พระพุทธจี้กง
มนุษย์ไม่อาจมีชีวิตที่หลีกพ้นจากชุมชน ถ้าหากหลีกพ้นจากชุมชนก็จะขาดคุณภาพของความเป็นคนไป เพราะฉะนั้นไม่ว่จะอยู่ในสภาวะใด ชีวิตต้องเกี่ยวเนื่องจากชุมชน เพราะว่าในชุมชนจะบังเกิดผลของการกระทำที่ก่อให้เกิดนิสัยของมนุษย์ที่ไม่เหมือนกัน รวมทั้งก่อให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ทันสมัยของมนุษย์ชาติด้วย จะเห็นได้ว่า กิจกรรมระหว่างมนุษย์ด้วยกันจะให้ความหมายยิ่งใหญ่ของคุณภาพแท้เหลืออยู่ ทั้งยังเผยให้เห็นถึงวิสัยสำคัญในการหล่อหลอมของชุมชนที่เกี่ยวข้องกัน
ความเกี่ยวเนื่องของชุมชน พูดขึ้นมาแล้วก็เหมือนบุคคลในอดีต ที่มักกล่าวอย่างเป็นทฤษฏีเสมอ แต่ทว่าได้ค้นคว้าให้ลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง จะพบว่าไม่เพียงแต่เป็นศิลปะชั้นสูงชนิดหนึ่งเท่านั้น ยังเป็นความเจนจัดทางปัญญาของมนุษยชาติอีกด้วย ทั้งยังเป็นการยกระดับจิตใจและความเป็นอยู่ และเป็นหลักฐานการทดสอบในการเข้าสู่โลกุตรภูมิได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นจุดที่ชาวเซนให้ความสำคัญ ดังนั้นชาวเซนจึงมักพูดกันว่า “เดินยืนนั่งนอนล้วนมีเซน” ตอนนี้อาตมาจะรวบรวมวิธีปฏิบัติจริงให้พวกเราได้พิจารณาดู เพื่อให้ชาวโลกที่จะออกจากโลกล้วนสามารถทำให้ถึงความปรองดองที่สมบูรณ์ของชุมชน
1. ให้อภัยมีขันติ
คนต้องมีขันติเปิดใจให้กว้าง ให้อภัยความผิดผู้อื่น จึงสามารถพูดได้ว่ามีความปรองดองกลมเกลียวกัน
การให้อภัยเป็นวิสัยในการสร้างสรรความปรองดอง ขณะเดียวกันก็อาศัยสิ่งนี้ไปกล่อมเกลาคนได้ จนบรรลุผลสำเร็จในการศึกษา
ขันติมิใช่เป็นความอดทนโดยไร้เหตุผล การให้อภัยโดยเอา “ความเมตตา” ไปกล่อมเกลาต่อกับตนเองก็สามารถเพิ่มพูนบุญกุศลได้ ต่อผู้อื่นก็สามารถเปลี่ยนความรุนแรงเป็นสันติ นี่ก็คือความคิดพื้นฐานที่พัฒนาไปของมหายาน
ผู้บำเพ็ญที่มีการอภัยและขันติบารมี จะสามารถผ่านอุปสรรคที่โหมกระหน่ำความล้มเหลวของชีวิตได้ค่อนข้างง่าย ผู้มีอารมณ์ค่อนข้างมั่นคง ความคิดอ่านค่อนข้างดี อาทิเช่น ในชีวิตครอบครัว หากสามีภรรยารู้อภัยก็จะสามารถเข้าใจกันได้ดี โชคลาภก็จะสมบูรณ์ ระหว่างเพื่อนฝูงรู้อภัยก็จะสามารถขจัดฝุ่นหมอกที่อึมครึมให้ออกไปได้ แก้ไขความขุ่นข้องหมองใจกันได้ ช่วยเพาะเลี้ยงให้มิตรภาพยืนยง การรู้ “อภัย” กับการให้ “ความเคารพ” เป็นหลักวิสัยของสังคมส่วนรวม
2. สุขใจมีฌานสมาธิ
ใจที่ว้าวุ่นอารมณ์ร้อนรน อัดอั้นไม่เป็นสุขจะเป็นอันตรายต่อชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับชุมชน ชีวิตที่ควรสงบสุขถูกความสับสนแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นภาระหนักที่ไม่มีสุข สาเหตุที่ไม่มีสุขเพราะตนเอง หาความกังวลมาใส่ตัว ฟุ้งซ่านหาแอกมาสวมใส่ เพราะเกิดจากการใฝ่หาอย่างแรงกล้า แรงกดดันจิตใจที่แรงกล้าเช่นนี้เพราะขาดการขัดเกลา “ฌานสมาธิ” จึงไม่สามารถพัฒนาจิตที่สว่างให้ปรากฏ คนที่เอาแต่สบายลิงโลดในชุมชน มักนำไปสู่อุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิต ทำให้ขาดความสงบที่จะสัมผัสรสของฌานอันผุดผ่องได้ ใจจะอยู่เป็นสุขจิตต้องมีฌานสมาธิ สุขภาพจิตก็จะดีได้ การติดต่อระหว่างกันก็จะสามารถเข้าถึงกันได้ด้วยความถ่อมตนที่มีคุณค่า
3. การรับสัมผัสกับการรักถนอม
คนมีชีวิตที่มีคุณค่าก็เพื่อชีวิต ไม่ควรลืมคุณภาพของชีวิต โดยก่อให้เกิดความอัตคัตภายในจิตใจ ซึ่งจะทำให้ชีวิตตกสู่ความทุกข์ระทมหรือถึงกับเป็นโรคจิต ต้องยืนติดดินแล้วรับสัมผัสต่อสัตว์ที่มีอารมณ์ รู้จักรักถนอมดอกไม้แห่งชีวิตระหว่างกัน เพราะว่าทุกสิ่งมีค่าควรแก่การสรรเสริญ
ในแต่ละชนชั้นของชีวิตแต่ละคน ทุก ๆ ที่ ๆเข้าถึงล้วนให้เข้าถึงจิตวิญญาณที่ปลดปล่อย ให้รับสัมผัสและเข้าถึงความงามสมบูรณ์ในคน เรื่องราวและสิ่งของติดตามโดยให้มหาเมตตากับผู้ที่ไร้สัมพันธ์ได้ โดยให้ลอยขึ้นจากภายในใจ หัวใจมีอารมณ์มหาเมตตาดุจเป็นร่างเดียวกับเรา บนจุดสัมผัสต่อเขาหรือตนเอง จะสนองตอบด้วยใจที่ยิ้มแย้ม เอาความดีไปรับสัมผัส ชื่นชม รักถนอม ด้วยหัวใจที่โลดแล่นไปเผชิญกับชีวิตรอบข้าง ตนจะต้องมีจุดงามไปเกี่ยวเนื่องกับชุมชนที่ไม่อาจคาดเอาได้
ความเกี่ยวเนื่องกันของชุมชนเป็นความตื่นของชีวิต และปรากฏจริงของจิตตน ควรให้มันกลายเป็นความปิติยินดีชนิดหนึ่ง และเอาสิ่งนี้ไปแบ่งปันผู้อื่น ให้เสพผลสำเร็จที่สวยงามนี้ด้วย เอาใจที่เสมอภาคไปเผชิญหน้า เพื่อหวนคืนสู่ความบริสุทธิ์ของตนอย่างแท้จริง ให้กำหนดตนเอง เช่นนั้นแล้ว ความเกี่ยวเนื่องของชุมชนไม่มีหรอกที่จะไม่กลมกลืนกัน