกินขอสดๆ พวกที่ใส่ขี้ธูปมักเป็นของเค็ม เหล่านี้คงไม่เหมาะกับท่าน
อรหันต์จี้กง :คนเขาว่า “ไม่มีกุ้งปลาก็ดี แม้มีน้ำใจน้ำเปล่าก็หอมหวาน”
ปู่เจ้าที่ :เมื่อไม่รังเกียจ เชิญท่านทั้งสองนั่งก่อน ฉันจะไปจัดแจงข้าวปลาอาหาร?
หยางเซิง :เหตุใด ท่านอาจารย์จึงต้องเล่นกลล่ะ?
อรหันต์จี้กง :โธ่! เบาๆ หน่อย วันนี้จะแสดงละครเพื่อจะได้โปรดเจ้าที่รายนี้ เราต้องแสดงความเป็นมิตรเสียก่อน เพื่อแสดงความสอดคล้องกัน ภายหลังค่อยลงมือ เหมือนแมลงวันเข้าไปในไห จับเมื่อไรก็ได้ ไม่ง่ายกว่าหรือ?
หยางเซิง :อาจารย์มีอุบายแยบยล
ปู่เจ้าที่ :วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว พวกเนื้อ-ผัก เย็นๆแบบนี้ ไม่ทราบว่ารับได้หรือไม่? แต่โชคดีที่นี่มีเหล้าเกาเหลียงอยู่สามขวด พวกเหล้าแรงๆ เหล่านี้ ดื่มแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่น ทั้งสองท่านเป็นแขก ฉันขอคารวะท่านอรหันต์หนึ่งจอกทำไมท่านอรหันต์จี้กงไม่ดื่มเล่า?
อรหันต์จี้กง :เหล้านี้รสไม่เอาไหน ดื่มแล้วไม่หายอยาก
ปู่เจ้าที่ :ฉันก็ไม่มีเหล้าต่างประเทศ จะทำไงดีล่ะ?
อรหันต์จี้กง :วันนี้เราตั้งใจมาที่นี่ ดื่มชาสักแก้วหนึ่งก็พอแล้ว
ปู่เจ้าที่ : นั่นจะดีหรือครับ? ถ้าอยากได้ชาก็มี ชาวบ้านแถวนี้ชงถวายทุกวัน กาน้ำชาก็ยังอยู่ที่นั่น ฉันจะเอามาให้ 2 แก้ว
อรหันต์จี้กง :ขอบคุณปู่เจ้าที่
ปู่เจ้าที่ :ถ้าอย่างนั้น ฉันดื่มเหล้า ท่านทั้งสองดื่มชา อย่าหาว่าฉันไร้มารยาทล่ะ!
อรหันต์จี้กง :ไม่ต้องเกรงใจ ทุกคนเชิญตามสบาย (แต่ละคนก็ดื่ม)
ปู่เจ้าที่ : โอ้ยโย้! คอฉันร้อนยังกับไฟลวก เจ็บแสบไปหมดเลย เหล้าแรงอย่างนี้ ฉันเองก็ดื่มมากแล้ว รู้สึกรสชาติเหมือนน้ำ แต่วันนี้ทำไมไม่เหมือนเดิม โอ๊ย โอ๊ย! ท้องไส้กัดกันจนแสบไปหมด จนทนแทบไม่ไหวแล้ว เชิญท่านอรหันต์ช่วยด้วยมันเป็นเพราะอะไร ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว....
อรหันต์จี้กง :ปู่เจ้าที่รีบๆ ครองสติให้อยู่ ฉันจะรักษาให้....เหล้าขวดนี้มีปัญหา “ทดสอบ” ดูควรรู้.....ที่แท้โรงงานใช้แอลกอฮอล์ ปรุงแต่งเป็น “เหล้าปลอม” เจ้าโลภกินจึงโดนพิษเข้าแล้ว
ปู่เจ้าที่:เคยได้ยินมานานแล้วว่า ท่านอรหันต์จี้กงมีอิทธิฤทธิ์มาก ช่วยฉันด้วยเถิด
อรหันต์จี้กง :เนื่องจากลืมเอายาวิเศษมา จะทำอย่างไรดี
หยางเซิง :เห็นปู่เจ้าที่ลงไปคลุกฝุ่นอยู่ที่พื้น ท่าทางเจ็บปวดยิ่งนัก เชิญ ท่านอาจารย์เมตตาใช้คาถาช่วยเถิด
อรหันต์จี้กง :ศิษย์รักพูดอย่างนี้ ฉันจะใช้เวทย์มนต์ช่วยเจ้าที่ให้เอากาน้ำชามาให้ข้า ข้าจะเสก “ฟ้าให้กำเนิดน้ำ น้ำฝนชื่นฉ่ำพื้นดิน พื้นดินได้น้ำ สรรพสัตว์ฟื้นคืน นโมโอมเพี้ยง(น้ำมนต์)” จบการเป่าเสก รีบๆ กรอกปาก น้ำมนต์จะได้ชะล้างจะได้มีหวัง
หยางเซิง :ครับผม ผมได้เปิดปากปู่เจ้าที่แล้ว ขออาจารย์ช่วยล้างกระเพาะให้ด้วย
อรหันต์จี้กง :ใครใช้ให้โลภกิน ไม่ระวังดื่มเหล้าปลอมเข้าไปยังดีว่าอาตมาอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นเจ้าที่นี่คงกลายเป็น “ผีเปรต” แล้ว
หยางเซิง :ปู่เจ้าที่เกิดตัวดำไปทั้งตัวแล้ว ตอนนี้ค่อยๆ หายใจเพราะอาจารย์กรอกน้ำมนต์ลงไป หน้าตาค่อยๆมีสีสันขึ้น
ปู่เจ้าที่ :โอ้ยโย้! เจ็บจะตายไป เมื่อครู่บริเวณทรวงอกมีอาการยังกับจะปริออก ท้องไส้เจ็บปวด ลำคอเหมือนไฟลวกเจ็บปวดผิดปกติ โชคดีที่ท่านอรหันต์จี้กงกรอกน้ำมนต์ให้ตอนนี้รู้สึกเย็นสบายขึ้นมา
อรหันต์จี้กง :หยางเซิงเธอประคองปู่เจ้าที่ลุกขึ้นนั่ง
หยางเซิง :ครับผม! ขอเชิญปู่เจ้าที่ลุกขึ้น ผมจะพยุงไปนั่งที่เก้าอี้ ต้องขอโทษอย่างจริงใจ เพราะจะเลี้ยงพวกเราจึงได้ถูกยาพิษ
ปู่เจ้าที่ :อันนี้โทษเธอไม่ได้ ต้องโทษคนที่เอามาเซ่นไหว้เราสักหน่อย ชีวิตของข้าเกือบตกอยู่ในมือของผู้คน
หยางเซิง :อันนี้จะโทษผู้คนก็ไม่ได้ ผู้คนเขาไม่รู้ว่าเป็นเหล้าปลอม เขาเองก็ศรัทธามาไหว้ท่าน ต้องโทษตัวเราโลภดื่ม!
อรหันต์จี้กง :โชคดีที่คนเอาเหล้ามาเซ่นไหว้นี้มีบุญอยู่ ตอนที่เขาจะเอาเหล้าขวดนี้กลับไป บังเอิญข้าเห็นเข้า เลยทำให้เขาหกล้มทำให้ขวดเหล้าตกแตก เกิดพ้นเคราะห์ไปได้
ปู่เจ้าที่ :เกือบแย่! อย่างนี้ก็ดีไปอย่าง ถ้ามิฉะนั้นพอไหว้เจ้าเสร็จกลับบ้านไป แล้วโดนยาพิษเข้า ชาวบ้านก็จะหาว่าเราเจ้าที่ไม่คุ้มกัน คงไม่มีคนศรัทธามาเซ่นไหว้อีก คงแย่กว่านี้
อรหันต์จี้กง :ตัวเองได้รับอันตรายไม่เป็นไร ถ้าผู้อื่นรับกรรมก็ไม่ดี ตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร?
ปู่เจ้าที่ :รู้สึกเย็นสบาย แต่รู้สึกหิวมาก
อรหันต์จี้กง :เนื่องจากดื่มน้ำมนต์ล้างไส้พุง พวกไขมันถูกชะล้างไปด้วย ตอนนี้ท้องไส้ว่างเปล่า รีบๆเอาเนื้อพวกนี้กินเข้าไปจะได้บำรุงเลี้ยง วันหลังเราค่อยมาใหม่
ปู่เจ้าที่ :ท่านอรหันต์พูดแบบนี้ ฉันก็จะไม่เกรงใจ ท้องใส้หิวแทบแย่
หยางเซิง :ปู่เจ้าที่! ท่านเป็นเจ้าบ้าน ทานเข้าไปก่อนวันนี้ผมกันท่านอาจารย์มาดื่มน้ำชาและคุยๆ กันท่านเท่านั้น
ปู่เจ้าที่ : เอ๊ะ!ทำไมท้องไส้รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอีก แย่แล้วปวดแสบไปหมด ไม่ไหวแล้ว โอย โอย! .....
หยางเซิง :ปู่เจ้าที่โรคเก่ากำเริบอีกหรือ? ไม่รู้เป็นเพราะอะไร?
ปู่เจ้าที่ :ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย! ท่านอรหันต์โปรดช่วยชีวิตด้วยวันนี้ไม่รู้โดนอะไร ผมทนไม่ไหวแล้ว ขอท่านอรหันต์ใช้คาถาช่วยด้วย
หยางเซิง :ปู่เจ้าที่ยืนไม่อยู่กับที่ มือกุมท้องร้องครวญครางนอนดิ้นอยู่บนพื้น
อรหันต์จี้กง :เนื่องจากข้ามีธุระที่สำคัญที่อื่น ไม่สามารถอยู่ได้ขอท่านเจ้าที่ ได้ควบคุมพื้นที่นี้ต่อไปเถอะ
ปู่เจ้าที่ :ท่านอรหันต์เป็นผู้ออกบวช ทำไมเห็นคนจะตายไม่มีความเมตตา ไม่ช่วยเหลือได้ลงคอ
อรหันต์จี้กง :ไม่ใช่ข้าไม่ช่วย เพราะว่าเจ้าที่ถูกพิษหนักไม่มีปัญญาจะช่วยเหลือ
ปู่เจ้าที่ :ขอความกรุณาเถอะ โปรดได้ช่วยอีกสักครั้งเถิดผมยอมรับฟังท่านทุกอย่าง
อรหันต์จี้กง :ข้าเห็นว่ายากที่จะแก้ไขได้แล้ว
ปู่เจ้าที่ :กราบท่านหยางเซิง ช่วยอ้อนวอนท่านอาจารย์ ได้โปรดช่วยชีวิตข้าด้วยเถิด
หยางเซิง :ความเมตตากรุณาเป็นพื้นฐานของพระพุทธเจ้าท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยเขาอีกสักครั้งเถิด
อรหันต์จี้กง :เห็นแก่หน้าศิษย์รัก จะลองช่วยอีกสักครั้ง แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ
ปู่เจ้าที่ :ไม่ว่าข้อแลกเปลี่นอะไร ข้าก็ยินดีรับฟัง
อรหันต์จี้กง :ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉันก็จะช่วยเธอ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปอนุญาตให้เพียงดื่มน้ำชา กินผลไม้ และสูดดมกลิ่นธูป ตั้งใจฝึกฝน ตำแหน่งเจ้าที่เป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆ ในโลกมนุษย์เท่านั้น ถ้าหากมัวโลภกินเลือดเนื้อผู้คน สักวันหนึ่งถ้าบุญหมดลงก็ต้องตกลงสู่ 6 ช่องทาง วนเวียนไม่หยุด เธอชาติก่อนเป็นเพียงผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่รับใช้ชาวบ้าน ก็มีบุญอยู่บ้าง พอตายลงจึงได้ตำแหน่ง “เจ้าที่” และเนื่องจากชาติก่อนไม่เคยศึกษาธรรมะ ไม่เคยฝึกฝน ไม่รู้อะไรเลย จึงติดอยู่แต่กายเนื้อ ไม่รู้ว่ากายเนื้อแตกดับไปแล้ว เหลือแต่วิญญาณ พวกหมูเห็ดเป็ดไก่ล้วนแล้วแต่เป็นภาพลวงตา เธอยึดถือภาพลวงตามาเป็นของจริงหลอกตัวเองแล้วยังหลอกผู้อื่น และเนื่องจากกำลังโปรดสัตว์ทั้งสามโลก ทั้เทพเทวดามนุษย์และสัตว์ ล้วนได้รับการโปรดทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้จึงมาที่นี่ เพื่อโปรดเธอให้อยู่ในทางที่ถูกต้องอย่ามัวโลภหลงอยู่กับคาวโลกีย์ของมนุษย์อีกเลย เหล้ายาปลาปิ้งถ้ากินเกินขนาด ทำให้มัวเมาจนหลงลืมจิตเดิม จนตกลงสู่วัฏสงสาร แล้วจะเสียใจภายหลัง ข้าจะเอาน้ำมนต์ช่วยเธอหยางเซิงรีบๆ อ้าปากเจ้าที่
หยางเซิง :ขอรับ อ้าปากแล้ว
อรหันต์จี้กง :เอ้อดีแล้ว เทน้ำมนต์ลงไป เนื่องจากพวกเป็ดไก่เหล่านี้ล้วนถูกแมลงวันตอม ปล่อยเชื้อโรคไว้แยะ ท้องไส้ “เจ้าที่” บอบบาง พอกินของที่ไม่ถูกอนามัยลงไป ก็ได้เรื่องเลย
หยางเซิง :ปู่เจ้าที่กินน้ำมนต์อาจารย์แล้ว ตอนนี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
ปู่เจ้าที่ :ขอบพระคุณ ที่ท่านอรหันต์ช่วยชีวิต และก็ขอขอบคุณท่านหยางเซิงที่ช่วยเหลือ จากวันนี้เป็นต้นไป จะทำตามท่านอรหันต์จี้กง ถือศีลกินเจ วอนท่านอรหันต์เมตตาโปรดให้ฉันได้ไปแดนสุขาวดีด้วยเถิด
อรหันต์จี้กง :หยางเซิงพยุงให้เจ้าที่นั่งดีๆ ฉันจะเสกให้
หยางเซิง :ขอรับ!ปู่เจ้าที่นั่งเรียบร้อยแล้ว หลังเจ็บไข้แล้วร่างกายดูอ่อนแอมาก
อรหันต์จี้กง :ไม่ต้องห่วง ข้าจะเสกให้ “เหนือหัวมีดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า ใต้ฝ่าเท้าคือ พสุธาที่มืดมัว บนและล่างผสมผสานกับความพอดีของธาตุทั้งสี่ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของร่างกาย ร่างกายคือประตู่แห่งการเกิดและความตาย(การเกิดและความตาย คือการเกิดของจิต จิตจะเป็นกุศลจิต ความตายคือจิตตกไปสู่อกุศลจิต) เมื่อชี้ที่หัวจิตประภัสสรและเมื่อชี้ที่เท้าจิตเกิดปัญญา กายทิพย์เป็นกายเดิม กายเนื้อกลับสู่ปัฐพี ถ้าย้อนคิดถึงก่อนการเกิด สรรพสิ่งว่างเปล่านั่นก็คือที่อยู่ดั่งเดิม เมื่อข้าเสกให้เธอแล้ว จงรู้ว่า การกินคาวเลือดเป็นสิ่งสูญเปล่า แม้นรูปแกะสลักสำหรับกราบไหว้บูชาก็เป็นของไม่แท้ เมื่อบรรลุแล้วก็หมดหนทางเกิด กลับคืนสู่แดนสุขาวดีถิ่นเกิดเดิม”
หยางเซิง :อาจารย์ช่วยชี้แนะหนทางให้ปู่เจ้าที่ รู้สึกว่าปู่เจ้าที่จะบรรลุแจ้ง
ปู่เจ้าที่ :ท่านชี้แนะทางรู้แจ้งให้ผม รู้สึกเป็นบุญคุณยิ่งนักจะเฝ้าขยันฝึกฝน เอาธรรมะช่วยเหลือผู้คน
อรหันต์จี้กง :เจริญพร ฝึกฝนสักสามปี ก็จะสัมฤทธิ์ผลสามารถกลับคืนสู่สุขาวดีแดนพุทธเกษจร เพื่อความสำเร็จธรรมะอันเที่ยงแท้ ข้าจะแต่งกลอนให้
“เมื่อประตูหน้าเปิดรับ
ศาลเล็กๆใช่ที่อยู่
ฝึกฝนธรรมอันยิ่งใหญ
ดุจดังเทพท้าวสุวรรณ”
วันนี้เยี่ยมเยือนถึงนี่พอแล้ว เตรียมกลับสำนัก
หยางเซิง :ขอรับ! ผมนั่งบนปทุมทิพย์เรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับได้
อรหันต์จี้กง :สำนักเซินเต๋อถังถึงแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัวได้ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม