โดย เซียนฮั่งเจ็งหลี
ประทับทรงวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2533
สังคมทุกวันนี้ วัฒนธรรมตะวันตกได้แพร่เข้ามา จิตใจคนก็เปลี่ยนแปลง กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ลืมวัฒนธรรมอันดีงามของตัวเอง สิ่งยั่วยวนและแสงสีเสียงได้เพิ่มความมีสีสันมากขึ้น หนังสือพิมพ์บางฉบับก็ตีพิมพ์ภาพวาบ ๆ แวม ๆ เป็นเหตุให้หนุ่มสาวที่มีจิตฟุ้งซ่านและลุ่มหลงมากขึ้น และตกต่ำลงจนไม่สามารถกลับตัวได้ จนลงเอยด้วยการฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็ฆ่าคู่แข่งหรือชู้ตาย ทั้งนี้ทั้งนั้นล้วนมาจากสิ่งยั่วยวนทางกามารมณ์ มีหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยถือการร่วมเพศเป็นของธรรมดา หารู้ไม่ว่า การร่วมเพศเป็นการสืบพันธุ์และเป็นเรื่องศีลธรรมและเป็นการคลองธรรมของสามีภรรยา แต่ก็ไม่ใช่ว่าให้ร่าเริงจนเกินขอบเขตจนสุขภาพทรุดโทรม ยิ่งกว่านั้นจะทำลายศีลธรรมอันดีงามของมนุษยชาติ คนเราควรพิเคราะห์พิจารณาให้ดี
ข้าจะยกตัวอย่าง 2 เรื่อง เพื่อเป็นอุทาหรณ์
ตัวอย่างที่ 1
บนถนนสงเจียงในเมืองไถจงเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านมาได้ 50 กว่าปีแล้ว มีหนุ่มแซ่หงคนหนึ่ง อายุ 28 ปียังโสด ฐานะการเงินทางครอบครัวนับว่าร่ำรวย บุคลิกก็ดูสง่า เป็นคนค่อนข้างฉลาด เพียงแต่นิสัยไม่ชอบอยู่กับบ้าน ตอนเรียนอยู่มัธยมปลายก็ริอ่านหนังสือลามก จนเพาะเป็นนิสัยเจ้าชู้และไปหาความสุขตามซ่องนางโลมบ่อย ๆ จนถึงอายุ 29 ปี และติดเชื้อกามโรค หาแพทย์ก็แล้ว ฉีดยาก็แล้ว โรคกามนี้ไม่หายขาดซักที ช่วงนั้นพ่อแม่เขาก็เร่งเขาแต่งงาน แต่ไม่รู้ว่า เขากำลังทุกข์หนักเพราะกามโรคนี้
คืนหนึ่ง เขาฝันว่าเขาไปที่ศาลเจ้าประจำเมือง กราบขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยรักษาให้ ขณะนั้นท่านเทพประจำเมืองได้เปิดเผยว่า บาปกรรมเรื่องกรมของเจ้าหนักมาก ได้ล่วงเกินสตรีเพศ 100 กว่าคน จะให้โรคหายขาด มีวิธีเดียว คือให้สร้างบุญกุศลอยู่เรื่อย ๆ จึงจะมีทางหายขาดได้ มิฉะนั้น ขืนปล่อยให้เวลายืดเยื้อต่อไป ชีวิตเจ้าก็คงไปไม่รอด คนแซ่หงตื่นจากความฝัน วิตกกังวลมาก วันรุ่งขึ้นเขาอาบน้ำแต่งตัวให้สะอาด กินเจ และไปกราบที่ศาลเจ้าประจำเมืองสารภาพความผิดในอดีต และสาบานว่า นับจากบัดนี้เป็นต้นไปเขาจะร่วมทุนพิมพ์หนังสือประเภทคัมภีร์ละกามทุกปี เพื่อตักเตือนชาวโลก
จากนั้นมา ก็ไปหาหมอกินยา รักษาเกือบปีจึงหายขาด ต่อมาจึงแต่งงานมีลูกจนกระทั่งบัดนี้ นี่ละ ถ้าคนเราสำนึกผิดและรีบแก้ไข จึงจะได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ ขอให้จำไว้ให้ดีนะ
ตัวอย่างที่ 2
ชายคนหนึ่งแซ่เจียง ปีนี้ 48 ปี พักอยู่ที่เมืองเกาสง ตอนเขาอายุ 24 ปี หน้าที่ของเขาต้องเดินทางติดต่อการค้า การเลี้ยงดูปูเสื่อกับพ่อค้าซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จนเขาลุ่มหลงในกามารมณ์เป็นอย่างมากจนร่างกายอ่อนแอ ไตมีปัญหา เริ่มหาแพทย์รักษาก็ไร้ผล รู้สึกเสียใจมาก ที่ตนเองไม่ควรรื่นเริงในกามมากจนเกินไปแต่ก็สายเสียแล้ว วันหนึ่ง เขาไปกราบพระที่วัดฟุกซัน ได้รับการชี้แนะจากแม่ชีท่านหนึ่งว่า เขาลุ่มหลงทางกามมากเกินไป หากยังไม่รีบสำนึกอีก โรคไตจะรักษาให้หายขาดคงยากและแนะให้เขาขอพรต่อพระพุทธเจ้า ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องรักษาให้
ขณะนั้นคนแซ่เจียงรู้สึกถึงขั้นหมดหวังแล้ว จึงรีบไปที่ศาลเจ้าพระโพธิสัตว์กวนอิม สาบานต่อพระโพธิสัตว์ว่า ถ้าหากโรคไตของเขาหายขาดเขาจะร่วมทุนพิมพ์หนังสือคัมภีร์ละกามทุกปีตามกำลังทรัพย์ ครึ่งปีให้หลัง โรคไตก็หายขาด ส่วนคนแซ่เจียงทำตามที่สาบานจะร่วมทุนพิมพ์หนังสือคัมภีร์ละกามทุกปี 300 เล่มบ้าง 500 เล่มบ้าง พิมพ์มา 10 กว่าปี ทุกวันนี้เขาก็ยังร่วมพิมพ์อยู่ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าถ้าคนเราสำนึกผิดและรีบแก้ไข ทุกสิ่งที่เลวร้ายก็สามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ ขอให้ชาวโลกควรจดจำไว้
หมายเหตุ (แม่ชีที่วัดฟุกซันก็คือพระโพธิสัตว์แปลงร่างมาชี้แนะ) ตัวอย่าง 2 เรื่องนี้ คนเรายังเป็นปุถุชนอยู่ การทำผิดย่อมมีขอเพียงผิดแล้วสำนึกผิด และรีบแก้ไข จึงเป็นสิ่งถูกต้อง