มั่วกามเคล้าโลกีย์เกิดเป็นกวาง อยู่ในป่าดงพวพลีห่างผู้คน
อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 11 เม.ย. 2524 กลอนว่า:
ป่าลึกไม้ใหญ่นับพันปี
คนร้อยปีมีเท่าไรอย่าโง่งม
ไผ่เขียวไร้ราคีน่าภิรมย์
โพธิสัตว์พรหมจิตจรัสเชิดธรรมไว้
กวางป่าไวว่องวิ่งไปเป็นหมู่
เขาเขียวอยู่คู่เคียงเพื่อนชาวไร่
ยาบำรุงกายเขาใช้เขากวางไป
เพราะหลงไหลในโลกีย์เร่งพลัง
อรหันต์จี้กง :วิทยาการก้าวหน้า เภสัชวิทยารุ่งเรือง บรรดานักวิชาการต่างมุ่งหน้าที่จะผลิตยาวิเศษ เพื่อชลอความแก่ หรือกลับเป็นหนุ่งสาว หรือมีอายุวัฒนะ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเกิดขึ้น อาทิเช่น มีการฉีดดึงหน้าให้เต่งตึงเพื่อให้ร่างกายดูอ่อนวัยสดสวยอยู่เสมอ แต่ว่าจะมีวิธีต่ออายุแต่งโฉมใหมี ก็เพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น จะมีใครมีชีวิตยืนยาวถึงร้อยปี นับคนใด้เลย
ในป่าดงดิบ ต้นไม้สูงเสียดฟ้า พวกมันไม่เห็นมีใครคอยรดน้ำใส่ปุ๋ย คอยตกคอยแต่ง ทั้งยังโดนฝนพายุพัดกระแทกก็ยังอยู่ได้ไม่ล้ม มีชีวิตถึงพันปี อันนี้เพราะมันยืนอยู่บนพื้นฐานของมันเอง ยึดมั่นอยู่กับที่ไม่เคยขยับแม้แต่ก้าวเดียว เกิดที่นี่ก็ตายที่นี่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นทำให้อยู่อย่างมั่นคง ไม่เหมือนคนที่มีการชิงดีชิงเด่น ไม่มีความใคร่มัวเมากามารมณ์ ดังนั้นจึงมีอายุนานถึงพันปีซึ่งอาจเรียกว่าไม้เทพ ชาวโลกลืมกันหมดมัวพูดถึงแต่ความสวยงามเสื้อผ้าก็ต้องใหม่สด หน้าตาก็ต้องรักษาบำรุง ยาอายุวัฒนะมีขนานใหม่ๆ อยู่เสมอ แล้วทำไมไม่มีปัญญารักษาให้อยู่ถึง 200 ปีสักคน ฉันว่ามนุษย์นั้นตรากตรำเกินไป ไม่เหลียวแลสุขภาพ วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงไปพบกับปัญหาอันนี้
หยางเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ออกเดินทางเถิด
อรหันต์จี้กง :ที่นี่ก็คือป่าอารีซานละ วันนี้เราจะมาหากวาง
หยางเซิง :ในป่าลึกไม่พบแม้แต่กลิ่นไอมนุษย์ แต่ข้างหน้ามีกวางนอนอยู่ 4 ตัว เราไปถามมันดู
อรหันต์จี้กง :ข้าจะเสกสักหน่อย มันจะได้ระลึกชาติได้ โอมเพี้ยง!เจ้ากวางน้อย พวกเธอนอนอยู่ทำไม? นายพรานมาแล้วยังไม่รีบหนีไป ฮาฮ้า! เธอดูซิพอฉันพูดเท่านั้น พวกมันก็ตื่นเตรียมตัววิ่งหนี แต่ว่าฟ้ามืดสลัวๆ อย่างนี้ จะหนีไปไหน? ฉันจะแผ่รัศมีพุทธมันเห็นแสงสว่าง ก็จะรีบมาหา
หยางเซิง :กวางป่าได้ยินอาจารย์พูด รู้สึกเข้าใจ
อรหันต์จี้กง :อิทธิฤทธิ์พุทธที่ข้าพูดไม่ต่างไปกับคน แต่ธรรมจิตย่อมเข้าสู่จิต พวกมันฟังแล้วย่อมเข้าใจ พุทธพจน์ล้วนเป็นจริงทุกอย่างเทวดาก็ใช้จิตพุทธนี้ พูดจากับสัตว์ พวกมันฟังแล้วเข้าใจ
หยางเซิง :อัศจรรย์จนพูดไม่ถูก สรรพสัตว์กายต่างกัน แต่พุทธจิตเสมอภาคกัน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็สามารถรู้ถึงใจคนยอมฟังคนสอน ในทางกลับกัน คนไม่น้อยทีเดียวกลับฟังไม่รู้เรื่องว่าพระท่านพูดว่าอะไร เอาแต่อันธพาล ณ ที่นี่โลกวิญญาณจะมีความรู้สึกเหมือนกันหมดดุจเดียวกับจิตพุทธ
อรหันต์จี้กง :เธอพูดถูก เธอไปถามพวกมันได้แล้ว
หยางเซิง :เชิญครับ อาจารย์เสกเป่าแล้ว พูดจากันรู้เรื่อง
อรหันต์จี้กง : เมื่อกี้เสกนิดหน่อย ตอนนี้จะเสกให้มากขึ้นเพื่อวิญญาณจะได้เข้าใจ กวางป่าเห็นมือข้าพุทธกรเบิกพุทธจิตพุทธกรเบิกประตูพุทธ พุทธกรโปรดสรรพสัตว์ พุทธจิตปัดเป่ามารมายา พุทธกรสัมผัสพุทธกรเธอฉัน กับกลายเป็นพุทธ
กวางป่ามีค่าควรแก่ป่าเขา นิสัยบริสุทธิ์แจ้ง เกิดในเขาเขียว ฟ้าดินประดุจบ้าน รักนวลสงวนตัว ร่างกายดุจทองคำวิ่งเร็วเหมือนบิน พริ้วๆ ดังเทวดา สัตว์เทวดาๆ จงเข้าใจจิตเดิม
หยางเซิง :อาจารย์เอาพัดปัดที่หัวกวางตัวหนึ่ง ทันทีทันใดก็มีแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากหัวไม่ทราบว่าเป็นอะไรหรือ?
อรหันต์จี้กง :กวางป่าเกิดมา อยู่กับเขาเขียวน้ำใส ต้นหญ้าเป็นพลังงานของดิน น้ำเป็นพลังงานของฟ้า วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ได้รับแสงเงินแสงทองของตะวันจันทรา เลี้ยงให้โตขึ้นอย่างบริสุทธิ์ ตอนนี้ถูกฉันปัดเป่า วิญญาณตื่นขึ้นก็เลยมีรัศมีพุ่งสู่ท้องฟ้า
หยางเซิง :มิน่าเล่า กวางป่ามีธรรมะลึกล้ำเหมือนกัน
อรหันต์จี้กง:หยางเซิง เธอพูดกับกวางป่าได้แล้ว
หยางเซิง :ครับผม ขอถามพี่กวางหน่อย เธออาศัยอยู่ในป่าลึก รู้สึกอย่างไรบ้าง
กวางป่า:พวกท่านเป็นใคร ทำไมมาตีที่หัวฉันเล่า? ฉันยืนอยู่นิ่งๆ แทบไม่ไหว มีความรู้สึกจะบินลอยไปในอากาศปานนั้น
หยางเซิง :ผมเป็นคนี่มาจากสำนักเซินเต๋อถัง ในเมืองไถจงท่านนี้เป็นอาจารย์ อรหันต์จี้กง เราอาจารย์ศิษย์ ได้รับคำบัญชาให้มาทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” วันนี้มาเยี่ยมเยือนพวกท่านขออย่าได้กลัวเกรง
กวางป่า:ที่แท้ก็เป็นท่านอรหันต์จี้กง ท่านได้เสกเป่าเบิกวิญญาณ พวกเราขอถวายคารวะด้วยความขอบคุณยิ่ง
อรหันต์จี้กง :ไม่ต้องมีมารยาทหรอก ช่วยตอบคำถามหยางเซิงเถอะ
กวางป่า :ครับผม ท่านหยางเซิงถามว่า อยู่ที่นี่รสชาดเป็นอย่างไรผมจะพูดให้ฟัง ตั้งแต่เกิดจากท้องแม่ก็มีตะวันจันทรา ขุนเขาเป็นเพื่อน กินหญ้าสด ดื่มน้ำลำธาร ตากลมเย็น บ้านเราก็คือต้นไม้ขายเขา ผ่านชีวิตกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เนื่องจากมีนักล่าสัตว์ ทำแร้วดักสัตว์และมีปืนผาหน้าไม้ พวกเราต้องอพยพหลายครั้ง ถอยลึกเข้าไปในป่าเขาในใจก็ยังหวาดผวาไม่หาย อิจฉาความอิสระเสรีของคน อยู่ด้วยความสงบสุข แต่สิ่งที่น่ากลัวของมนุษย์ก็คือ ชอบรังแกสัตว์ที่อ่อนแอเช่นเราคุณหยาง ท่านช่วยบอกพวกท่านอย่าได้มาตามล้างตามล่าพวกเราเลย พวกท่านดีใจที่ได้สัตว์ไป แต่พวกเราก็สูญเสียเพื่อนไปเช่นกัน อย่างนี้ไม่น่าสงสารหรอกหรือ?
หยางเซิง :ฉันรู้สึกสงสารพวกเธอ จะใช้ความพยายาม แต่ก็โปรดระมัดระวังตนเองเป็นสำคัญไม่ทราบว่าชาติก่อน พวกท่านทำอะไรมา ชาตินี้จึงเกิดมาเป็นกวาง
กวางป่า :พวกเราไม่มีมือ มีเพียงเขาคู่เดียวที่จะปกป้องตนเองรู้สึกไม่ค่อยมีความสะดวกเพราะว่าชาติก่อนประพฤติผิดศีลมักมากในกามารมณ์ หาเงินมาโดยมิชอบ รีดไถชาวบ้าน ชาตินี้เลยมาเกิดเป็นกวาง
หยางเซิง : จะพูดให้ละเอียดกว่านี้สักหน่อย เพื่อเตือนสติชาวบ้าน เป็นการสร้างกุศลไปด้วย
กวางป่า : พูดแล้วขายหน้ายิ่งนัก
อรหันต์จี้กง :อย่ามัวรีรอ ตอนนี้เธอก็มีเขา หน้ามีขน จะเอาหน้าอะไรไปขาย พูดให้ชาวบ้านฟังเป็นการสร้างกุศล เพื่อชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคน
กวางป่า :ครับผม ผมชาติที่แล้วเกิดเป็นชาย ชอบเซ็กส์มั่วกาม ตลอดชีวิต หลอกลวงหญิงชาวบ้านไม่รู้กี่คนแล้ว เท่าที่จำได้ก็ข่มขืนชาวบ้าน 3 ราย แม่หม้าย 2 ราย และภรรยาชาวบ้าน 3 ราย แล้วผู้หญิงไม่ดีอีกไม่รู้เท่าไร ทั้งล่อลวงตัวทั้งไถเงิน ทั้งวันเอาแต่กินเหล้าเมายา เงินที่ละเลงไปล้วนเป็นเงินของผู้หญิงทั้งนั้น ทำแบบนี้ตลอดชีวิต พอแก่ลงก็เป็นโรคไตอักเสบ ในทีสุดก็ตายลง พอตายยมบาลก็ลงโทษ 20 ปีและให้เกิดมาเป็นกวาง เพื่อชดใช้หนี้กรรม ผมหวังว่าชาวบ้านจะไม่เลียนแบบผม มักมากในเซ็กส์ หลอกลวงเงินทองไร้ศีลธรรม ชาตินี้เลยต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่ได้กินอาหารสดๆ กินแต่หญ้าเขียวเป็นอาหารเจไปเลย แม้จะมีอารมณ์เซ็กส์อยู่บ้างแต่ก็เมื่อไม่ถึงหน้าก็สมสู่ไม่ได้ ดังนั้นพลังงานก็ขึ้นข้างบนไปสะสมอยู่ที่เขาทั้งสองข้าง นานเข้าก็แข็งตัว กลายเป็นเขาแหลมคม ในใจพูดไม่ออกว่าทุกข์แค่ไหน
อรหันต์จี้กง :ชาติก่อนเธอมักมาในเซ็กส์ ชาตินี้ไม่สามารถจะกระทำได้ พลังงานจึงสะสมอยู่ที่เขาทั้งสองข้าง ขาวบ้านก็ตัดเขามาเป็นยาบำรุง แล้วก็เอ็นกวาง (ตัวเดียวอันเดียว)ชาวบ้านก็ตัดมาเป็นยาบำรุงเช่นกัน ชาติก่อน รากเง้า(อวัยวะ)เซ็กส์เขาเวร เขากรรม ถูกเชือดเฉือน ก็นับว่าเป็นการชดใช้หนี้กรรมยังโชคดีที่อยู่ในป่าลึก ไม่ได้อยู่ในย่านจอแจ (ย่านกามารมณ์)ทำตัวเป็นหนุ่งเจ้าสำราญ (เซ็กส์จัด) เป็นกวางป่าอาศัยอยู่ในป่าเขา ได้แต่กินหญ้าและน้ำ ถูกห้ามจากอาหารสดๆ ใหม่ๆพยายามบำเพ็ญเพียรไปเถิด อย่าได้ย่างเข้าสู่ถนนกามารมณ์อีกเลย
หยางเซิง :บาปกรรมของกวางตัวนี้หนักมาก ชาตินี้เลยเกิดอยู่ในป่าลึก(บำเพ็ญเพียร) ก็ยังนับว่าโชคดี กวางเอ๋ย! เธอไม่ต้องโทษใคร เพราะตนเองก่อกรรมทำเข็ญ เธอได้เล่าเรื่องทำบาปชาติก่อน สามารถเตือนสติชาวโลก วันหลังสิ้นอายุขัยก็จะได้เกิดเป็นคนใหม่
กวางป่า :ขอบคุณ คุณหยางเซิงผู้ทรงศีล ชี้แนะ ถ้าผมเกิดเป็นคนได้อีก ต้องประพฤติตนให้ดีแน่นอน มิกล้าที่จะเดินทางเก่าอีก
อรหันต์จี้กง :รู้สำนึกกลับใจ เมื่อได้เกิดใหม่เป็นคน ก็จะได้รับการโปรด หยางเซิง เธอถามกวางตัวอื่นดูซิ
หยางเซิง :ครับผม นี่เจ้ากวาง เมื่อกี้เจ้าก็ได้ยินข้ากับเขาสนทนากัน ในใจรู้สึกเป็นอย่างไร?
กวางป่า:ก่อนอื่น ต้องขอขอบใจท่านอรหันต์ที่เสกเป่าพวกเรา เมื่อได้ฟังการสนทนาก็รู้สึกละอายใจมากแล้ว
หยางเซิง :เป็นคนไม่กลัวกระทำ แต่กลัวไม่สำนึกผิด เมื่อรู้สำนึกผิดแล้ว ก็จงเล่าอดีตชาติที่แล้วให้ฟังหน่อย
กวางป่า:ได้ครับ ฉันจะเล่าเรื่ออดีตให้ฟัง จะได้ไม่เอาเยี่ยงอย่างผม จะได้ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์ ชาติก่อนผมเกิดมามีรูปร่างสง่างามมาก ข้างบ้านภรรยาเขาหน้าตาเซ็กซี่ ทำให้เกิดใจชั่วค่อยๆ ตีสนิท ในที่สุดก็สนิทสนมรักใคร่กัน ไฟราคะร้อนแรงพิศวาสคุกรุ่นเลยอยากให้มีความสัมพันธ์ตลอดไปเลยวางแผนวางสามีนาง ทำให้สามีนางไร้สมรรถภาพ ภรรยาเลยยกเรื่องนี้ร้องเรียนต่อศาลขอหย่าขาด ภายหลังแต่งงานกับผมทำให้เรามีสุขตลอดนาน
ภายหลังสามีรู้ต้นสายปลายเหตุ โกรธแค้นเหลือหลายกลับกลายเป็นคนละคน แต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้ ทุกวันเอาแต่ดื่มเหล้าเมายา สติฟั่นเฟือน วันหนึ่งเมามากถูกรถชนตายวิญญาณพยาบาทก็ไปฟ้องยมบาล กล่าวหาว่าถูกผมล่อลวงภรรยาและใส่ยาพิษให้กิน ต้องการล้างแค้น ยมทูตเลยอนุญาตให้มาแก้แค้น ดังนั้น วันหนึ่งผมกับภรรยาขับรถมาถึงสถานที่ๆสามีคนก่อนถูกรถชนตาย ฉับพลันสติเลื่อนลอย ถูกรถชนล้มลงรถข้างหลังเบรคไม่ทันก็เลยทับผมตาย วิญญาณยมทูตขาวดำจับตัวไป ถูกยมบาลลงโทษอย่างหนัก พอพ้นโทษมาก็มาเกิดเป็นกวางป่านี้แหละ ภรรยาเกิดเป็นแม่ไก่ แยกไปคนละทาง วันนี้โชคดีที่อรหันต์จี้กงมาโปรด ทำให้มีโอกาสพ้นกรรมประวัติที่ผ่านมาขอท่านทั้งหลายอย่าหัวเราะเยาะ ขอท่านทั้งหลายอย่าแสดงบทเจ้าสำราญเลย จะได้ไม่ต้องเกิดมาเป็นสัตว์เหมือนผม
หยางเซิง :กฎแห่งกรรมนั้น น่ากลัวมาก อาจารย์ครับ กวางอีกตัวทำไมมีลำแสงที่หัวสว่างมาก
อรหันต์จี้กง :เธอถามเขาก็จะรู้เรื่องเอง
หยางเซิง :ขอถามพี่กวาง ทำไมจึงมีรัศมีพวยพุ่งสว่างมาก?
กวางป่า :ฉันเป็นกวางตัวเมีย ไม่ใช่กวางตัวผู้ เธอเรียกฉันแบบนี้ฉันอายแย่ซิ
หยางเซิง :พี่สาว ฉันรู้สึกเธอจะเกรงใจมากไปหน่อย บำเพ็ญเพียรเคร่งครัด รู้สึกไม่เหมือนคนอื่น ช่วยบอกหน่อยว่ารัศมีบนหัวนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร?
กวางป่า : ได้ซิ ชาติก่อนฉันเป็นศิษย์พุทธเจ้า บวชเป็นชีต่อมาภายหลังเกิดใจรวนเร หนีไปหาคาวโลกีย์ พอตายลงเลยเกิดเป็นกวางอยู่ในป่าลึก บำเพ็ญเพียรเพื่อลดกรรมเวร ชาติก่อนฉันหลงผิดชั่ววูบ แต่จิตพุทธยังอยู่ และคิดจะชดใช้กรรมเวรเลยตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียร พอเกิดเป็นกวางก็ตั้งอยู่ในความบิรสุทธิ์เพื่อรักษาจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ พอรุ่งอรุณก็ขึ้นไปบนยอดเขาอารีซานรับแสงตะวัน ตกกลางคือก็เช่นกันรับแสงจันทรา หวังพึ่งพลังงานตะวันจันทรา เพิ่มพูนสมาธิ เสริมสร้างส่วนที่ขาดตกบกพร่องไปกินแต่หญ้าสด น้ำลำธารเป็นอาหารเจ ทำสมาธิ บำเพ็ญเพียรเพื่อลดบาปกรรม เพราะการสะสมความเพียร ทำให้มีพลัง พอท่านอรหันต์เสกเป่าเท่านั้นประตูสวรรค์เปิดกว้าง สมาธิที่แก่กล้า สะสมมานานก็เลยเปล่งรัศมีพวยพุ่งดุจแสงตะวันจันทรา ขอให้ชาวโลกหมั่นต้องแสงตะวันจันทราก หล่อเลี้ยงพลังบริสุทธิ์ สะสมพลังฟ้าดิน ทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี การบำเพ็ญเพียรก็ดีด้วย
หยางเซิง :กวางป่าก็บำเพ็ญเพียรได้ เป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงจริงๆ
อรหันต์จี้กง :กลอนว่า :
กลางขุนเขา กวางป่า ฝึกธรรมะ
หมั่นมานะ สมสะพลัง อิทธิฤทธิ์
สุริยัน จันทรา พลังฤทธิ์
ผลสุทธิ เปลี่ยนเพศเมีย เป็นเพศผู้
สัตว์เดรัจฉานสามารถบำเพ็ญธรรม ไม่ช้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสุทธิผล เห็นกวางแล้วย้อนคิดถึงคน บำเพ็ญเพียรง่ายยิ่งขอประชาจงสำนึกบาป กลับใจเลิกบาปยังเห็นฝั่ง อย่าหลงอยู่ในทะเลทุกข์ไม่สะดุ้งตื่น ทางวงเวียนนั้นไม่มีที่สุด เมื่อไรโลกจะพบสัจธรรม จะไม่พ้นกรรมเวร วันนี้พอแล้ว กลับสำนักกันเถอะ
หยางเซิง :ครับผม
อรหันต์จี้กง :ถึงแล้ว วิญญาณจงกลับเข้าร่าง