โดยโจวหุ้ยฉง
โจวหุ้ยฉง สอบได้ราชบัณฑิต ในปีอี่โฉ่ว ในรัชกาลเต้ากวง มีหนังสือจดบันทึกสิ่งที่น่าเคารพนับถือ มีบันทึกตอนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องราวสลายความแค้นของท่านจันเจ๋อหลิน บันทึกไว้ว่า
จันเจ๋อหลินเป็นชาวซิวหนิง ในเมืองฮุยโจว มีลุงทำงานเป็นพนักงานขายของในร้านซูสงเม่า ในเมืองฮั่นสั้งเมื่ออายุ21 ปี จันเจ๋อหลินได้ติดตามคุณลุงมาเมืองฮั่นสั้ง เพื่อศึกษาทำการค้า และพักอยู่กับคุณลุง ซึ่งเช่าห้องของคนแซ่วังอาศัยอยู่
รัชกาลเต้ากวงปีที่ 14 (ค.ศ.1834) คุณลุงของเขาก็ได้ถึงแก่กรรมเจ๋อหลินผู้เป็นหลาน ทุกคืนต้องกลับบ้านพักดูแลงานศพของคุณลุง
มีอยู่คืนหนึ่ง จู่ๆ จันเจ๋อหลินพูดจาคล้ายคนบ้าว่า“ข้าคือนางชุ่ยหวังสื้อ ช่วงข้ายังมีชีวิตอยู่ มีสามีแซ่หวังชื่อหยวน เป็นคนเจียซิง ในมณฑลเจ้อเจียง จันเจ๋อหลินร่างที่ข้าพเจ้าสิงอยู่นี้ชาติที่แล้วแซ่อู๋ ชื่อเอี้ยวเจิน เป็นคนอำเภอหนันชัง ในมณฑลเจียงซี
เนื่องจากอู๋เอี้ยวเจินมาทำการค้าที่เจ้อเจียง รู้จักกับสามีข้า และคบค้าเป็นสหายสนิท เมื่ออู๋เอี้ยวเจิน จะกลับหนานชัง สามีข้าหวังหยวนได้มอบเงิน 1,000 ตำลึงร่วมทำการค้ากับอู๋เอี้ยวเจิน
เวลาผ่านไปหลายปี สามีข้าหวังหยวนไปหาอู๋เอี้ยวเจินเพื่อทวงเงินทุนคืน แต่ที่ไหนได้ อู๋เอี้ยวเจินกลับปฏิเสธว่าไม่เคยเอาเงินมาร่วมทำการค้า ทำให้หวังหยวนบันดาลโทสะเกิดทะเลาะวิวาท จนเอามีดห้ำหั่นกัน แต่หวังหยวนสู้อู๋ไม่ได้ถูกอู๋ทำร้ายจนบาดเจ็บ ต้องหนีกลับจากหนันชัง
ข้าพเจ้าหวังชุ่ยได้ไปฟ้องศาลที่เจียซิง ทางการเจียซิงมีหมายจับไปเมืองหนันชัง จับอู๋เอี้ยวเจิน และตัดสินคดีลงโทษเนรเทศไปชายแดนเรื่องที่เล่ามาเกิดในรัชกาลเฉียนหลง ปีที่59 ค.ศ.1794
มาถึงรัชกาลเจียชิ่งปีที่ 6 (ค.ศ.1801) อู๋เอี้ยวเจินได้รับอภัยโทษกลับไปทำมาหากินที่หนันชังใหม่ แต่สามีข้าพเจ้าหวังชุ่ยได้รับบาดเจ็บต่อมาไม่นานก็ตายจากไป เหลือข้าตัวคนเดียวไม่มีที่พึ่งพา เมื่อได้ยินอู๋เอี้ยวเจินกลับไปทำการค้าใหม่ ข้าพเจ้าจึงไปหนันชังเพื่อทวงเงินกับอู๋เอี้ยวเจินที่ติดค้างสามีข้าอีกครั้ง
เมื่อไปถึง อู๋เอี้ยวเจินไม่เพียงไม่ยอมคืนเงิน ยังปิดประตูมิให้ข้าพเจ้าเข้าบ้าน ข้าพเจ้าหวังชุ่ยตัวคนเดียว ที่พักก็ไม่มีค่าเดินทางก็ไม่มี คับแค้นใจยิ่งนัก จึงตัดสินใจผูกคอตายหน้าประตูบ้านอู๋ อู๋เอี้ยวเจินหลบหนีออกจากบ้าน ไม่ถึง 2 ปี ก็เสียชีวิตเช่นกัน
รัชกาลเจียชิ่งปีที่ 19 (ค.ศ.1814) อู๋เอี้ยวเจินมาเกิดในบ้านตระกูลจัน เขาก็คือร่างที่ข้าสิงอยู่ ณ วันนี้จันเจ๋อหลินนั่นเอง
ข้าพเจ้าหวังชุ่ย วิญญาณวนเวียนป้วนเปี้ยนเข้าออกอยู่ในเมืองผีอาฆาตเป็นเวลามา 30 กว่าปี ตายโดยใช่เหตุตายด้วยความแค้น และแค้นนี้ต้องชำระ ข้าพเจ้าพลิกทั่วแผ่นดิน เพิ่งมาทราบว่าเขามาเกิดเป็นจันเจ๋อหลิน และมาอาศัยอยู่ ณ ฮั่งสั้งนี่เอง ข้าต้องเอาชีวิตจันเจ๋อหลินมาชดเชยเพื่อชำระแค้นเก่าของข้า
แต่ละคืน วิญญาณผีแม่นางหวังสื้อจะเข้าสิงร่างของจันเจ๋อหลินหลายครั้ง แต่ละครั้งจะใช้มือสองข้างของร่างบีบคอตัวร่างเอง ไม่ก็กัดมือกัดแขน ชกอกชกท้อง หรือใช้เล็บขีดข่วนทั่วร่างกาย ทำให้ทั่วร่างของจันเจ๋อหลิน ทั้งหน้าทั้งคอ เลือดไหลซิบๆ หน้าตาบูดเบี้ยว ทำให้ผู้เห็นรู้สึกตกตลึงและน่าสังเวช
เวลานั้น มีชายอายุ 70 กว่าปี ซึ่งพักอยู่บ้านเช่าเดียวกันชื่อวังหลั่งถิง เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ จึงเดินเข้าไปพูดคุยกับผีแม่นางหวังสื้อแนะแม่นางหวังสื้อว่า “ฟังท่านเล่ามาดูเหมือนมีหลักฐาน มีเหตุผล แต่เรื่องความแค้นนั้น ควรให้อภัย ควรอโหสิ ไม่ควรผูกพยาบาท และล้างแค้นต่อไปจะไม่มีวันสิ้นสุด แล้วที่ว่าติดหนี้คุณไม่ได้ชดใช้ ทำให้คุณกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เอาแบบนี้ได้ไหม? พวกเราจะเชิญพระมาสวดอภิธรรม ทำกงเต๊กให้เจ้า อนึ่งได้ช่วยชีวิตของจันเจ๋อหลิน อนึ่งท่านจะได้ไปผุดไปเกิดใหม่ เช่นนี้จะดีทั้งสองฝ่าย
วิญญาณผีแม่นางหวังสื้อ ฟังแล้วก็ตอบตกลงและพูดว่า “เวลานี้ข้ากับสามีข้าหวังหยวนมาด้วยกัน เรือทอดอยู่ที่ท่าน้ำตระกูลจู เมื่อพวกเจ้ารับปากจะสลายความแค้น และส่งเราทั้งสองไปผุดเกิด ควรทำเรือกระดาษใหญ่ลำหนึ่ง เตรียมรองเท้ากระดาษชายหญิงสองคู่ เงินสุวรรณบัตรยมโลก 10 พัน คนแจวเรือ และของเซ่นไหว้ให้ครบ พวกเราก็จะไป” ท่านวังหลั่งถิงจัดการตามวิญญาณผีแนะนำจนครบทุกประการ แต่เวลาผ่านไปเพียงสองวัน วิญญาณผีหวังสื้อก็เข้าสิงร่างจันเจ๋อหลินอีกแล้วพูดว่า “สามีข้าหวังหยวนยมบาลให้ไปเกิดใหม่แล้ว แต่ข้าซิยังถูกควบคุมอยู่ในยมโลกรอคอยคำสั่ง ข้าไม่ยอม ข้าต้องเอาชีวิต ของจันมาชดใช้ให้ได้”
หตุการณ์วิญญาณเข้าสิงร่าง และทำร้ายร่างกายของจันเจ๋อหลินเกิดขึ้นทุกคืน ยิ่งมายิ่งรุนแรง หลายวันต่อมาเรื่องนี้ทราบถึงหูของท่านเอี๋ยวเกิงซิน ซึ่งเป็นคนหั้นสั้งจึงรีบมาปรึกษากับวังหลั่งถิงว่า “ความแค้นของทั้งสองแก้ไขไม่ง่าย นอกเสียจากพิมพ์หนังสือเทวราชโองการอย่างเดียววิธีอื่นยากยิ่งนัก” และท่านเอี๋ยวก็เล่าเรื่องของตัวเองว่าอาศัยพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 500 เล่มออกแจกจ่ายจนสามารถโปรดมารดาตัวเองไปเกิดใหม่ และมารดาเขาก็มาเข้าฝันบอกลูกชายตัวเองจะไปเกิดใหม่แล้ว
ท่านเอี๋ยวยังเล่าต่อว่า เขามีเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อเอี๋ยวจื่อหวุน มารดาแม่นางโจวป่วยหนัก หมอรักษาไม่หายสุดท้ายอาศัยพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 500 เล่มถวายมารดาก็หายจากป่วยไข้
ฉะนั้น ทั้งสองปรึกษาแล้วตัดสินใจทำตามคำแนะนำของเอี๋ยวเกิงซิน ถึงจันเจ๋อหลินขาดทุนทรัพย์ในการจัดพิมพ์หนังสือ แต่เขาทั้งสองจะช่วยเหลือจนพิมพ์ให้สำเร็จ ว่าแล้วทั้งสองก็เขียนฎีกาว่าจะจัดพิมพ์หนังสือ 500 เล่ม และทำกงเต๊กให้หนึ่งคืนแทนจันเจ๋อหลิน เพื่อสลายความแค้น และโปรดหวังสื้อไปผุดไปเกิด
หลังจากเผาฎีกา คืนแรม 13 ค่ำ เดือน 6 วิญญาณของแม่นางหวังสื้อมาเข้าสิงร่างจันเจ๋อหลินอีก แล้วพูดว่า “เบื้องบนอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปเกิดใหม่ ณ ถิ่นเดิม ความแค้นของข้ากับจันเจ๋อหลินก็จบสิ้นเพียงแค่นี้
วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 พวกเขาได้คัดลอกหูสั้นเผย เป็นผู้นำเชิญพระมาสวดกงเต๊ก และจัดพิมพ์หนังสือ
ถึงวันขึ้น 6 ค่ำ ทุกอย่างทำเรียบร้อย ในคืนนั้น จันเจ๋อหลินเข้านอน ฝันเห็นตัวเองกับวิญญาณแม่นางหวังสื้อไปที่ศาลเจ้าบูรพาบรรพตมหาราช จันถูกทำโทษโดยโบยตี 30 ไม้แล้วสั่งแม่นางหวังสื้อจบสิ้นความแค้นนี้ ตื่นเช้าขึ้นมา จันเจ๋อหลินแสดงหลักฐาน น่องทั้งสองของตัวเองถูกโบยตีจนบวมเปล่งให้ทุกคนดู จากนั้นวิญญาณของแม่นางหวังสื้อก็ไม่มาปรากฏอีกเลย
ท่านเอี๋ยวเกิงซิน มุ่งสร้างกุศล ไม่เคยย่อท้อ เที่ยวนี้ได้ร่วมมือกับท่านหู ท่านวัง ช่วยคลี่คลายความแค้นในอดีตชาติของจันเจ๋อหลิน ยิ่งแสดงถึงความใจกว้าง และรอบรู้ของเขา และเรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของชาวโลก มนุษย์เราควรละเว้นการละโมบ และหลอกลวงตัวเอง
ท่านเอี๋ยวนำต้นฉบับของข้อความ มาให้ข้าพเจ้าพิสูจน์อักษร และแก้ข้อความที่ผิด ข้าพเจ้าชื่นชมจิตอันดีงามของท่านเอี๋ยว ทำตามเจตนารมณ์ของท่าน เพื่อชี้ให้ชาวโลกรับรู้ถึงความอัศจรรย์ของหนังสือเทวราชโองการ จึงบันทึกตามความเป็นจริง โดยไม่มีการแก้ไข
โจวหุ้ยฉงน้อมคารวะ
ท่านหยางเฉิงไจ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าอ่านบทบันทึกของโจวหุ้ยฉง ทำให้ระลึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านข้าพเจ้าเรื่องหนึ่ง หมู่บ้านเรามีหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง กลางวันแสกๆ ถูกผีทำร้ายจนกระอักเลือดเกือบตาย และสารภาพว่าชาติที่แล้วเขาได้บวชเป็นพระสงฆ์ แต่เกิดตัณหาไปชำเราเด็กหญิงคนหนึ่ง ทำให้เด็กหญิงคนนั้นเกิดความอับอายจนฆ่าตัวตาย วิญญาณของเด็กหญิงคนนั้น ไม่ยอมไปเกิด เวลานี้จะมาตามทวงชีวิตคืน เชื่อว่าตัวเองคงไม่รอดแน่ เมื่อสามีเขาได้ฟังเช่นนั้น รีบไปอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าจะพิมพ์หนังสือเทวราชโองการ 300 เล่ม เพื่อโปรดวิญญาณเด็ก และทำกงเต๊กสวดพระอภิธรรมให้เด็กอีกต่างหาก จากนั้น 3 วัน อาการของผู้หญิงคนนั้นทุเลาจนหาย เหตุการณ์นี้กับกรณีของจันเจ๋อหลินถึงจะแตกต่างกัน แต่มีเนื้อหา และความหมายคล้ายกัน จึงบันทึกให้ทุกคนรับทราบ