หนังสือพระบรมมหารัตนเทวราชโองการ เป็นหนังสือดีที่หาได้ยากเล่มหนึ่ง ตกทอด และเผยแผ่มาถึงปัจจุบันเป็นเวลาเก้าร้อยกว่าปี ตามประวัติศาสตร์บันทึกเมื่อปีเกิงอู่ (ค.ศ.1030) ในรัชกาลซ่งเหยินจง นักพรตตั้นชือ ในช่วงจาริกบุญ ได้พลัดหลงเข้าไปในยมโลก รับมอบหนังสือพระบรมมหารัตนเทวราชโองการ จากพญายมเฟิงตูมหาราชเจ้าหลังจากนั้น ได้มอบหนังสือเล่มนี้ให้ลูกศิษย์ (นักพรตอู้หมี)
นำไปพิมพ์เผยแผ่สู่ชาวโลก
หนังสือที่ท่านอ่านเล่มนี้ แปลจากฉบับภาษาจีนที่พิมพ์ในปี ค.ศ.1928 เป็นหนังสือเก่าแก่ พิมพ์ด้วยแท่นพิมพ์หินกระดาษบาง เก็บจนถึงปัจจุบันหนังสือทั้งเล่มกลายเป็นสีเหลืองเจ้าของหนังสือเล่มนี้ (คุณรุ่งเรือง จงวิมาณสินฐ์) กล่าวว่าเป็นหนังสือที่หาได้ยากมากในประเทศไทย อยากให้ข้าพเจ้าอ่านแล้วช่วยคัดลอกเล่มใหม่เพื่อเก็บรักษาไว้ เมื่อข้าพเจ้าอ่านแล้วรู้สึกเป็นหนังสือที่มีคุณค่ามาก เนื้อหาในหนังสือนอกจากบรรยายถึงเรื่องราวของกฎแห่งกรรม กงกรรมกงเกวียน ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่บันทึกตามยุค และรัชสมัยต่างๆมีชื่อคน วันเดือนปี และที่อยู่พร้อมสรรพ ยังบรรยายถึงสภาพในนรกภูมิว่ามีกี่ตำหนัก มีขุมนรกอะไรบ้าง ตั้งอยู่ ณที่ไหน ทำผิดข้อหาอะไรจึงต้องมารับโทษในขุมนรกนั้นๆ และยิ่งกว่านั้น ในหนังสือยังบันทึกคำโอวาทของเหล่าเทพยดาและพระโพธิสัตว์เจ้า ชี้แนะให้มนุษย์ทราบว่า อะไรคือสิ่งผิด อะไรคือสิ่งถูก อะไรเป็นสิ่งที่ควรทำ อะไรเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะคติพจน์คำโอวาทของเทพเจ้าฝูอี้วเทพเจ้าไท่ซั่งเหล่าจวิน เทพเจ้ากวนอู เป็นคำโอวาทที่ง่ายต่อการจดจำ เหมาะสำหรับเจริญภาวนา และผลของเจริญภาวนาเป็นเช่นใด ณ ที่นี้ข้าพเจ้าขออัญเชิญ คำโอวาท
ของเทพไท่จี๋ มาเป็นคำตอบ เทพไท่จี๋ให้โอวาทว่า “คติพจน์ที่ท่านอ่าน เป็นคำสั่งสอนของอนุตรเทพไท่ซั่งเหล่าจวินผู้ใดนำไปสวดวันละ 1 จบ จะสามารถลดหย่อนผ่อนโทษและขจัดความผิดพลาดที่แล้วมา ผู้ใดสวดภาวนาเป็นเวลา 1 เดือน จะเพิ่มวาสนาเจริญสุข ผู้ใดปฏิบัติตามคำสั่งสอนนี้ติดต่อเป็นเวลา 1 ปี จะเจริญอายุวัฒนะ เพิ่มพูนอายุขัย ผู้ใดน้อมปฏิบัติเป็นเวลาติดต่อกันถึง 7 ปี สามารถช่วยให้บรรพบุรุษ 7
ชั่วโคตรพ้นทุกข์ และขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ผู้ใดน้อมปฏิบัติคำสอนนี้ติดต่อไปเป็นระยะเวลายาวนานโดยไม่ย่อท้อ ถึงที่สุดจะมีชื่อของท่านปรากฏอยู่ในหมู่ทวยเทพ”
เมื่อข้าพเจ้าเห็นถึงคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ จึงคัดลอกใส่ในคอมพิวเตอร์ และร่วมมือกับมิตรสหายสามท่านร่วมทุนพิมพ์ฉบับภาษาจีนออกเผยแผ่ในปลายปีพ.ศ.2548 แต่เนื่องด้วยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือโบราณ ท่านเทพที่ประทานคำโอวาทก็เป็นคนโบราณ ผู้เขียนคำนำครั้งสุดท้ายในฉบับภาษาจีน ก็เป็นคนในปี ค.ศ.1928 คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ใช้จึงมีความแตกต่างกับภาษาจีนในปัจจุบัน ทำให้
การเผยแผ่อยู่ในขอบเขตจำกัด ฉะนั้นท่านปู่ “แปะกง”(ท่านปู่เวสสุวัณ) ที่ศาลเจ้าเจ้าพ่อเฮ่งเจีย เขตตลิ่งชันได้มีดำรัสให้แปลเป็นภาษาไทย เพื่อเผยแผ่สู่พี่น้องชาวไทยแต่รอจนกระทั่งต้นปี พ.ศ.2550 ยังไม่มีสานุศิษย์ท่านใดอาสาแปลงานชิ้นนี้ ท่านปู่ “แปะกง” จึงสั่งให้ข้าพเจ้าช่วยจัดการงานนี้ความจริงแล้ว ภูมิความรู้ความสามารถของข้าพเจ้ามีความจำกัดมาก แต่อาศัยศรัทธาจิตอันบริสุทธิ์ จึงรับอาสาแปลเป็นภาษาไทย และพิมพ์ถวายเผยแผ่เป็นธรรมบรรณาการเนื่องในวโรกาส วันคล้ายวันประสูติของยมศาสดาพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เจ้า วันแรม 14 ค่ำ เดือน 7 (ตามปฏิทินจีน)
ข้าพเจ้าเชื่อว่างานแปลชิ้นนี้ คงมีข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาดไม่น้อย จึงขอให้ท่านผู้อ่านผู้รู้ช่วยชี้แนะ ข้าพเจ้าขอน้อมรับจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในโอกาสต่อไป
เนื่องด้วยหนังสือเทวราชโองการเล่มนี้ บทบันทึกต่างๆมีบันทึกถึงราชวงศ์ รัชกาล ปีปฏิทินจีนโบราณ (เช่น ปีเจี๋ยปีอี่โฉ่ว) เป็นต้น ทำให้ท่านผู้อ่านที่ไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์จีนอ่านแล้วจะไม่เข้าใจหรือสับสน เพื่อให้ท่านผู้อ่านอ่านแล้วเข้าใจง่าย และยืนยันถึงความเป็นจริง ข้าพเจ้าได้นำเอาวันเวลาเหล่านี้ ไปเปรียบเทียบตำราจดบันทึกประวัติศาสตร์จีนใช้วงเล็บจดเป็นปี ค.ศ. (คริสต์ศักราช) เพื่อให้ท่านผู้อ่านอ่านแล้วสามารถเข้าใจว่า ยุคนี้เกิดในช่วงไหน ราชวงศ์นี้อยู่ในช่วงไหน รัชกาลนี้อยู่ในปีใด เพื่อท่านจะนำไปคำนวณเวลา และหาหลักฐานได้ง่าย
หนังสือเทวราชโองการ เป็นหนังสือกุศลที่ศักดิ์สิทธิ์ผู้อ่านท่านใด ถ้าสามารถตั้งใจอ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ต้นจนจบกุศลก็บังเกิด อ่านแล้วรู้สำนึก และปฏิบัติตามคำสั่งสอน และนำหนังสือเล่มนี้ออกเผยแผ่ แจกจ่ายญาติมิตรอานิสงส์ของมหากุศลนี้ จะบันดาลให้ท่านอายุยืนยาว ลูกหลานเจริญรุ่งเรือง
ด้วยเหตุที่หนังสือเทวราชโองการ เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์จึงขอให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายอ่านแล้ว โปรดเก็บไว้ที่สูง เพื่อแสดงถึงความเคารพ
วิริยะ วิรุณรัตนกิจ น้อมคารวะ
12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551