จิตเดิมจรัสแสงแปลงร่างเป็นนกกระเรียน เดรัจฉานห้าชนิดเพียรถือศีลฝึกธรรมะ
อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 9 ธันวาคม 2524 กลอนว่า:
กระเรียนบินฉวัดตัดแสงใต ผมสูงในแผ่นดินมิอาจกั้น
สัตว์สวรรค์ปัญญาล้ำเหนือชนชั้น ขั้นคนห่างด้วยสิทธิ
นกรู้เลือกต้นไม้อยู่อาศัย มาลัยถวายพระรู้สติ
รักตนสงวนขนธรรมสิริ ไร้ทุกข์ผิว่าอยู่สวรรค์
อรหันต์จี้กง :เดรัจฉานร่างบุญรู้ใจคน สัตว์แสนรู้รู้ภักดี ตรงกันข้ามมีคนจำนวนมากที่สูญเสียความเป็นคน เลวยิ่งกว่าสัตว์ก็มากมาย เส้นขนเป็นเกียรติยศของมนุษย์ มนุษย์จำนวนมากหวังแต่ชีวิตรอดไม่เคยรักถนอม มัวแต่เล่นกับไฟ(กิเลส)จนไหม้เกรียมเผาผลาญจนไม่สามารถจะมองหน้าคนติด ปกติคนเรามักใส่น้ำมันที่ผม ผัดแป้งบนหน้า รักหน้าตา แต่การตกแต่งภายนอกเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ เสื้อผ้างดงาม บางคนก็เป็นสัตว์แปลงร่าง กิริยาวาจาล้วนแล้วแต่ขัดศีลธรรม เครื่องแต่งกายเป็นชั้นจอมปลอม ถ้าฉันเอาของจอมปลอมเหล่านี้ออกไป ก็เห็นหน้าตาที่น่าเกลียด ทำให้ผู้คนที่พบเห็นสะพรึงกลัว ไม่เหมือนลูกหมาลูกแมว ช่างน่ารัก มนุษย์ยังอุ้มไว้ในอกอย่างใกล้ชิด หยางเซิงเตรียมตัวขึ้นปทุมทิพย์
หยางเซิง :ขอรับ วันนี้อาจารย์จะไปที่ไหน?
อรหันต์จี้กง :ไปแดนใต้
หยางเซิง :แดนใต้หนาวมากไม่ใช่หรือ?
อรหันต์จี้กง :ถึงแม้จะหนาว แต่ก็ต้องการความอบอุ่นจากจิตของธรรมะแผ่ไปได้ จิตคนแม้จะหนาวเหน็บ เราก็ต้องมีศรัทธานำกุศลจิตไปอบรมเขา วันนี้เราไปที่สวรรค์ชั้นอรูปพรหมไปนมัสการท่านเทพแห่งแดนใต้ และกุมารเทพกระเรียนขาว
หยางเซิง :จะได้พบท่านกุมารเทพกระเรียนขาว ต้องนับว่ามีบุญวาสนามาก ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
อรหันต์จี้กง :มาถึงตำหนักอายุวัฒนะแดนใต้ รีบลงจากปทุมทิพย์
หยางเซิง :ธรรมชาติที่นี่ช่างงดงามมาก หมู่ไม้เขียวขจี บุปผานานาพันธุ์บานสะพรั่ง มีนำไหลผ่านสะพานเล็กๆ หมู่นกกระเรียนยืนอยู่กลางสระ ขนขาวดั่งหิมะ ทำให้ผู้คนหลงไหลข้างหน้ามีตำหนักภูมิฐานอยู่หลังหนึ่ง ข้างบนเขียนว่า ตำหนักอายุวัฒนะแห่งแดนใต้
อรหันต์จี้กง :ที่นี่เป็นตำหนักของท่านเทพแดนใต้ ท่านเป็นดาวประจำอายุ ดังนั้นถึงมีชื่อเรียกว่า มหาจักรพรรดิ์แห่งอายุวัฒนะเป็นผู้อยู่เหมือนเทพเทวดทั้งหลายมีประวัติยืดยาว เป็นเทวะรวมธาตุทอง หยางเซิงตามข้าเข้าไปข้างใน ไปนมัสการ ท่านเทวะทองคำกันเถอะ
หยางเซิง :ครับผม! “เดินตามอาจารย์เข้าไปในตำหนัก พอเข้าไปก็พบแสงดาวระยิบระยับ สาดส่องแสงต้องคนเป็นภาพที่พิสดาร ทันใดนั้นก็กระทบความเย็นสบาย กลางตำหนักเห็นมีคนนั่งอยู่ (ผมขาวดังกระเรียน หน้าอ่อนวัยเหมือนเด็ก) มีหนวดขาวยาวดังไหม มือข้างหนึ่งถือไม้เท้า ลักษณะโอบอ้อมอารี ข้างๆ กายมีกุมารใส่เสื้อขาวยืนอยู่ น่ารักยิ่งนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อรหันต์จี้กง :วันนี้อาตมานำศิษย์หยางเซิงมานมัสการท่านเทพแดนใต้กับท่านกุมารกระเรียนขาว ขอท่านเทพทั้งสองช่วยชี้แนะให้ด้วย
เทพอาวุโส :เจริญพร! ตามที่อรหันต์จี้กงได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้โปรดสัตว์ทั้ง 3 โลก นำพาคุณหยางเซิงเที่ยวทั่วทั้งสามแดนเพื่อทำหนังสือ เมืองนรก สวรรค์ สองเล่ม ช่วยเปิดประตูสวรรค์ ปิดประตูนรก จบแล้วยังรับคำสั่งจากพระแม่แดนสุขาวดีพุทธเกษตร พาหยางเซิงสัมาภาษณ์พวกสัต์เดรัจฉานให้เล่าอดีตกรรมที่ก่อไว้ เป็นการช่วยเหลือวิญญาณสัตว์ เตือนสติมนุษย์ คุณงามความดีอนยิ่งใหญ่นี้ พูดได้ว่าไมเคยมีมาก่อนและหลังจากวันนี้ไปก็จะไม่มีอีก วันนี้ทั้งสองท่านมาถึงเมืองเทวดา เทวดาชรภาพอย่างข้าก็ได้เตรียมชาดเล็กน้อยไว้ดื่มระหว่างสนทนา จะได้บรรยายเสียงของจิตออกมามีคำสั่ง! ให้กุมารตระเตรียมชาทิย์และผลไม้มาต้อนรับท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิง
กุมารเทพ :รับสั่ง! ตระเตรียมพร้อมแล้วทั้งชาทิพย์และผลไม้
เทพอาวุโส :ท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิง ขอเชิญนั่งตลอดระยะเวลา 6 ปีผ่านมานี้ ท่านได้ระเห็จระหนไปทั่วทั้งสามแดนคงลำบากมากนะ! ขอปลอมขวัญท่านด้วยของเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นการแสดงน้ำใจ
อรหันต์จี้กง :ขอขอบคุณ ท่านเทพที่ต้อนรับด้วยของมากมายศิษย์รักเราเข้าไปนั่งกันเถอะ!
หยางเซิง :โต๊ะหินเก้าอี้หินส่องแสงวาววับ นั่งแล้วรู้สึกเย็นสบายๆ
เทพอาวุโส :กุมาร! พวกเราก็นั่งกันเถอะ
อรหันต์จี้กง :วันนี้ได้มาที่นี่ ก็เพื่อให้ท่านกล่าววาจาล้ำเลิศเพื่อนำลงในหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก”
เทพอาวุโส :ท่านทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ เชิญดื่มน้ำชา ทานผลไม้
หยางเซิง :ขอบพระคุณ ท่านเทพเมตตาประทานชาทิพย์ผลไม้ทิพย์ กลิ่นหอมเชิญชวน ยานั้นชุ่มฉ่ำคอ มีรสชาติแปลกต่างกัน
เทพอาวุโส :ผู้คนเขายกย่องว่า เทวดาชราอย่างข้าเป็นดาวประจำอายุวัฒนะ ผลไม้และน้ำชาร้อนเป็นของต่ออายุทั้งนั้น เป็นเพราะเจ้าติดตามท่านอรหันต์ไปทั่วสามแดน เพื่อแต่งตำราพิสดารนี้ปลอบเตือนชาวโลก สั่งสอน มวมนุษย์ บุญบารมีมากล้นเสียพลังงานและจิตใจไปมาก ดังนั้นวันนี้จึงให้คนวิเศษแดนใต้ ช่วยบำรุงขวัญและจิตใจ!
หยางเซิง :ขอบพระคุณเป็นล้นพ้น
อรหันต์จี้กง :ที่มาในวันนี้ สาระสำคัญ อยากเชิญท่าน “กุมารเทพกระเรียนขาว” แนะนำประวัติตนเองเป็นคติเตือนใจ เนื่องจากระเรียนขาวเป็นสัตว์เทวดา มาจากการหมุนเวียน 6 ช่องทางซึ่งอยู่ในพวกสัตว์ ทำอย่างไรจึงสามารถมาอยู่แดนใต้อย่างเกษมสำราญ อยู่ใกล้กายท่านเทพอาวุโสด้วย?
กุมารเทพ :ต้องการสอบประวัติของข้าหรือ? ก็ให้พิจารณาขนของข้าก่อนเป็นไร กระเรียนขาวมีขนขาวบริสุทธิ์ ไม่มีสีอื่นเจือปนจิตใจของมนุษย์ ถ้าตลอดชีวิตสามารถรักษาความสะอาด ให้ขาวดุจกระดาษขาวได้ โดยไม่มีแต้มสกปรก ก็ดุจมีคุณค่าสูงดังกระเรียน กระเรียนมีขนสีขาวและขาก็ยาว ขาก็ยืนอยู่บนความสกปรกของโคลนเลน เนื่องจากมีลำขายาวธรรมชาติช่วยไม่ให้โคลนตมมาแปดเปื้อนกายได้ คนเราก็เช่นกันไม่ว่าจะอยู่ในสิงแวดล้อมใดๆ ก็ตาม แม้ขาจะเหยียบอยู่ในสังคมที่แสนสกปรก คาวโลกีย์ หรืออยู่ในหมู่คนชั่วมากมายก็ตาม แต่กายใจสามารถคงความสะอาดบริสุทธิ์ได้ มันก็เหมือนนกกระเรียนที่รักขน ยิ่งอยู่ในความมืดเท่าไรยิ่งเปล่งรัศมีความขาวสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้น ฉันเองเดิมอยู่บนเขาคุนหลุน(อยู่ในประเทศจีนตอนใต้)เป็นเณร ฝึกฝนธรรมะกับอาจารย์กว่าสิบปี เนื่องจากอยู่ในวัยเด็กชอบโลดโผน มีอยู่วันหนึ่งไม่ระมัดระวัง พลัดตกลงไปในเหวขณะที่ร่วงหล่นนั้นเทพแห่งแดนใต้ขี่เมฆผ่านมาพอดี ก็ใช้ไม้เท้ารับผมขึ้นมา นำมาที่แดนใต้นี้ ท่านรับไว้เป็นศิษย์ และฝึกฝนธรรมะตลอดวันตลอดคืน เพราะฉะนั้นเทพแห่งแดนใต์จึงเป็นทั้งอาจารย์และผู้ช่วยชีวิต อาจารย์เป็นเทพที่อาวุโสที่สุดดังนั้นเมื่อผู้คนจะทำวันเกิดก็มักจะอัญเชิญท่านมาอำนวยพรซึ่งได้อีกชื่อหนึ่งว่า “มหาจักรพรรดิ์แห่งอายุวัฒนะ” อาจารย์เป็นตัวแทนแสดงถึงธรรมะสูงส่ง แต่สติหาเลอะเลือนแก่ลงไม่มีผมยาวดังกระเรียนแต่หน้าตาเยาว์วัย แล้วก็แปลงร่างข้าให้เป็นกุมารกระเรียนขาว เนื่องจากข้าเป็นเด็ก จำเป็นต้องมีผมขาวดั่งกระเรียนมาประกอบจึงจะได้เป็นแบบเด็กสะอาดและมีใบหน้าที่ขาวดูให้แก่ขึ้นมา
หยางเซิง :ท่านเทพแดนใต้แปลงท่านให้เป็นกระเรียนขาวอย่างไรบ้าง?
กุมารเทพ :อาจารย์ท่านแปลงข้าให้เป็นกระเรียน ก็เนื่องมีสาเหตุอันหนึ่งคือ อาจารย์กล่าวว่า “เมื่อก่อนเจ้าตกลงเหวข้าได้ช่วยชีวิตไว้ แล้วยังฝึกฝนธรรมะให้ไว้ไม่ใช่น้อย ตอนนี้ข้าก็จะให้เจ้าตกเหวอีกครั้ง เจ้าต้องหาทางเอาตัวรอดเองถ้าหากไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ข้าก็จะให้เจ้าลงไปเกิดเป็นมนุษย์ วนเวียนอยู่ในทะเลทุกข์ไม่มีวันได้มาอีก” ข้าถูกอาจารย์พร่ำบ่นถึงชีวิตจะอาสัญจิตใจได้แต่กลัวผวา พลางคิดว่า ถ้าหากตัวเองไม่สามารถเอาชีวิตรอดก็ต้องกลับไปอย่างไม่มีวันกลับมา พอสามวันให้หลัง อาจารย์ก็ได้บอกว่าเวลาถึงแล้ว อาจารย์จะให้เครื่องแต่งกายสีขาวชุดหนึ่ง รีบๆ ใสเสีย ถ้าหากพลั้งเผลอเสื้อขาวก็จะแปดเปื้อนโคลน เสื้อผ้าจะขาดเป็นรูน่ากลัวจะไม่สามรถรักษาชีวิตให้รอดกลับมาได้ พอข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจิตใจว่างเปล่า จิตระลึกแต่อย่างเดียวถึงความเป็นความตาย พลางคิดว่าอาจารย์มีพระคุณช่วยชีวิต และพร่ำสอนมานานหลายปีทุกวันเฝ้าฝึกฝนหล่อหลอม บัดนี้ควรรับการเสียสละครั้งนี้ ไม่ว่าจะกลับมาได้หรือไม่ จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังเป็นอันขาด และแล้วอาจารย์ก็พาข้าเหาะไปยังเขาคุนหลุน แล้วก็เอาตัวข้าผลักลงข้างล่าง ขณะนั้นลำตัวข้าก็ตีลังกาเป็นรอบๆ จิตใจของข้าไม่สับสนแน่นิ่งเป็นจิตเดียวเนื่องจากจิตเป็นเอกัคตา (คือมีอารมณ์เดียว) ลิ่วลอยอยู่ในนภากาศกลับกลายร่างเป็นกระเรียนขาว จึงไม่ต้องตกสู่วัฎสงสาร เนื่องจากจิตคิดถึงแต่ทางรอด ฉับพลันนั้นร่างกายข้าเบาหวิวลอยขึ้นอยู่ท่ามกลางเมฆ เสื้อขาวก็กลายเป็นขนรูปร่างกลายเป็นนกกระเรียน บินร่อนอยู่ในนภากาศ ไม่ตกลงไปอีกในขณะข้าตกใจด้วยความประหลาดที่เกิดขึ้น หูก็ได้ยินอาจารย์ร้องเรียกว่า “กุมารเทพกระเรียนขาวกลับมาเถิด เจ้านับว่าเก่งพอที่จะอยู่ในสวรรค์ จิตยึดมั่นท่ามกลางเมฆหมอกดังนั้นจึงไม่ตกลงสู่โลกมนุษย์” จากนั้นมาข้าก็เลยกลายเป็น “กุมารเทพกระเรียนขาว”
เทพแดนใต้ : ข้าแม้จะเก่าโบราณ แต่เบื้องบาท(ข้างกาย) ยังมีกุมารเทพ แสดงถึงคนแก่ใจหนุ่มแน่น เปรียบประดุจสวรรค์ที่ไม่แก่ เทพชราอย่างข้าก็คือ “มหาจักรพรรดิ์แห่งอายุวัฒนะ” ผู้คนหากต้องการต่ออายุละก็ต้องเป็นดั่งเทพชราที่มีจิตเยาว์วัย
กุมารเทพ :ข้าถึงแม้นเป็นกระเรียนขาว เนื่องจากได้รับการฝึกฝนมานานปี จึสามารถแปลงร่างเป็นกุมารได้ฝึกฝนเต๋าสำเร็จแปลงร่างเป็นเรื่องง่ายๆ อันนี้คือเรื่องราวของข้าละ!
เทพแดนใต้ :กุมารเทพก็ได้กล่าวเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงมาในอดีต ซึ่งอยากจะบอกกล่าวชาวโลกไว้ว่าไม่ควรอนทรร้อนใจต่อความยากลำบากทั้งปวง ควรมีจิตเดียวที่ยึดมั่นตั้งมั่นบริสุทธิ์เที่ยงแท้ ไม่แปดเปื้อนปลอมแปลงในช่วงระยะเวลาที่จะละจากโลกนั้น ให้ตั้งจิดยึดมั่นและภาวนาว่า “ที่ที่จะไปนั้นคือไปสู่สวรรค์ไปที่สุคติ” หากใจยึดมั่นอยู่อย่างนี้แล้ว มันก็จะเกิดพลังธรรมอย่างหาที่สุดมิได้ มนุษย์ก็สามารถที่จะมีปีกบินแปลงร่างเป็นกระเรียนขาว บินสู่แดนสุขาวดีพุทธเกษตรได้ ที่พูดมานี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกระเรียนขาว ถ้ามันยังรักความขาวสะอาดของขน ไม่แปดเปื้อนโคลนตม ยึดถือความบริสุทธิ์ถึงแม้จะเป็นเสือ สิงห์ ก็สามารถเป็นเทพได้ ดังจะเห็นได้จากโลกนี้ว่า ตามที่ต่างๆ เช่นศาลเจ้าพ่อเสือ ซึ่งเสือนั้นใครๆ ก็กลัว ก็ยังได้ตั้งสถิตอยู่ในศาลเจ้าได้ ซึ่งเป็นสิงยืนยันยึดมั่นในความบริสุทธิ์แน่แท้ แก้ความโหดร้ายให้กลายเป็นความเมตตาปราณี ก็สามารถบรรลุเต๋าได้ชาวโลกทั้งหลาย! พวกท่านไม่ควรทำแต่ความชั่วร้ายการบรรลุเต๋านั้นก็ง่ายมากมิใช่หรือ? หรือต้องรอจนกว่าจะได้เป็นเจ้าพ่อเสือ นำไปตั้งโต๊ะบูชาก่อนหรือ? ข้าเห็นว่าควรจะเป็นคนเหนือคน เทวดาหนือเทวดา ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งเรียงไว้บนสวรรค์ ก็ยังได้ตั้งเรียงไว้บนโต๊ะบูชา ซึ่งค่อนข้างจะมีคุณค่าเป็นที่เชิดชูกว่ามิใช่หรือ?
หยางเซิง :ท่านเทพแดนใต้เป็น “จักรพรรดิ์แห่งอายุวัฒนะ”ชาวโลกก็วิงวอนอยากให้อายุยืน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้จักวิธีการบำรุงเลี้ยง เคยเห็นแต่ฆ่าสัตว์เอามาบำรุงร่างกาย ที่จริงแล้วเป็นการสูญเสีย “เมตตาธรรม” และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงจากการไปเกิดเป็นสัตว์ซึ่งเกิดจากกรรมของการฆ่าสัตว์ขอท่านเทพผู้อาวุโสโปรดแนะนำวิธีทำให้ชีวิตยืนยาวด้วยจะได้ไหม?
เทพอาวุโส :วิถีเทวดาเป็นวิถีที่ทำให้ชีวิตยืนยาว ปัจจุบันต้องการสุขสบายถึงแม้จะกินเนื้อกินปลาจนอิ่ม ร่างกายก็ยังอ่อนแอและมีหลายโรค ฆ่าสัตว์บำรุงกาย ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่เหมือนเรือนกายบริหารอย่างสัตว์ ตนเองฝึกฝนเองเป็นวิถีทางที่จะดำรงตนไว้ เนื่องจากจะทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ข้าจะแนะนำวิธีกายบริหารแบบสัตว์ห้าชนิดให้ผู้คนได้ฝึกฝน ตอนนี้จะให้กุมารกระเรียนขาวแสดงท่ากายบริหารให้ดู
กายกรรมสัตว์ห้าชนิดกายกรรมสัตว์ 5 ชนิด ท่านแพทย์ อั้วท้อ(เป็นแพทย์ผู้ปราชญ์เปรื่องในสมัยสามก๊ก) ได้คิดค้นขึ้นเป็นการรักษาสุขภาพรักษาโรค และทำให้อายุยืน หรือเรียกว่า “วิธีกายบริหารของเทวดา” การบริหารนี้มีหนังสือนำ การถ่ายออก รับเข้า เอนหมี นกยืด แต่ละท่าก็เหมาะสมกับอวัยวะภายในร่างกายต่างๆกัน ให้เลือดจมโคจรหมุนเวียนไป จึงได้ป้องกันโรคและเป็นการต่ออายุ สัตว์ทั้งห้า คือ เสือ กวาง หมี ชะนี และนก
แบบที่หนึ่ง เสือ (สูดลมเข้าปอดให้เต็มที่ เป็นการเพิ่มพลังกาย) (ดูรูป)
อธิบาย: นิสัยเสือดุร้ายร่างกายแข็งแรง ชำนาญในการใช้เขี้ยวเล็บกระโดดตะปบ ดังนั้นเวลาฝึกกายบริหาร ต้องเรียนลักษณะแข็งแรงเกรี้ยวกราดเหมือนเสือ สองตาต้องมีพลัง เพ่งมองลงล่างจึงเรียกว่า เสือเพ่งมองขมึงตรึง นิ้วมือต้องงอโค้งให้เหมือนเล็บเสือกายยืดออกหรือหดเข้าต้องมีกำลัง ร่างกายบิดไปบิดมาต้องแข็งแกร่งท่าทางทุกบทต้องออกจากตะโพก
วิธีทำ (1) ทำท่าคลานสี่เท้า แล้ววิ่งไปข้างหน้า 3 ครั้ง ถอยหลัง 2 ครั้ง
(2) หงายตัวขึ้นเดินสี่เท้า แล้ววิ่งขึ้นหน้าไป 3 ครั้ง ถอยหลัง 2 ครั้ง
(3) ทั้งสองแบบต้องทำสลับกันไปให้ได้ 3 ครั้ง
แบบที่สอง กวาง (สามารถเพิ่มกำลังกระเพาะ ตับ ไต ให้แข็งแรง)
อธิบาย: กวางมีร่างกายร้อนแรง ท่าทางคล่องแคล่วว่องไวและชำนาญต่อการใช้เขา วิ่งกระโจน ผู้ฝึกกายบริหารแบบกวางต้องทำให้ไขข้อคล่องแคล่วโดยเฉพาะข้อต่อจาก ต้นแขน ต้นขา มือทั้งสองใช้แทนขาได้ การเคลื่อนไหวของแขนขาต้องสัมพันธ์กัน
วิธีทำ (1)ทำท่าคลานสี่เท้า หมุนศรีษะไปทางซ้าย 3 ครั้ง หมุนไปทางขวา 2 ครั้ง
(2) ต่อมาขาซ้ายยืดไปข้างหลัง 3 ครั้ง ขาขวายืดไป 2 ครั้ง
แบบที่สาม หมี (สามารถลดความร้อนในตับลงได้ ทำให้ร่างกายแข็งแรง สามารถนอนหลับได้ดี)
อธิบาย: นิสัยหมีกล้าหาญ แข็งแรงมีกำลัง มีความชำนาญใช้เท้าหน้าดันของและป่ายปีน ดังนั้นผู้ฝึกกายบริหารแบบหมี ต้องเรียนแบบกล้าหาญ ท่าทางเดินเหินดูสงบเสงี่ยม วิธีทำ (1)สองมือนั่งกอดเข่า ศรีษะแหงนขึ้นแล้วหมุนซ้ายหมุนขวาให้สุดกำลัง
(2) ต่อมายืนขึ้นแล้วก้มตัวลงแล้วใช้มือซ้ายและขวายันพื้น พลัดกันรับน้ำหนักตัว
แบบที่สี่ ชะนี (กระตุ้นพลังสมอง จิตใจร่าเริง ทำให้โลหิตหมุนเวียน)
อธิบาย: ชะนีมีลักษณะว่องไว คล่องแคล่ว เพราะฉะนั้นเวลาฝึกกายบริหาร ต้องเรียนแบบชะนีแผ่วเบาและคล่องแคล่วนิ้วมือให้งองุ้ม มีจุดสำคัญอยู่กับการหายใจและวิธีการนวด
วิธีทำ (1) แสดงท่าไต่ราว (บาร์เดี่ยว)
(2) มือจับบาร์เดี่ยวให้แน่น แล้วยกตัวขึ้นลง 3 ครั้ง
(3)จากนั้นขาซ้ายหรือขาขวา ใช้ข้อพับเข่าเหนี่ยวตัวไว้ ห้อยหัวลงมาสลับกัน 7 ครั้ง
(4) เอาสองมือแทนขายืน เอาหัวทิ่มลง 7 ครั้ง
แบบที่ห้า นก (เส้นเอ็นคลายยึด ระบาดเลือดลม ข้อต่อคล่องแคล่ว)
อธิบาย: ในบรรดานกทั้งหลาย นกกระเรียนมีอายุยืนยาวกว่าเพื่อน จึงเอาอย่างนกกระเรียน นกกระเรียนมีตัวเบา ชำนาญการโบยบิน และมีระดับกำลังสูง เพราะฉะนั้นเวลาฝึกฝนต้องหัดท่าบินของกระเรียน ต้องมีท่ายืดออกของร่างกายให้มีระดับกำลังเสมอกัน ซึ่งเสริมสร้างกำลังหายใจ ขณะเดียวกัน ศรีษะ ลำตัวแขนและขาเวลาเดินเหินต้องพร้อมเพรียงกัน และเวลานกยืน ขาต้องมั่นคงเอวต้องยืดไปข้างหลังเต็มที่ เวลายกเท้า ส้นเท้าและส่วนหลังของศรีษะต้องตรงกัน เวลานกบินแขนต้องเหนียวแน่นและแข็งแรง จะช้าหรือไวต้องสัมพันธ์กัน
วิธีทำ (1) สองมือยืดตรงออกไปก ยกขาข้างหนึ่งยืดตรงไปข้างหลัง
(2)ต่อมา 2 มือยืดไปข้างหน้า ตาจ้องเขม็งไปข้างหน้าเหมือนตาเหยี่ยวมองดูอยู่นิ่งๆ
(3)สำรวมจิตยืนขาเดียวสลับกัน 7 ครั้ง
(4)ต่อมานั่งลง 2 เท้าายืดไปข้างหน้า ใช้มือจับส้นเท้าข้าหลัง 7 ครั้ง ต่อจากนั้น 2 มือยก หักศอกเข้ามาและยืดออก 7 ครั้ง
กายกรรมทั้ง 5 แบบข้างบนนี้ ระหว่างเวลาฝึกฝนจะมีการปวดเมื่อย เหน็บชา เหงื่อออก หรือมีอาการคันขึ้นมา ไม่ต้องตกใจกลัว ไม่จำเป็นต้องฝึกตามลำดับ ฝึกฝนแต่เพียงอย่างเดียวก็พอ ข้อสำคัญต้องฝึกฝนไปตลอดทุกวันจนถึงแก่ หูก็ไวตาก็สว่างฟันฟางก็แข็งแรงร่างกายก็แข็งแรงยังมิทันที่จะเป็นเทวดาบนฟ้า ก็เป็นเทวดาบนดินเสียก่อน ยิ่งประกอบกับสร้างบุญบารมีด้วยแล้วเพียงแต่ร่างกายจะแข็งแรง ยังสามารถอบรมบ่มจนสามารถบรรลุสัจธรรมได้
หยางเซิง :ได้ยินท่านเทพผู้อาวุโสแนะแนวฝึกฝนกายกรรมสัตว์ห้าชนิด และเห็นการแสดงขอกุมารกระเรียนขาวได้ความรู้มหาศาล ซึ่งสิ่งมีค่าเหล่านี้ ช่วยเพิ่มคุณค่าของหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” เป็นอย่างมาก
อรหันต์จี้กง :สัตว์แต่ละชนิดย่อมมีการฝึกฝนไปแต่ละอย่าง ผู้คนถ้าหากสามารถฝึกฝนกิริยาเช่นนั้น ย่อมได้รับผลที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน ทำให้เส้นเอ็นกระดูกเมื่อยล้า เนื้อหนังถูกทรมานสูดอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไปถ่ายเทอากาศที่สกปรกออกมา เป็นสิ่งที่นักฝึกฝนธรรมะควรจะได้ฝึกหัดทำ วันนี้เสร็จการสัมภาษณ์เพียงเท่านี้ หยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก
หยางเซิง :ขอขอบพระคุณท่านเทพแดนใต้ ท่านกุมารเทพกระเรียนขาวที่แสดงให้ชมและต้อนรับ เนื่องจากถึงเวลาที่จะต้องกลับขอกราบลาไปก่อน
อรหันต์จี้กง :สำนักเซินเต๋อถัง ถึงแล้ว คุณหยางเซิงลงจากปทุมทิพย์ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม
ที่ตำบลจีหลง นายหงกตัญญูต่อพ่อแม่ยิ่ง เขาเป็นคนขยันขันแข็ง จึงสามารถสร้างฐานะได้จากไม่มีอะ...