พระจี้กงประทับทรง วันที่ 8 เมษายน 2527
เงินเดือน ราชการ ภาษีราษฎร์
มือสะอาด ใจซื่อ คือเป้าหมาย
ทุจริต คอรัปชั่น ตกอบาย
ยังมิสาย กลับตัวใหม่ สร้างความดี
พระจี้กง :การเป็นข้าราชการที่ดี อยู่ที่ใจซื่อมือสะอาด ให้ความรัก ความเมตตาแก่ราษฏร์ หมั่นออกตรวจเยี่ยมเยียนถามทุกข์สุข จึงจะรู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชนแล้วทำการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนนั้น ทว่าข้าราชการบางคนไม่เพียงแต่ไม่ปฏิบัติเช่นนั้น แต่กลับอาศัยอำนาจหน้าที่ข่มเหงรังแกประชาชน การประพฤติเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ภาพพจน์อันทรงเกียรติของเครื่องแบบเสื่อมเสีย ยังเป็นภัยแก่สังคมอีกด้วย
ชิวเซิง :ถ้าหากผู้เป็นข้าราชการสามารถหมั่นออกตรวจเยี่ยม ถามทุกข์สุข บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฏรอยู่เสมอ ข้าราชการเช่นนี้ก็เสมือนเป็นข้าราชการพ่อแม่ ทว่าในหน้าหนังสือพิมพ์มักจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับข้าราชการอาศัยอำนาจหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์ เข้าพกเข้าห่อส่วนตัวซึ่งเป็นเรื่องน่าละอายจริง ๆ
พระจี้กง :ควรต้องรู้ว่าที่ชาตินี้ได้เป็นข่าราชการนั้นล้วนเป็นบุญวาสนา อันได้บำเพ็ญมาแต่ชาติก่อน หากไม่รู้จักรักถนอมวาสนานี้ไว้ แต่กลับก่อกรรมทำเข็ญจะมิเป็นการสูญเปล่า การสร้างสม บุญบารมีจากชาติก่อนหรือ ?
ชิวเซิง :อาจารย์หมายความว่า ถ้าผู้เป็นข้าราชการซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ หมั่นบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฏร เมื่อบุคคลผู้นั้นละจากโลกนี้แล้ว ก็สามารถเป็นเทพเทวดาได้ แต่ถ้าหากว่าเที่ยวข่มเหงรังแก
ราษฏร นรกก็มีสิทธิ์ไป แบบนี้ใช่ไหมครับ ?
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า เธอพูดถูกต้อง เอาละ....วันนี้ได้เวลาลิขิตหนังสือแล้ว ชิวเซิงรีบขึ้นดอกบัว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ไปได้เลย
พระจี้กง :ชิวเซิงเธอกำลังคิดอะไรอยู่หรือ ?
ชิวเซิง :อ๋อ...ผมกำลังคิดว่า การปฏิบัติธรรมจะสามารถวัดขีดขั้นภูมิธรรมโดยดูจากลักษณะหน้าตาภายนอกได้หรือไม่ ?
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า ถ้าหากสามารถวัดระดับภูมิธรรมโดยดูจากหน้าตาภายนอก อาตมาก็ไร้ภูมิธรรมแล้วซิ
ชิวเซิง :ทำไมหรือครับ ?
พระจี้กง :ใครไม่รู้ว่าหน้าตาภายนอกของอาตมาเป็นอย่างไร ทำไมต้องอธิบายอีก ยังดีที่พระพุทธองค์ได้หยั่งรู้ล่วงหน้า จึงได้กล่าวไว้ในพระสูตรกิมกังเก็งว่า “มิอาจเห็นพระตถาคตด้วยรูปกาย อันรูปกายก็คือปราศจากรูปกาย เป็นสักแต่ชื่อว่ารูปกายเท่านั้น” จากข้อนี้ก็จะรู้ว่าไม่อาจถือเอาหน้าตาภายนอก เป็นที่วัดระดับภาวะธรรมของนักปฏิบัติเปรียบเสมือนดังวัด ซึ่งมีทั้งเล็กและใหญ่ ถ้าหากถือว่าวัดที่สง่าภูมิฐานก็แสดงว่า ปฏิบัติธรรมได้สูงขั้นกว่า ส่วนวัดธรรมดาก็ปฏิบัติธรรมไม่ได้ผล แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก ดังนั้นการบำเพ็ญธรรมที่ได้ผล จึงมิได้อยู่ที่การอวดอ้าง แต่อยู่ที่ใจมิใช่อยู่ที่หน้าตาภายนอก
ชิวเซิง :คำกล่าวของอาจารย์สูงส่งจริงแท้ จากข้อนี้ก็จะรู้ว่าการปฏิบัติธรรมคือการขัดเกลาจิตภายใน มิใช่การขัดเกลารูปภายนอก แต่เป็นการขัดเกลา “จิตเดิมแท้” ให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว มิใช่การขัดเกลา “รูปร่าง หน้าตา” ให้สวยงาม
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว
ชิวเซิง :หวังว่าอาจารย์คงให้โอวาทชี้แนะอีก
พระจี้กง :ถึงนรกอเวจีแล้ว เบื้องหน้าที่เห็นคือสถานที่จองจำพวกข้าราชการทุจริตคอรัปชั่นโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นข้าราชการที่มุ่งแต่หาความสุขสำราญใส่ตน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ลำบากยากแค้น ชิวเซิง...ลงจากดอกบัว
ชิวเซิง :อาจารย์ครับ อากาศที่นี่ร้อนระอุจริง ผมเหงื่อท่วมตัวอีกแล้ว
พระจี้กง :ที่นี่เป็นทางระบายของเปลวไฟ ฉะนั้นเธอจึงรู้สึกเช่นนี้ กิน “น้ำทิพย์” นี่ซิ
ชิวเซิง :กินแล้ว ร่างกายไม่ร้อนอีกเลย อาจารย์...มีเสียงร้องโหยหวนดังแว่วมาจากเบื้องหน้า โอ ....ทำไมมีคนกลุ่มหนึ่งเบียดกันอยู่เป็นกลุ่ม ผมไหม้เกรียมจนหัวโล้นตัวก็ดำสนิท
พระจี้กง :ชิวเซิง...ทำไมไปหลบอยู่นั่นล่ะ?
ชิวเซิง :ภาพอันน่าสยดสยอง ทำให้ผมอกสั่นขวัญหายไปหมด
พระจี้กง :นั่น...หัวหน้าแดนกำลังเดินมาแล้ว เธอรีบไปคารวะ
ชิวเซิง :กระผมขอคารวะท่านหัวหน้า
หัวหน้า :ชิวเซิง..ตายสบาย วันนี้พัศดีได้รายงานว่าท่านจี้กงจะมาเยือนนรกขุมนี้ จึงได้รีบมาต้อนรับ
ชิวเซิง :คนข้างหน้านี้ หน้าตาดำเหมือนถ่าน เผยให้เห็นแต่ดวงตา ไม่ทราบว่าตอนเป็นมนุษย์ได้สร้างบาปกรรมใดไว้
หัวหน้า :เขาไม่สามารถพูดจาได้แล้ว
พระจี้กง :เดี๋ยว...อาตมาจัดการเอง
ชิวเซิง :อาจารย์อิทธิฤทธิ์สูงส่งจริงแท้ วิญญาณบาปฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว จากร่างที่ดำเหมือนถ่าน บัดนี้ได้กลายมาเป็นคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์
หัวหน้า :เจ้าคนบาป...จงรีบเล่าการก่อกรรมชั่วของเจ้าครั้งอดีตมาให้หมด เพื่อบันทึกลงในหนังสือเป็นอุทาหารณ์แก่ชาวโลก
วิญญาณบาป :โอ...คิดไม่ถึงว่าผมจะต้องมีสภาพเช่นวันนี้ หวนรำลึกถึงสมัยเป็นมนุษย์ผมเป็นข้าราชการชั้นสูงเพียบพร้อมสมบูรณ์ด้วยเกียรติยศ มี 3 เมีย และเมียบำเรออีก 5 คน
หัวหน้า :ข้าไม่ใช่ถามเรื่องความมั่งมีศรีสุข แต่จะให้เล่าเรื่องที่ เจ้าใช้อำนาจหน้าที่ ประทุษร้ายผู้คนอย่างผิดกฏหมาย
วิญญาณบาป :โอ...เรื่องผิดกฏหมายมีมากนับไม่ถ้วนแต่ที่ทำให้ผมอยู่ไม่เป็นสุขก็คือ ครั้งหนึ่งผมพบผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ผมอยากได้ตัวหล่อนมาก แต่หล่อนไม่ยอมสนใจผมเลย ต่อมาผมใช้วิธีการข่มขู่พ่อของหล่อนบีบบังคับให้ยกลูกสาวเป็นเมียบำเรอคนที่ 6 ของผม แต่พ่อของหล่อนดื้อดึง บอกว่าถึงตายก็ไม่ยอมทำตามประสงค์ ในที่สุดผมจึงจำใจต้องให้ลูกน้องไปจับเขามัดใส่กระสอบ แล้วนำไปทิ้งลงเหวตอนเที่ยงคืน เรื่องนี้ผมคิดว่าไร้คนรู้เห็น คิดไม่ถึงว่าเมื่อมาถึงเมืองนรก ถูกนำตัวไปอยู่ต่อหน้ากระจกส่องบาป ภาพการกระทำแต่หนหลังทุกอย่าง ปรากฏออกมาหมดดุจจอหนังหมดหนทางแก้ตัว เลยจำต้องรับสารภาพ
ชิวเซิง :แล้วต่อจากนั้นล่ะ?
วิญญาณบาป :ต่อจากนั้นท่ายมบาลได้ด่าประณามผมด้วยเสียงอันดังเสียพักใหญ่ ว่าผมเป็นข้าราชการไม่รู้จักประพฤติตนให้ใสสะอาด แต่กลับใช้อำนาจหน้าที่ข่มเหงรังแกราษฏรผู้บริสุทธิ์ แล้วตัดสินลงโทษผมสถานหนัก ซึ่งนอกจากต้องรับโทษทัณฑ์จากนรกขุมต่าง ๆ แล้ว ยังต้องถูกส่งต่อมาจองจำยังนรกอเวจีนี่ ไร้โอกาสผุดเกิดอีก
ชิวเซิง :แล้วตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้าง
วิญญาณบาป :โอ....ถ้ารู้แต่แรกว่า กฏบัญญัตินรกรุนแรงเช่นนี้ ผมคงไม่กล้าโอหังเช่นนั้น ทว่าตอนนี้สายเกินไปแล้ว
หัวหน้า :คนใจเยี่ยงสัตว์ รู้แต่การใช้อำนาจหน้าที่ข่มเหงรังแกชาวบ้านเช่นนั้น ถ้าไม่ได้ลิ้มรสกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของนรกอเวจีเสียบ้างย่อมไม่รู้สึก
ชิวเซิง :น่าเวทนาจริง ตอนเป็นมนุษย์ถ้ารู้จักประพฤติปฏิบัติตามตัวบทกฏหมาย เอาใจใส่ดูแลทุกข์สุขประชาราษฏร์ก็คงไม่ต้องเป็นเช่นนี้
หัวหน้า :ตอนนี้พูดกับเขาเรื่องนี้ก็ไร้ประโยชน์คนใจทมิฬหินชาติ ไร้เมตตาธรรมเช่นนี้ ทำกรรมใดไว้กรรมนั้นย่อมสนองก็สมควรแล้ว
พระจี้กง :เอาละ....การลิขิตหนังสือในวันนี้ยุติเพียงเท่านี้ก่อน
ชิวเซิง :ขอลาท่านหัวหน้าก่อนครับ
หัวหน้า :ขอส่งท่านจี้กงและคุณชิวเซิง
พระจี้กง :ชิวเซิง...รีบขึ้นดอกบัว กลับกันเถอะ
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์กลับได้
พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ชิวเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง