โดย เซียนฮั่งเจ็งหลี
ประทับทรงวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2533
ศีลธรรมเสื่อมทราม จิตใจคนตกต่ำ ชายหญิงหันมาหาความสำราญในกามารมณ์ ถือว่าเป็นไปตามสมัยนิยม หากใครมีความคิดผิด ๆ เช่นนี้ย่อมไม่ถูกต้อง ผู้ชายบางคนการเงินพอคล่องตัวขึ้น ไม่คิดสะสมไว้ทำบุญและไว้ใช้ตอนชีวิตบั้นปลายกลับริไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย หรือไม่ก็ดื่มเหล้าเคล้านารี หารู้ไม่ว่าสาวงามเหล่านั้นคือโครงกระดูกที่เดินได้เท่านั้น ตราบใดเนื้อหนังที่หุ้มห่อโครงกระดูกนั้นหมดไป แล้วจะไปหาความงามที่ไหน อีกอย่างถ้าวันใดเงินทองผลาญหมด สาว ๆ เหล่านั้นก็จะตีจากไปและไปสู่อ้อมอกของชายอื่นต่อไป จะมานึกเสียดายก็สายเสียแล้ว ที่แย่ยิ่งกว่านั้น บางคนไม่เพียงไม่ขยัน ไม่คิดสร้างอนาคตให้กับตนเอง กลับอาศัยบุคลิกของตนที่ดูดี ใช้วาจาหว่านล้อมเพื่อหลอกลวงซึ่งได้เงินมาหรือร่างกายของหญิงสาวมาเชยชม กลวิธีต่าง ๆ แห่งความชั่วที่ได้เอามาใช้หมดโดยไม่เกรงกลัวบาปกรรมใด ๆ แต่สวรรค์มีตา คงไม่ยอมปล่อยให้มารสังคมเหล่านั้นลอยนวลเป็นภัยต่อสังคมต่อไป จะสั่งลงโทษอย่างหนักแก่มารสังคมเหล่านั้นให้ตกนรกอเวจี หญิงสาวบางคนก็ขาดยางอาย ไม่ประพฤติตนในศีลในธรรมอันดีงาม กลับรื่นเริงกับชายชู้ หรือมั่วสุมกับกามารมณ์ต้องรู้ว่า ค่าของผู้หญิงคือพรหมจรรย์ ขอให้สตรีทั้งหลายจงระมัดระวัง
วันนี้ข้ายกตัวอย่าง 2 เรื่อง เพื่อเป็นคำเตือนให้ชาวโลก
เรื่องที่ 1
ในเมืองไถจง มีชายหนุ่มแซ่จางคนหนึ่ง อายุอานามก็ 26 ปีแล้ว นับจากพ่อตายไป ก็ไม่ทำมาหากิน อาศัยเงินมรดกที่พ่อตกทอดลงมา วัน ๆ หาความสำราญโดยการเที่ยวล่อลวงหญิงสาว ข้างบ้านของเขามีหญิงหม้ายคนหนึ่ง แซ่เจียง อายุเพิ่ง 25 ปี หนุ่มแซ่จางสืบรู้ว่าหญิงหม้ายคนแซ่เจียงนี้ได้รับมรดกก้อนโตจากสามีจึงคิดหลอกลวงและจะใช้กลวิธี หาเพทุบายคอยเอาใจหว่านล้อมและแสดงตนเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะคุ้มครองชีวิตนางได้ จนนางใจอ่อนและไว้วางใจโดยมอบกายใจให้กับหนุ่มแซ่จาง และอยู่กินอย่างเปิดเผยฉันสามีภรรยา หนุ่มแซ่จางเริ่มออกลวดลายอ้างจะไปลงทุนค้าขายจนหญิงหม้ายแซ่เจียงหลงเชื่อ มรดกที่ได้จากสามีมาก็ค่อย ๆ หมดไป ส่วนหนุ่มแซ่จางกลับนำเงินนี้ไปเที่ยวตามสถานเริงรมย์
ในที่สุดไปชอบพอหญิงโสเภณีชั่ว ๆ คนหนึ่งถึงขนาดปลูกบ้านให้อยู่ การผลาญเงินอย่างไม่ยั้งมือเช่นนี้ มรดกก้อนโตก็มีโอกาสหมดไป ต่อมาหญิงหม้ายแซ่เจียงเอะใจออกสืบจึงได้ความจริงทั้งหมด เกิดความเสียใจที่เสียรู้ให้กับมารสังคม ในที่สุดหาทางออกโดยผูกคอตาย ส่วนหญิงโสเภณีชั่ว ๆ ก็คิดตีจากเมื่อหนุ่มแซ่จางผลาญเงินจนหมด ถึงตอนนั้นจึงมาสำนึกผิด แต่ก็สายเสียแล้ว เพราะตัวเขาเองก็ติดเชื้อกามโรคอย่างร้ายแรง ไม่มีเงินทองรักษาจนถึงต้องจบชีวิตอันโสมมและบัดซบลง
เรื่องที่ 2
ทางทิศเหนือของเมืองไถจง มีหญิงสาวคนหนึ่งแซ่เหอ นิสัยเจ้าชู้ไม่เรียบร้อย ก่อนแต่งงานก็เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายแล้วถึงแต่งงานแล้วก็ยังคบชู้สู่ชายอีก ต่อมาสามีนางเกิดอุบัติเหตุรถชนตาย ทิ้งบุตรชายหญิงอย่างละ 1 คน ให้นางเลี้ยงดูด้วยมรดกก้อนหนึ่งพอเป็นค่าใช้จ่ายการศึกษาของเด็ก 2 คน แต่ความประพฤติของนางไม่ดีอยู่แล้ว พอสามีตายจากไม่นาน นางก็มีเพศสัมพันธ์กับช่างปู่นคนหนึ่งและก็อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ได้รักนางจริง พอหลอกลวงเงินมรดกของสามีทิ้งไว้จนหมดก็ตีจากไป ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของนางเริ่มรันทด ต้องออกไปเที่ยวหางานทำเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ เพียงเพราะสงสารเด็ก 2 คนจะมีปัญหาเรื่องการศึกษา ทุกวันนี้นางยังมีชีวิตที่ขมขื่น บางครั้งต้องไปอาศัยความช่วยเหลือจากกรมประชาสงเคราะห์ ซึ่งเป็นที่น่าเวทนาและน่าสงสารมาก
ตัวอย่าง 2 เรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่า สุขชั่วขณะแต่ทุกข์สาหัสสากรรจ์ ไม่คุ้มกันเลย ผู้มีปัญญาทั้งหลายควรสังวรไว้นะ