พระพุทธจี้กง
พุทธเจ้าถูกเรียกว่าตถาคต ตถาตานั้นว่างวิสุทธิ์ไม่มีเครื่องกีดขวางตถาคตก็คือการชี้ถึงชั่วชีวิตหนึ่งของมนุษย์ไม่รู้จักที่ ๆ มา แท้ที่จริงแล้วมาจากที่ไหนกัน ใครก็ไม่สามารถตอบได้ จึงกล่าวว่ามันเป็นตถาตามาและก็เป็นตถาตาไป คือไม่รู้จักสภาพที่มาและก็ไม่รู้สถานที่ไป ด้วยเหตุนี้หลักธรรมของศาสนาพุทธซึ่งยอมรับการมาของมนุษย์อยู่แล้ว โดยไม่รู้ว่าที่ไหนแต่การไปนี่ซิจะต้องมีที่ไปอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวถึงการบำเพ็ญปฏิบัติ โดยวิถีแห่งหินยาน ก็ไม่นอกเหนือไปจากการบำเพ็ญเพื่อให้อยู่สบายในปัจจุบันชาติ ขจัดเสียซึ่งความทุกข์กังวล แต่ในสภาวะของมหายานก็จะเป็นการบำเพ็ญเพื่ออนาคตชาติ ด้วยเหตุนี้พุทธสาวกจึงพูดได้ว่าเป็นตถาตามาบำเพ็ญด้วยความสงบ ก็กล่าวได้ว่าการไปโดยไม่รู้จักสถานที่นั้น ที่นั้นก็คือพุทธเกษตรวิสุทธิภูมิ
คนที่นับถือพุทธก็เรียกว่าพึ่งพุทธเป็นสรณะ โดยพึ่งพิงสิ่งที่พุทธองค์เคยบำเพ็ญปฏิบัติไปปฏิบัติตาม ไปบำเพ็ญตามสิ่งที่พุทธองค์เคยตรัสไว้จุดหมายปลายทางก็เพื่อการกลับคืนสู่ที่พักพิง คน ๆ หนึ่งถึงแม้เป็นตถาตามาก็ต้องตถาตาไป โดยที่ไม่มีสถานที่จะหยุดพักพิง และก็ไม่ไปในสถานที่ ๆไม่รู้จักด้วย ต้องรู้จักสถานที่ ๆ จะกลับไปพักพิงได้ เป็นสถานที่ ๆ เป็นเป้าหมายจะไป ลองนึกดูคนที่ไม่มีบ้านจะไปมีสภาพน่าเวทนนาแค่ไหน คนที่ไม่มีที่ ๆ จะไปจะว้าวุ่นวกวนแค่ไหน ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการเตรียมการไว้ก่อน โดยแสวงหาที่ ๆ จะไป มีโศลกหนึ่งว่า “ตถาคตไม่ใช่องค์จริง” มิใช่ชี้ที่พุทธองค์หากชี้ถึงที่สุดของมนุษย์ เข้าใจไหม