mindcyber 1 year ago

ฮัวท้อ ( หมอเทวดา )

พระอรหันต์จี้กง

ฮั่วท้อ เกิดวันที่ 18 เดือนสี่จีน ( พ.ศ. 650-763 ) ในสมัยราชวงศ์ฮั่น กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 14 ขวบ ยังชีพด้วยการขอทานระเหเร่ร่อนไปทั่ว ครั้งหนึ่งขณะกำลังหิวจัด เพราะไม่มีอาหารตกถึงท้องมา 2-3 วัน เผอิญเห็นเบื้องหลังมีสวนดอกไม้เกิดความคิดจะเข้าไปในสวนหาผลไม้มากินแก้หิว ครั้นปีนกำแพงเข้าไปข้างใน ก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวที่ข้างกำแพง ฮั่วท้อไม่ทราบว่าหญิงชราคนนี้ป่วยเป็นโรคทางตามองไม่เห็นสิ่งใด แต่ประสาทสัมผัสทางหูยังไวอยู่ หญิงชรารู้ว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในสวน จึงร้องถามด้วยเสียงดังว่า “ใคร” ฮั่วท้อเดินเข้าไปใกล้กล่าวว่า “สวัสดีครับท่าน นัยน์ตาของท่านดูเหมือนจะเป็นโรคต้อตาดำใช่หรือเปล่าครับ?” หญิงชราสะดุ้งกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อยเธอรู้จักโรคตานี้เหรอ?” ฮั่วท้อกล่าวว่า “โรคต้อตาดำแค่นี้ไม่ใช่เรืองแปลกอะไร ไยต้องวิตก” ตอนนี้หญิงชราเปลี่ยนสรรพนามเป็นว่า “คุณหมอน้อยตามความเห็นของเธอ มียาที่รักษาตาแบบนี้ให้หายเป็นปกติใช่ไหม?” ตอนนี้

ฮั่วท้อรู้แล้วว่าหญิงชราตาบอดทั้งสองข้าง เพื่อจะหลอกกินข้าวสักมื้อจึงตอบว่า “ใช่ มียาดีสามารถรักษาได้” หญิงชราได้เรียกคนใช้มาเชิญคุณหมอน้อยเข้าไปในบ้าน แต่พอพวกคนใช้มาเห็นสภาพการแต่งกายของฮั่วท้อ ก็คิดในใจว่า ไม่รู้เป็นเด็กขอทานมาจากไหน คุณหมอที่ไหนกัน จึงบอกกับหญิงชราว่า “นายหญิงท่านจะเชิญเด็กขอทานคนนี้เข้ามาในบ้านทำไมครับ?” ที่แท้หญิงชราท่านนี้มิใช่คนธรรมดา แต่เป็นมารดาของหมอหลวงข่งเช่ หญิงชราเสียใจที่บุตรของนางเป็นถึงประธานคณะแพทย์หลวงในราชสำนัก แต่ไฉนไม่สามารถรักษานัยน์ตาของนาง แต่เด็กน้อยคนนี้ไม่เพียงรู้จักโรคนี้ ยังบอกว่ามียาดี


สามารถรักษาได้ หญิงชราทั้งดีใจทั้งประหลาดใจ คิดว่าหรืออาจเป็นปาฏิหาริย์ จึงสั่งให้คนใช้เชิญคุณหมอตัวน้อยเข้าไปในบ้าน แต่กลับได้ยินพวกคนใช้พูดอย่างไร้มารยาท จึงตวาดว่า “ห้ามเสียมารยาท พวกเจ้ารู้อะไร รีบจัดอาหารมาเลี้ยงแขก” เมื่อเป็นคำสั่งของนายหญิง พวกคนใช้หรือจะกล้าขัดคำสั่ง ได้แต่ถอนใจว่า เจ้าขอทานคนนี้มีลาภปากจัง ดูซิว่าจะเล่นละครไปถึงไหน พวกคนใช้จึงจัดอาหารมาให้ฮั่วท้อรับประทาน โดยมีหญิงชรานั่งเป็นเพื่อน พลางก็คุยต่อเรื่องการรักษาโรคตา ช่วงนั้นฮั่วท้อดวงกำลังขึ้นสวรรค์ประทานโชคลาภ โดยเจ้าพระภูมิเข้าแฝง ดังนั้นทุกคำพูดของฮั่วท้อล้วนแล้วแต่เป็นหลักวิชาการแพทย์ที่เจ้าพระภูมิพูดแทนทั้งสิ้น ทำให้หญิงชรายิ่งเพิ่มความศรัทธา แต่ฮั่วท้อนั้นเพียงแค่คิดจะหลอกกินข้าวสักมื้อเท่านั้น จึงค่อยหาโอกาสหลบหนีอยู่เรื่อย ทว่าพวกคนใช้ที่คอยบริการด้วยความจำใจ ต่างคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของฮั่วท้อตลอดเวลา ขณะนั้นพอดีข่งเช่ หมอหลวงกลับมาบ้าน โดยถามทุกข์สุขมารดาก่อน ไม่คาดคิดว่ามารดาจะโมโหมาก “เจ้าลูกอกตัญญู สามารถปกครองบ้านเมือง แต่ไม่สามารถปกครองครอบครัว โรคตาของแม่แค่นี้ไม่มีปัญญารักษา สู้หมอน้อยคนนี้ไม่ได้ หมอน้อยคนนี้สามารถรักษาโรคตาของแม่ได้ ไฉนลูกจึงไม่สามารถรักษาเล่า?” หมอหลวงรีบคุกเข่ากล่าวว่า “ท่านแม่โปรดอย่าโมโห หากมีหมอเก่งสามารถรักษาโรคตาของแม่ได้ ลูกจะทุ่มเททุกอย่างไม่ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ก็ตาม และก็จะนับถือเขาเป็นอาจารย์” มารดาจึงนำไปรู้จักกับฮั่วท้อ ข่งเช่เห็นการแต่งตัวของฮั่วท้อแม้จะมอซอ แต่ลักษณะโหงวเฮ้งไม่ธรรมดา จึงต้อนรับด้วยอัธยาสัยอันดีและถามว่า “โรคต้อตาดำแบบนี้ต้องรักษาด้วยยาใด” ฮั่วท้อตอบว่า “น้ำค้างตามังกร” ข่งเชรู้สึกยินดีอยู่ในใจ เธอไม่เลวนี่ ข่งเช่


ถามว่า “ยานี้ไปหาได้ที่ไหน” ฮั่วท้อตอบว่า “ยานี้ต้องไปเอาในหลุมฝังศพที่ป่าช้า” “ยานี้ต้องไปเอาเวลาไหน” ข่งเช่ถาม “ตั้งแต่เที่ยงคืนถึงก่อนสว่าง” ฮั่วท้อตอบ ครั้นใกล้ค่ำข่งเช่สั่งคนใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ฮั่วท้อ ไปอาบน้ำแต่งกายให้เรียบร้อย คืนนั้นข่งเช่สั่งให้นายทหารสองคนเตรียมเดินทางไปด้วย กล่าวฝ่ายฮั่วท้อใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไม่ทราบจะทำยังไงดี ในใจคิดว่าดึก ๆ จะหาทางหลบหนีให้ได้ ดังนั้นจึงบอกว่าคืนนี้ต้องออกเดินทางตีสอง ฝ่ายนายทหารทั้งสองคิดว่าเจ้าเด็กน้อยช่างก่อกวนเสียจริง ทำให้เราต้องอดหลับอดนอนทั้งคืน มันคงมีแผนอะไรแน่ ดังนั้นทั้งสองจึงปรึกษากันว่า เมื่อออกเดินทางแล้วต้องคอยจับตาให้ดี อย่าปล่อยให้มันหลบหนีไปได้ ดังนั้นเมื่อออกเดินทางตอนตีสอง นายทหารทั้งสองจึงติดตามฮั่วท้อไปติด ๆ ฮั่วท้อเห็นทหารทั้งสองตามหลังมาไม่ยอมห่าง รู้สึกไม่สบายใจ จึงทำเป็นเดินมุ่งหน้าไปทางป่าช้า แล้วเลี้ยวเข้าไปที่หลุมฝังศพ โดยคิดว่าทหารทั้งสองคงไม่กล้าตามมา จะได้ถือโอกาสหลบหนี นายทหารทั้งสองเห็นฮั่วท้อเดินเข้าไปที่หลุมฝังศพ ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวไม่ค่อยมีใครกล้าเดินผ่าน ไฉนเจ้าเด็กน้อยจึงกล้าหาญนัก ยิ่งคิดยิ่งเกิดความกลัว แต่เมื่อคิดว่าเป็นคำสั่งของหมอหลวงจะละทิ้งหน้าที่ได้อย่างไร ดังนั้นจึงตามติดฮั่วท้อไปอย่างไม่ลดละ ฮั่วท้อเหลียวหลังดูเห็นทหารทั้งสองตามมาติด ๆ รู้สึกกระวนกระวายอับจนหนทาง ขณะที่เดินเข้าไปที่หลุมฝังศพก็หมุนตัววิ่งเข้าไปในป่าทึบ ช่วงขณะกำลังจะเร่งฝีเท้าวิ่งหนี เท้าเกิดสะดุดกับก้อนหินล้มคว่ำลงไปในหลุมฝังศพ นายทหารทั้งสองรู้ทันว่า เด็กน้อยคิดจะหลบหนีจึงวิ่งตามเข้าไป พลางตวาดว่า “จะหนีไปไหน จะเอากระบองฟาดให้ตายเลย” ขณะนั้นเจ้าพระภูมิ ได้เข้าแฝงร่างฮั่วท้อกล่าวว่า “อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ พบยาแล้วมาเอาเร็ว” นายทหารทั้งสองมองตาม พบว่าเป็นหัวกะโหลกคนตายที่เบ้าตามีหยดน้ำค้างที่ยังเปียกชื้น ฮั่วท้อสั่งให้ทหารทั้งสองนำผ้าแพรสีแดงมาบรรจงห่อไว้พร้อมกำชับว่า อย่าทำให้น้ำค้างที่เบ้าตาหายนะ ทหารทั้งสองจึงต้องทำตามที่ฮั่วท้อสั่ง โดยคนหนึ่งนำผ้าแพรมาห่อหัวกะโหลกอย่างระมัดระวัง ส่วนอีกคนก็คอยจับตาดูฮั่วท้อเกรงว่าจะเล่นตลกอะไรอีก เสร็จแล้วทุกคนก็รีบเดินทางกลับจวนหมอหลวง คนทั้งสามกลับถึงจวนรายงานกับหมอหลวงเป็นเวลาตีสี่พอดี เมื่อข่งเช่หมอหลวงแก้ห่อผ้าแพรออกดู พบว่า เป็นหัวกะโหลกคนที่เบ้าตามีหยดน้ำค้าง เรียกว่า “น้ำค้างตามังกร” จึงรีบผสมกับยาทันที เสร็จแล้วก็ทำการรักษานัยน์ตาทั้งสองข้างของมารดา จนเห็นแสงสว่างอีกครั้งหนึ่ง สองแม่ลูกขอบคุณฮั่วท้อเป็นการใหญ่ แต่ฮั่วท้อกลับคุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนขอให้หมอหลวงยกโทษโดยกล่าวว่า “ข้าน้อยใช่ว่ารู้จักยาดีชนิดนี้ แต่เพราะข้าน้อยทนความหิวโหยไม่ได้ หมดความละอาย จึงโกหกกับนายหญิงเช่นนั้น เพื่อหวังจะหลอกกินข้าวสักมื้อเท่านั้น ไม่คิดเลยว่า คำโกหกของผมบังเอิญไปตรงกับชื่อยาที่ใต้เท้าต้องการพอดี” หมอหลวงพยุงฮั่วท้อลุกขึ้นและกล่าวว่า “เราเข้าใจดีทุกอย่าง เธอเป็นคนมีบุญ วันนี้อาศัยบุญของเธอถึงได้มีเหตุปาฏิหาริย์เกิดขึ้น” ข่งเช่ได้กล่าวกับมารดาว่า “ใช่ว่า ไม่มียารักษาโรคต้อตาดำ เพราะไม่สามารถหาคนมีบุญไปเอาน้ำค้างตามังกร ลูกจึงบอกท่านแม่ว่า ไม่มียารักษา” ครั้นทุกอย่างอธิบายจนมารดาเข้าใจแล้ว ข่งเช่งดูออกว่าฮั่วท้อเป็นผู้มีความสามารถสูง จึงรับฮั่วท้อให้อยู่ในจีนด้วยกัน เพื่อจะได้ถ่ายทอดวิชาการแพทย์ทุกอย่างให้ ฮั่วท้อนั้นอุดมด้วยพรสวรรค์บวกกับความขยันอดทน เมื่อได้รับการบำรุงจากหมอหลวงอย่างเต็มที่ จึงประสบความสำเร็จในวิชาการแพทย์เป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่อฮั่วท้อเชี่ยวชาญทางการแพทย์แล้ว ก็ออกท่องเที่ยวเดินทางไปรักษาคนไข้ตามที่ต่าง ๆ ช่วยให้ผู้คนหายจากความเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก มีชื่อเสียงเลื่องลือไปไกล ทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นความดีของข่งเช่ที่บำรุงและถ่ายทอดวิชาการแพทย์แก่ฮั่วท้อทั้งสิ้น

จากที่กล่าวมานี้ ชาวโลกพึงทราบว่าเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นความจริง ผู้มีความผิดควรรับผิดแล้วกลับตัวใหม่ถึงจะเรียกว่า อริยชน

0
537

กลองค่ำระฆังรุ่ง

ลือเฮ้าฮุก

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
ผัดผักรวมมิตร

ผัดผักรวมมิตร

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
ลือต้งปิง (ลื่อโจ้ว)

ลือต้งปิง (ลื่อโจ้ว)

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

เรือสองขบวนของชีวิต

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ราชาคนยาก

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago