แปลโดยท่านพุทธทาส
เมฆขาวคลุม ร่างวัว เปลี่ยนตัวขาว
หนุ่มถึงคราว โปร่งใจ ไร้มัวหม่น
จันทร์ส่องเมฆ เสกสีขาว พราวสกล
ต่างเปลี่ยนตน ตามกฎ บทจร
ปรากฏการณ์ใหม่เกิดขึ้นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างขาวไปหมดจนทอตาวัวขาวผ่องทั่วทั้งตัวยืนอยู่ท่ามกลางเมฆขาวแสงจันทร์ขับความขาวลงปกคลุ่มพื้นพิภพ ทั้งนี้หมายถึงจิตหมดอวิชชา ในการบรรลุมรรคผลอันดับสุดท้ายมีแสงอันแรงกล้าของวิชชาแผ่ซ่านออกมา จนอะไรถูกเข้าพลอยขาวไปหมดและขับกันเองให้ขาวยิ่งขึ้นจนถึงที่สุดแห่งความขาว ทั้งคนและวัวก็สงบเย็นไร้สิ่งรบกวนใจ สิ้นความกังวล ไม่มีความอยาก ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตนในสิ่งใด เมื่อคนเราไม่มีความยึดถือแล้วดำหรือขาวก็ย่อมไร้ความหมายหรือความแตกต่างกันไปในตัว มีแต่สิ่งที่เหมือนกันเพราะเป็นของปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ด้วยกัน ดังนั้นสิ่งต่างๆ ก็ค่อยๆสลายไปตามลำดับของความมากน้อยแห่งเหตุและปัจจัย แสงจันทร์และเมฆก็อยู่ในสภาพเช่นเดียวกันนี้
บัดนี้มีดาวปรากฏขึ้นมา 4 ดวง แข่งดวงจันทร์ ซึ่งคงจะมีความหมายไม่มากไปกว่ากำลังจะรุ่งสาง เปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวัน เพราะดาวประกายพรึกของวิชชาเป็นนิมิตของความรุ่งสาง ดาวทั้ง 4 ดวงนี้จะเล็งถึงอะไรหากมิใช่เล็งถึงความสมบูรณ์ของสติปัฏฐานทั้งสี่