หลินชิงฮวาเจี่ยงซือ
ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ยังไม่ได้บรรลุในปณิธาน ซึ่งถูกกักขังอยู่ในคุกสวรรค์ ข้าพเจ้าไม่เคยลืมความยิ่งใหญ่ของพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตาสงสาร ขอบพระคุณพระแม่องค์ธรรมที่ทรงเมตตากรุณาเป็นอย่างมากที่ได้ให้ข้าพเจ้า “หลินชิงฮวา” ได้มาปรากฎกายบอกเล่าถึงเหตุปัจจัยช่วงหนึ่งให้กับทุกท่านได้ฟัง ในวันเฉลิมฉลองแห่งพระแม่องค์ธรรมในวันนี้ และเพื่อเตือนใจพี่น้องชายหญิงทั้งหลายว่าอย่าได้เดินตามอย่างข้าพเจ้า
ข้าพเจ้า “ชิงฮวา” แซ่ “หลิน” เป็นคนซั่งไห่ (เซี่ยงไฮ้) ได้ติดตามบำเพ็ญปฏิบัติธรรมกับเตี่ยนฉวนซือ เป็นเจี่ยงซือคนหนึ่งและเป็นถันจู่ของตำหนักพระแห่งหนึ่งด้วย ข้าพเจ้าได้กินเจและฝึกหัดพุทธระเบียบกับบิดามารดาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากบิดามารดาเป็นอย่างมาก ทุกๆ เรื่องก็ได้บิดามารดาเป็นธุระจัดการให้ ตัวเองเป็นเหมือนกับคุณหนูอยู่ที่บ้านพี่ชายก็รักข้าพเจ้า ยอมข้าพเจ้าทุกอย่างทำให้ข้าพเจ้าสบายไปทุกๆ เรื่อง จึงได้ศึกษาอริยธรรมอย่างสบายๆ และได้เป็นเจี่ยงซือประกาศธรรมแทนฟ้า และยังได้รับความเมตตาจากเบื้องบนให้เป็นถันจู่ แต่ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักถนอมรักษาเอาไว้ และยิ่งไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มักจะวางท่าเขื่องยโสโอหังกับเจี่ยงชือ-ถันจู่อื่นๆ เสมอๆ มักจะออกคำสั่งให้ญาติธรรมเป็นธุระจัดการงานต่างๆ ให้ หากพบเจอกับผู้ที่ไม่ถูกโฉลกข้าพเจ้าก็ จะด่าว่าเสียงดัง จึงมักจะทดสอบจนญาติธรรมร่วงหล่นไปด้วย ความที่ข้าพเจ้าเป็นคนหัวไว ปฏิกิริยาตอบสนองไวและพูดจาคล่อง แคล่ว ฉะฉาน สามารถพูดธรรมะได้ ตอนหลังจึงได้รับความเมตตาจากเตี่ยนฉวนชือ ยกระดับให้เป็นเจี่ยงซือได้ติดตามอยู่ข้างกาย เตี่ยนฉวนซือปฏิบัติแพร่ธรรมไปทั่วทุกแห่งประกาศธรรมแทนฟ้าอยู่ได้ ๔-๕ ปี จากการที่ข้าพเจ้าพูดธรรมะได้และอายุก็ยังไม่มากนัก จึงได้รับการชมเชย และให้ความสำคัญจากเตี่ยนฉวนซือเป็นอย่างยิ่ง ได้ติดตามช่วยงานธรรมกิจอยู่ตลอดเวลา เรื่องราวใหญ่น้อยทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็จะยื่นมือเข้าไปจัดการรู้สึกกว่าตัวเองช่างน่าเลื่อมใสจนเกิดความยโสอวดดีขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เมื่อประสบกับเรื่องราวที่ไม่ถูกใจเป็นไปตามความคิดของตนเอง ข้าพเจ้าก็จะระเบิดอารมณ์โมโหขึ้นมาทันที จะใช้อำนาจบาตรใหญ่ด้วยความอวดดื้อถือดี ไม่เข้าใจหลักแห่งการสนองรับเบื้องสูง-นำพาเบื้องล่าง มักจะเป็นเหมือนเวลาอยู่ที่บ้านที่เป็นคุณหนูใหญ่ อยากจะโมโหฉุนเฉียวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ จึงได้ทดสอบให้ญาติธรรมตกหล่นไปไม่น้อย ทุกครั้งเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วข้าพเจ้าก็จะไปสารภาพผิดและยอมรับผิดกับเตี่ยนฉวนซือแต่เมื่อเวลาผ่านไปอีก นิสัยอย่างเดิมๆ ก็มีขึ้นมาอีก
มีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่สะใภ้ของข้าพเจ้ากำลังอยู่ไฟหลังคลอดลูกข้าพเจ้าจึงออกคำสั่งให้ญาติธรรม มาช่วยปัดกวาดทำความสะอาดทั้งภายในภายนอกบ้านสกุลหลินของข้าพเจ้า โดยไม่ได้คิดว่าผิดพลาดแถมยังพูดกับญาติธรรมเหล่านั้นว่า “นี่เป็นโอกาสให้พวกเธอได้เจริญปณิธานแรงกายเป็นทาน” ข้าพเจ้าไม่ชัดเจนเรื่องทางโลกและทางธรรม รวมทั้งไม่รักษาสามบริสุทธิ์และสี่เที่ยงตรงจึงถูกศิษย์พี่องค์ประธานสอบสามโลกจดบันทึกไว้ทุกข้อทุกตอนข้าพเจ้าไม่รู้ว่าที่ทำไปนั้นจะเป็นการกระทำที่ผิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ประทับทรงบอกกล่าวชี้แนะข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ากลับพาลโกรธเอาเสียดื้อๆ และได้บอกกับญาติธรรมว่าเรื่องที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาพูดนั้นเป็นเรื่องไม่จริง
ข้าพเจ้าศรัทธาติดตามปฏิบัติงานธรรม อยู่ข้างกายเตี่ยนฉวนซือทุกๆ วันไปทั่วสารทิศโดยไม่เคยหยุดพัก เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าจึงโมโหด่าทอสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ แต่ในใจก็ละอายไม่เป็นสุขนัก ตอนดึกสงัดจึงได้แอบมาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าโต๊ะพระ แล้วพูดต่อพระแม่องค์ธรรมด้วยน้ำตานองหน้าว่า จากนี้ไปจะบำเพ็ญให้ดีและจะไม่ทำผิดอีก แต่ก็พูดไปอย่างนั้นสองสามครั้ง หลอกลวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยไม่ได้กระทำจริงอย่างที่ได้พูดไป
ตอนที่ข้าพเจ้าอายุ ๒๒ ปี ด้วยว่าเตี่ยนฉวนซือเหน็ดเหนื่อยจึงได้ช่วยดูแลจัดการเงินส่วนรวมให้ แต่ทุกครั้งที่นำเงินส่วนรวมไปใช้จะไม่เคยรายงานให้เตี่ยนฉวนซือและเฉียนเหยินได้รับทราบด้วยเหตุนี้จึงผิดต่อเรื่อง “เงินทองไม่ชัดเจน” โดนศิษย์พี่ฯจดบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด ตอนนี้ไม่มีกายสังขารแล้วจึงถูกคิดบัญชีอย่างละเอียดทุกข้อไป
ถึงตอนนี้แล้ว ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่า ในตอนนั้นได้ตั้งปณิธานใหญ่ว่า จะช่วยเหลือพระศรีอาริย์บรรพจารย์ปรกโปรดสามโลกเบื้องบนจึงเมตตาให้ข้าพเจ้ามาเกิดในครอบครัวที่มั่งมีศรีสุข เพื่อบำเพ็ญได้อย่างราบรื่นสบายๆ ข้าพเจ้าไม่เพียงไม่รู้จักทะนุถนอมแต่ยังเกิดความยโสโอหังด้วย ให้ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินเงินทองใช้จ่ายอย่างสะดวก ข้าพเจ้าจึงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าข้าพเจ้าผิดไป! ปณิธานของตนเองยังไม่บรรลุ โชคดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากเบื้องบน และบารมีคุณของพระอาจารย์ข้าพเจ้าจึงไม่ได้ถูกตีให้ตกไปสู่นรกภูมิ แต่ก็ได้นำข้าพเจ้าไปยังคุกสวรรค์
ด้วยเหตุที่บิดามารดาของข้าพเจ้า ให้วัตถุทานทรัพย์เป็นทานอยู่เสมอๆ บุญกุศลศเหล่านั้นได้แผ่มาถึงข้าพเจ้า เป็นเพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระแม่องค์ธรรม และพระอาจารย์จี้กงเมตตาสงสารข้าพเจ้า จึงได้มาปรากฏกายบอกเล่าความเป็นมาของตนเอง ในวันเฉลิมฉลองพระแม่องค์ธรรมในวันนี้ เพื่อให้ศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายได้รู้ว่า อย่าได้เป็นอย่างข้าพเจ้าเด็ดขาดต่อปณิธานที่ตนเองได้ตั้งไว้จะต้องจดจำและรักษาให้ดี
การบำเพ็ญปฏิบัติธรรมนั้น ต้องก้าวย่างกระทำจริง อย่าได้เป็นคนยโสโอหังและใช้อำนาจบาตรใหญ่ จะต้องรักษาทำตามหลัก “เคารพอาจารย์เทิดทูนงานธรรม” และ “สนองรับเบื้องสูงนำพาเบื้องล่าง” ให้ดีๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ นิสัยอารมณ์ ที่ไม่ดีทั้งหลายจะต้องกำจัดทิ้งให้ได้ ถ้าไม่เช่นนั้น เมื่อไม่มีกายสังขารแล้ว ค่อยมาตีอกชกหัวก็จะสายเกินการณ์ แก้ไขไม่ได้อีกแล้ว
ขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสารศิษย์ด้วย ที่คุกสวรรค์นั้นทั้งหนาวทั้งร้อนทรมานจริงๆ เลย ขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสารให้ศิษย์ได้มีโอกาสเกิดเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง ศิษย์จะบำเพ็ญให้ดีได้อย่างแน่นอน ศิษย์จะไม่กล้ามีจิตใจและวาจาที่ผยองลำพองอีกแล้ว ขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสารนำพาศิษย์กลับคืนสู่พระนิพพานด้วยเถิด ศิษย์ไม่อยากอยู่ที่คุกสวรรค์อีกแล้วศิษย์ไม่อยากอยู่ที่นั่นอีกแล้ว ที่คุกสวรรค์นั้นมันแสนจะทรมานมันแสนจะทุกข์ทนเหลือเกิน
เมื่อข้าพเจ้าอายุ ๒๔ ปี ในใจก็คิดว่าเส้นทางบำเพ็ญธรรมนั้นช่างอ้างว้างโดดเดี่ยว จึงได้ไปบอกกับเตี่ยนฉวนซือว่าจะไปแต่งงานมีครอบครัว ไม่เช่นนั้นถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกข้าพเจ้าจะต้องประสาทกินแน่ๆ เนื่องจากทนไม่ได้กับจิตใจที่อ้างว้างโดดเดี่ยว จึงได้แต่งงานกับเจี่ยงซือผู้ชายคนหนึ่ง แต่งงานไปได้สามปีแล้ว แต่นิสัยอารมณ์อย่างเดิมๆ ของข้าพเจ้า ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้ากับสามีจึงทะเลาะขัดแย้งกันเสมอๆ ในที่สุดจึงหย่าขาดจากกัน
ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าก็มองเยื่อใยสัมพันธ์ลูกหญิงชายอย่างจืดจางวางเฉย และเมื่อพระอาจารย์ได้ประทับทรง ข้าพเจ้าจึงได้บอกกับพระอาจารย์ว่า แต่นี้ไปข้าพเจ้าจะรักษาปณิธาน ไม่กล้าที่จะโลเลสองจิตสองใจอีกแล้ว จะบำเพ็ญหล่อเลี้ยงจิตญาณให้ดีรวมทั้งสำนึกผิดในสิ่งที่แล้วๆ มา ตั้งแต่นั้นมาญาติธรรมก็ได้เห็นว่าข้าพเจ้ามีใจนึกแก้ไขสิ่งผิดจริงๆ ต่างจึงให้ความเห็นอกเห็นใจข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักสำนึกพระคุณ จึงเริ่มนิสัยเดิมๆ ที่วางท่าเขื่องใหญ่โตกับเจี่ยงชือ-ถันจู่ทั้งหลาย และยังบอกกับญาติธรรมทั้งหลายอีกว่า “ฉันเป็นมือซ้ายขวาอยู่ข้างกายเตี่ยนฉวนซือ ดังนั้นพวกเธอถันจู่ทั้งหลายจะต้องฟังคำสั่งของฉัน” ข้าพเจ้าเอง ยังเกียจคร้านกับการส่งผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือให้ญาติธรรม เกียจคร้านในการทำความสะอาดตำหนักพระพุทธสถาน และนำสิ่งของที่ญาติธรรมทำบุญมา เอามาเป็นของส่วนตัวหรือส่งมอบให้กับคนอื่นๆไป ข้าพเจ้าได้ใช้ชีวิตที่ทำผิดแล้วผิดอีกอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งอายุ ๓๖ ปี ได้ปะทะกับอากาศเย็นโดยไม่ทันระวังจึงเจ็บป่วยและลาจากโลกนี้ไป เมื่อละกายสังขารแล้ว วิญญาณของข้าพเจ้าก็ล่องลอยไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าควรจะไปยังที่แห่งใด? ตอนหลังจึงถูกศิษย์พี่ฯนำพาวิญญาณไปยังคุกสวรรค์ มือเท้าของข้าพเจ้าหมดสิ้นเรี่ยวแรง คุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระอาจารย์จี้กง กราบขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสาร ด้วยว่าตอนมีชีวิตอยู่
ไม่ได้เจริญปณิธานที่ตั้งเอาไว้ และไม่รู้ที่จะบำเพ็ญขัดเกลาตน เองทำผิดต่อหลัก “สามบริสุทธิ์”(1.บริสุทธิ์งานทางธรรมและงานทางโลก 2.บริสุทธิ์ระหว่างชายและหญิง3.บริสุทธิ์ด้านการเงิน) และ “สี่เที่ยงตรง”(1.กายเที่ยงตรง 2.วาจาเที่ยงตรง 3.ใจเที่ยงตรง 4.การกระทำเที่ยงตรง) รวมทั้งไม่ ได้กำจัดทิ้งซึ่งนิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหลาย ด้วยเหตุเหล่านี้เองจึงต้องถูกกักขังอยู่ในคุกสวรรค์
ในวันนี้ ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชาให้เข้ามาปรากฏกายยังตำหนักพระนี้ เพื่อบอกเตือนกับศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายว่า จะต้องกำจัดนิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหลายให้สิ้นไป อย่าได้ยึดติดอยู่กับทิฐิความคิดเห็นของตนเอง ไม่เช่นนั้น เมื่อถึงเวลาพิพากษาความของสามโลก ความผิดทุกข้อทุกตอนไม่มีทางที่จะเล็ดรอดหายไปได้ จึงอย่าได้ทำตามอย่างข้าพเจ้า
บำเพ็ญธรรมแล้ว หากไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงนิสัยอารมณ์ ที่คุกสวรรค์ย่อมมีคนเป็นของพวกท่านด้วย หากตั้งปณิธานแต่ไม่ไปเจริญบรรลุปณิธาน ก็ยากที่จะกลับคืนพระนิพพานบ้านเดิมได้อย่างแน่นอนเป็นเพราะความระเริงเหลิงใจใน ตอนแรกไม่เชื่อว่าหลักของฟ้านั้นแจ่มชัด เบื้องบนรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง คิดแต่เพียงว่า ข้าพเจ้าตั้งปณิธานกินเจแล้ว พูดธรรมะก็ได้ และยังเป็นเจี่ยงซือติดตามอยู่ข้างกายเตี่ยนฉวนซือ แล้วจะกลับคืนสู่เบื้องบนไม่ได้หรืออย่างไร เพียงเพราะข้าพเจ้ามีจิตใจอย่างนี้อยู่เสมอๆจึงทดสอบญาติธรรมตกหล่นไป ตัวเองก็ยังผิดในเรื่อง “ทางโลก-ทางธรรมชัดเจน” กับทั้งผิดต่อหลัก “สามบริสุทธิ์สี่เที่ยงตรง”ก่อบาปสร้างกรรมมากมาย ในวันนี้ได้มาปรากฎกายข้าพเจ้าจึงไม่กล้าเรียกร้องอะไรได้อีก ทุกสิ่งอย่างที่เป็นไปนี้ ก็มีสาเหตุมาจากผิดบาปของข้าพเจ้าเอง จึงสมควรยอมรับด้วยตนเอง
เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมั่งมี แต่กลับไม่รู้พากเพียรบำเพ็ญขัดเกลาจิตญาณ ไม่รู้จักประหยัดอดออม กลับกลายเป็นว่าชอบที่จะกินแต่เกียจคร้านที่จะทำ ใช้จ่ายเงินทองอย่างสุรุ่ยสุร่ายตัวเองมีภาระเป็นถึงเจี่ยงซือ เมื่อขึ้นแท่นบรรยายก็จะบอกกับผู้อื่นว่า เงินทองต้องชัดเจนต้องกระทำตามหลักสามบริสุทธิ์สี่เที่ยงตรง ต้องบำเพ็ญอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ตัวเองกลับทำผิดทุกๆเรื่องทุกๆ อย่างเสียเอง
ข้าพเจ้าสำนึกขอขมาด้วยความจริงใจ ข้าพเจ้าวอนขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสาร ให้ข้าพเจ้ามีโอกาสมาปรากฏกายบอกเล่าเหตุได้สร้างและผลที่ได้รับของตนเอง หวังว่าศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย ในเมื่อทุกคนได้รับรู้อนุตตรธรรมวิถีแล้วเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย จึงยิ่งต้องจับฉวยรักษาโอกาสที่ตนเองยังมีกายสังขารอยู่ บำเพ็ญใจหล่อเลี้ยงญาณให้ดีๆ ปฏิบัติตามหลักสามบริสุทธิ์สี่เที่ยงตรง อย่าได้ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและพระอาจารย์จี้กงต้องประทับทรงครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อตักเตือนสอนสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่อาจปลุกมโนสำนึกอันดีงามให้ตื่นขึ้นมาได้ กลับผิดแล้วผิดอีก ผิดต่อไปเรื่อยๆ จนเมื่อไม่มีกายสังขารแล้วค่อยมาตีอกชกหัว เช่นนี้ย่อมสายเกินการณ์ไปแล้ว
หวังว่าทุกท่านจะได้นำเรื่องราวของข้าพเจ้าเป็นข้อเตือนใจจะได้ไม่ผิดพลาดตาม รักษาโอกาสที่ดีนี้เอาไว้ การพิพากษาสามโลกนั้น ไม่ตกหล่นผิดไปแม้แต่นิดเดียว และศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายจะต้องยกระดับคุณธรรมความประพฤติของตนเองให้สูงส่งอย่าได้ก่อบาปสร้างกรรมอย่างเลอะเลือนกันอีกเลย