ชุมชนแออัดแหงนี้ มีเรื่องวุ่นวายไม่เว้น พ่อกินเหล้า แม่เล่นไพ่ ผู้หญิงปากร้าย ผู้ชายเป็นนักเลงตั้งแต่คนแก่ลงมาจนถึงเด็กที่เพิ่งหัดพูดใช้คำหยาบกันได้หมดทุกคนนับเป็น สูตร แผนโบราณที่ได้อนุรักษ์สืบต่อกันมาเป็นอย่างดี
หญิงสาวคนหนึ่งจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เธอไม่มีญาติอื่นใด นอกจากญาติในชุมชนนี้ ทันทีทีย่างเท้าเข้ามา เธอก็ต้องระทึกใจกับสายตาที่มองคนอย่างไม่เกรงใจของคนในชุมชนนี้แล้ว
เมื่อเธอถามญาติว่า “ทำไม” ญาติตอบว่า “จะเป็นไรไป”
ต่อจากนั้นเธอก็ต้องพบกับชายหนุ่มผิวปากยักคิ้วให้ พบกับวัยรุ่นกลุ่มใหญ่พูดแชว ไช้วาจาสองแง่สองง่าม พบกับกลุ่มแม่ลูกอ่อน แซ่แคร่ นั่งเล่นคุยกันทั้งวัน หันมามองดูเธอแล้วกระซิบกระซาบกัน เด็กเล็กเด็กน้อยก็ทำท่าพูดจาหยาบโลนกับเขาได้ด้วย
หญิงสาวถามญาติอีกว่า “ทำไม”
ญาติชักรำคาญสะบัดเสียง ตอบอีกว่า “จะเป็นไรไป”
หญิงสาวจึงรู้ว่าทุกอย่าป็ที่ไม่ดีไม่งาม มันเป็นธรรมดาเสียแล้วสำหรับคนที่นี่
ค่ำวันนั้น หญิงสาวได้รับกระดาษแผ่นหนึ่งมีข้อความว่า
คน สวยจ๊ะ !
สัปดน วันละนิด จิตแจ่มใส
เป็นไรไป ไยจริงจัง ช่างเครียดขึ้ง
สนุกไว้ ใจคึกคัก ปากมือถึง
แค่ทะลึ่ง กึ่งล้อเล่น เป็นไรไป
เช้าวันรุ่งขึ้น มีกระดาษพิมพ์ข้อความตัวใหญ่ปิดอยู่ที่ เสาไฟของชุมชนแห่งนี้ว่า
สุภาพชนจ๊ะ!
สัปดน วันละนิด ติดนิสัย
นานวันไป ใจลามก สกปรก
ปากเหม็นเน่า เอาน้ำลาย ป้ายเชื้อโรค
กามเรื้อรก หมกลูกหลาน สันดานเลว
ไม่มีคำถามจากหญิงสาวอีกเธอเก็บสัมภาระกลับไปต่างจังหวัดหลังจากที่ให้ข้อคิดนี้แก่คนในชุมชนนี้แล้วเมื่อคืนนี้