หนทางชีวิตมนุษย์นั้นขรุขระ หนูประพฤติตัวเสื่อมทรามตกลงสู่สัตว์
อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 5 กันยายน 2524 กลอนว่า:
อากาศเย็นสบายใกล้สารทพระจันทร์
โปรดสรรพสัตว์เวียนวนมาครบรอบ
จดบันทึกสารสวรรค์ใจนบนอบ
ตั้งจิตชองเพียรอบรมบ่มนิสัย
ประทับทรง ทรงแจ้งเกล็ดพุทธัง
เซินเต๋อถังดุจดั่งเรือทิพย์มาลัย
ผลิตอนุสารเพิ่มปัญญาเปล่งแสงชัย
ทุกบ้านได้สดับอ่านสราญสุข
อรหันต์จี้กง :เวลาประดุจน้ำไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ถึงฤดูใบไม้ร่วง พอพบดวงจันทร์เต็มดวง บุปผาก็บานสะพรั่งไม่ทราบว่า พวกท่านมีดวงจิตที่เต็มหรือเปล่า หรือเหมือนลมหนาวพัดสะบัดกระชากใบไม้ร่วงหล่น ท่านที่อยู่ในสำนักเซินเต๋อถังล้วนมีธรรมะทุกคนมีความกระตืนรือร้นต่อส่วนรวมทั้งนั้น ทุกวันคืนเร่งโปรดสัตว์สั่งสอนธรรม จิตดังจันทร์เพ็ญอารมณ์ดั่งน้ำในบ่อ ขอภาวนาให้ทุกคน ใจสดใสพบจิตแท้ธรรมกิจจงรุ่งเรือง
หยางเซิง :ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่เอาใจใส่ ห้าปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ถึงฤดูใบไม้ร่วง วิญญาณพบวิญญาณจนสามารถทำหนังสือเที่ยวเมืองนรกเที่ยวเมืองสวรรค์เสร็จเรียบร้อย ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ผมได้รับปัญญาธรรมทำให้บรรลุสัจธรรม ชื่นชมหนังสือ 2 เล่มได้แพร่ไปทั่วโลก แต่ก็ได้รับมารผจญไม่น้อย บ่อยๆไปในเวลาที่เงียบสงัดก็ตรวจสอบดูตัวเองรู้สึกว่าเมืองมนุษย์นั้นมีความยุ่งยากยิ่ง ในโลกที่ถือประโยชน์เป็นสำคัญแล้วยิ่งยาก ยิ่งจะหาหนทางเพื่อส่วนรวมแล้วยิ่งหาโอกาสได้ยาก เพราะฉะนั้นบางครั้งนึกอยากหาที่เงียบๆ อยู่บำเพ็ญเพียร ไม่อยากพบปะกับโลกีย์ อยากพบแต่ความสงบ แต่เนื่องด้วยบุญบารมีท่านอาจารย์ก็ได้รับบัญชาให้ทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ต้องรับภาระอันยิ่งใหญ่ ขอให้อาจารย์ช่วยเพิ่มพลังงานเพื่อเป็นแรงในการทำงานตามบัญชาของสวรรค์
อรหันต์จี้กง :หยางเซิงเธออย่าท้อใจ มีคำกล่าวว่า “เกิดเป็นคนนั้นง่าย แต่เพื่อคนนั้นยาก” ในหนทางชีวิตไม่มีทางที่ตรงเรียบไม่คดงอหรอก เราอุทิศกายเพื่องานสวรรค์ ไม่ให้สวรรค์เสียใจ ถึงแล้วซึ่งความกรุณาและความรับผิดชอบ นั่งรถเก่ามานานแล้วก็ย่อมยากลงจากรถ เปลี่ยนรถใหม่อีกคัน การพบปะของคนก็ขึ้นอยู่กับบุปเพสันนิวาส ร่วมอยู่หรือแตกแยกนั้นฟ้ากำหนด เรากำลังค้นหาที่หมายและความคิด เป็นคนย่อมไต่ขึ้นสูง น้ำย่อมไหลลงต่ำ โพธิสัตว์ เพื่อโปรดสรรพสัตว์ไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่ผูกติดอยู่ในที่เล็กๆหรืออยู่ในรูปๆเดียวเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ เป็นวิธีที่ไม่รู้จบสิ้น มีคำกล่าวว่า “จงพูดเหตุผลกับบัณฑิต อย่าออกอารมณ์กับคนพาล” หนทางสายใหม่ใช้ชีวิตแบบใหม่ ไก่ทองขานรับ สามแดนแผ่ร่มเย็นชะตาของเซินเต๋อถังรุ่งแล้ว รัศีส่องฉาย 3 โลก เราไปยังที่หมายกันเถิด
หยางเซิง :วันนี้จะไปที่ไหนดี
อรหันต์จี้กง :วันนี้เราไปตำบลพิงตงไปหาเจ้าหนู
หยางเซิง :รับบัญชา ผมนั่งนิ่งบนปทุมทิพย์แล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางเถิด
อรหันต์จี้กง :ถึงแล้ว
หยางเซิง :วันนี้อาจารย์ทำไมพาผมมายืนอยู่บนหลังคาบ้านที่นี่ดูเหมือนเป็นหมู่บ้าน บ้านอยู่อาศัยแบบสมัยเก่า เจ้าของบ้านกำลังดูโทรทัศน์
อรหันต์จี้กง :บ้านตระกูลลิ้ม ทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว กำลังชมรายการโทรทัศน์อยู่ยังไม่รู้ว่าหลังคาบ้านมีบุรุษ 2 นายมาถึง
หยางเซิง :อาจารย์ชอบพูดล้อเล่น เราเป็นวิญญาณเดินทางมาถึงที่นี่ ร่างกายเบาดังขนนก เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่รู้สึกตัวหรอก พวกเราก็นั่งกินลมให้เย็นสบายดีไหม?
อรหันต์จี้กง :ไม่ได้มานั่งกินลม วันนี้จะมาเยี่ยมเยือนหนูพวกมันซ่อนอยู่บนคานหลังคา ไม่กล้าวิ่งเพ่นพล่านกลัวคนเห็นใช้ตาทิพย์มองดู เห็นพวกหนูอยู่ใต้เท้าเรา ตรงนี้เป็นรังหนูฉันจะเอากระเบื้องออกสักแผ่นหนึ่ง ก็จะเห็นพวกมัน
หยางเซิง :เชิญอาจารย์เลย แต่ระวังอย่าทำให้พวกมันกลัว
อรหันต์จี้กง :เธอวางใจได้ ฉันมีวิธีการต่อพวกหนู เปิดออกแล้วเธอเห็นอะไรบ้าง
หยางเซิง :แปลกแต่จริงมีรังหนูอยู่ข้างใน มีหนูอยู่ 4 ตัวพวกมันไม่กระดุกกระดิก รู้สึกกลัวด้วย
อรหันต์จี้กง :พวกมันรอเวลาให้ดึกก่อน ค่อยลงจากคานหลังคาขโมยอาหารกิน “เจ้าหนู เจ้าหนู”ขดอยู่ทำไม ไม่สามารถเป็นนักขโมยใหญ่ได้ เป็นนักขโมยเล็ก วันนี้ฉันจี้กงจะให้ข้าวสารทิพย์ กินแล้วก็จะรู้ตัวตื่น ไต่ขึ้นสู่เทวภูมิบำเพ็ญธรรมะกันเถิด
หยางเซิง :พออาจารย์ท่องคาถา เมล็ดข้าวส่งถึงปากเจ้าหนูพวกมันกินจนน้ำลายสอ
อรหันต์จี้กง :อันนี้เป็นอาหารทิพย์ ไม่ใช่ยาพิษ มันกินแล้วจะเป็นหนูที่มีวิญญาณระลึกชาติ เธอก็จะได้พูดคุยกับมันได้
หยางเซิง :กินข้าวทิพย์แล้ว พวกหนูเริ่มเปล่งเสียงร้องไห้ส่งประกายตาที่ขอบคุณมายังเรา ตอนนี้ก็เริ่มเปิดปากพูดแล้ว
อรหันต์จี้กง :ฉันคืออรหันต์จี้กง วันนี้พานายหยางเซิงมาเยี่ยมเยือนพวกเธอ
หนู ก:ขอบคุณพระอรหันต์จี้กงที่ให้ข้าวทิพย์กิน และขอบคุณท่านหยางด้วย เมื่อครู่กินข้าวทิพย์แล้วร้อนไปทั้งตัว หัวมึนงงไปหมด สักครู่ก็รู้สึกถึงชาติก่อนได้ ในสมองเริ่มเห็นเหตุการณ์ความเป็นมาของตนเอง ขอให้ท่านอรหันต์โปรดช่วยฉันไปยังแดนสุขาวดีด้วยเถิด
อรหันต์จี้กง :ข้าวทิพย์เหมือนจะได้ผล พวกหนูสามารถไต่ได้ สูงสุดก็คือหลังคาบ้าน ก็ยังยาก ถ้าให้ไต่ถึงแดนสุขาวดีเกรงว่าเรี่ยวแรงจะไม่พอ หวังว่าเธอคงเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ฟัง ให้ชาวโลกได้ล่วงรู้เป็นการสร้างบุญ ช่วยลดกรรมเก่า จะได้เปลี่ยนร่างปัจจุบันเป็นผลตอบแทน
หนู ก :ได้ครับ ที่ผ่านมาทำบาปไว้มากกลัวจะเขียนไม่จบชาติก่อนผมเป็นคนฮ่องกงเป็นคนที่เรียกว่า อันไหนไม่บาปไม่ทำ ไม่เคยทำดี ตั้งแต่ขโมย จี้ปล้น เสพยาเสพติด รายรับไม่พอรายจ่าย ก็เลยขายยาเสพติดให้เพื่อนฝูง มีกำไรดี ยังข่มขืนผู้หญิง 3 คน ใช้ชีวิตสำมะเรเทเมากลัวตำรวจจะจับได้ ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ มีวันหนึ่งเมาเหล้าทะเลาะกับเขาถูกเขาฆ่าตาย วิญญาณลงนรกรับกรรม 12 ปี พอพ้นนรกก็กลับมาเกิดเป็นหนูมีอายุได้ 6 เดือนแล้ว พวกญาติหนูพวกนี้ก็เช่นเดียวกับผม ชาติก่อนเป็นคนเลวเกิดเป็นหนู ชีวิตไม่อิสระเสรี กลางวันก็นอน กลางคืนค่อยกล้าออกมาวิ่ง ยังต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวที่กลัวที่สุดคือพวกตำรวจถ้าเผลอก็ถูกจับไป
หยางเซิง :ที่ไหนจะมีตำรวจมาจับหนูละ?
หนู ก: แมวดำเหมือนตำรวจ พวกมันมีหน้าที่ดูแลข้าวปลาอาหารให้ปลอดภัย การกระทำของเราถ้าถูกจับได้ชีวิตไม่รอด เจ้าของบ้านเลี้ยงแมวดำไว้ตัวหนึ่ง พวกเรากลัวมากอยากจะขโมยกินก็อกสั่นขวัญแขวนถูกข่มขู่อย่างหนัก ชีวิตอย่างนี้ลำบากมากครับ หลบๆ ซ่อนๆ ผ่านไปวันๆ มีแต่โพรงมืดสำหรับนอน เสียใจชาติก่อนก่อกรรมทำเข็ญไว้มากวันนี้จึงอยู่ในสภาพที่น่าทรมานเช่นนี้ ท่านชาวโลกอย่าเลียนแบบผมเลย ถ้ามิฉะนั้นก็จะถูกยมบาลจัดที่อยู่ให้แบบนี้
หยางเซิง :ขอถามหนู ข.หน่อย ช่วยเล่าเรื่องที่ผ่านมาหน่อยได้ไหม?
หนู ข:ขอบคุณท่านอรหันต์และท่านหยางเซิง ตอนนี้ใจผมเต้นแรงมาก ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนดี ชาติก่อนเป็นนักพนันจมปลักอยู่ในสังคมมืดมานานแล้ว ค่อยๆ ตั้งตัวเป็นนายบ่อนเครื่องเล่นการพนันก็ทำเครื่องหมาย เชิญพวกเศรษฐีและหญิงสังคมมาเล่นการพนัน แรกๆ ที่ทำทีแพ้เพื่อล่อใจให้หลงดีใจ ต่อมาตอนหลังก็เล่นเอาชนะทั้งยังให้ราคาสูงกับเครื่องแต่งตัวเพื่อล่อให้เล่นต่อ เริ่มแรกก็แกล้งแพ้ ภายหลังเขียนสัญญาใช้เงิน พวกเขาเล่นจนบ้านแตกสาแหรกขาดฆ่าตัวตายพวกที่เล่นแล้วเลิกไม่กลับมาเล่นก็จะถูกขู่กรรโชกเอาชีวิตด้วยวิธีการนี้ ก็ทำให้กำไรมาก ต่อมาภายหลังก็มีอำนาจมืดจะขู่กรรโชก ฉันปฏิเสธการจ่ายเงินก็ถูกตาล่าสังหาร เนื่องจากกลัวอิทธิพลมืดก็เลยย้ายหนี ต่อมาก็ตั้งสำนัก “จินกวง” ใช้ต้มเงิน แกล้งให้หนุ่มคนหนึ่งทำเป็นโง่อยากหาหญิงสาว เที่ยวให้แม่เล้าหรือคุณนายเงินถังช่วยแนะที จะให้ค่าตอบแทนสูงโดยไปหลอกชาวบ้านว่า เจ้าหนุ่มคนนี้มีเงินมากเต็มกระเป๋าไปหมด ความจริงแล้วก็มีเงินจริงอยู่แค่ 2 ใบ ปิดอยู่ข้างบนและข้างล่าง ตรงกลางเป็นกระดาษเปล่าบอกกับแม่เล้าหรือ คุณนายให้มาเล่นการพนันกันมาก แล้วก็ต้มเงินพวกคุณนายพวกคุณนายหลงโลภมากในที่สุด ทั้งแหวน สร้อย เงินทองก็ถูกต้มจนเรียบ ตลอดชีวิตเป็นสิบแปดมงกุฏ แม้จะได้เงินมากๆ แต่ก็ใช้ไปกับกินเหล้าเมายา ผลที่สุดก็ไม่เหลืออะไรพออายุ 42 ปี เป็นมะเร็งที่กระเพาะตาย พอตายก็ถูกยมทูตจับลงนรก รับกรรมอยู่นาน เมื่อสามเดือนก่อนค่อยถูกปล่อยมาให้เกิดเป็นหนู ค่อยมาอยู่ในรังนี้ไม่มีความสบายเลย อยู่กิน ลับ ๆล่อๆ เห็นเจ้าแมวคอยเป็นยามจับตาดูความเคลื่อนไหวพวกเรา สามารถสิ้นชีวิตอย่างง่ายๆ คิดแล้วถ้าชาติก่อนเป็นคนประพฤติดี ชาตินี้ก็ไม่ต้องเป็นอย่างนี้
อรหันต์จี้กง :ชาติก่อนไม่ชอบทำงานที่เปิดเผย ชาตินี้ก็เลยเกิดในที่มืด ชาติก่อนต้มตุ๋น ชีวิตต้องรบราฆ่าฟัน ชาตินี้มีตาแมวควบคุม ทำให้มีชีวิตที่ร้อนรน ถ้าหากไม่ทำตัวให้ดีชอบทำตัว เช่น หนู สวรรค์ก็กำหนดชีวิตให้อย่างเหมาะสม เกิดเป็นหนูไม่ต้องโทษใคร ต้องโทษตัวเอง
หยางเซิง :ทำไม (คนจีน) ชอบเรียกหนูแก่ไม่เรียกหนูเล็ก
อรหันต์จี้กง :พวกมันแก่วิชา สามารถมากจึงเรียก หนูแก่ ชาตินี้เป็นหนูก็ดำเนินชีวิตแบบเก่า-ลักขโมย แต่ไม่มีความสุขสบายเหมือนชาติที่แล้ว พวกหนูที่กินข้าวทิพย์แล้ว พอสิ้นชาติก็จะไปเกิดเป็นคน หยางเซิงขึ้นดอกปทุมทิพย์ เราไปเยี่ยมหนูนากันเถอะ
หยางเซิง :ให้ไปหาที่ไหนครับ?
อรหันต์จี้กง :ชนบทเมืองไถ่นาน ขึ้นดอกบัวเถอะ
หยางเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว
อรหันต์จี้กง :ศิษย์อาจารย์ขับเคลื่อนประทุมทิพย์ ฝนฟ้ากำลังตกแต่ไม่เปียกทิพย์ของเรา หลังอุทกภัย นาข้าวถูกน้ำท่วมหมดมีความทุกข์ยิ่งนัก จะร้องกล่อมให้ฟัง 5 บท
บทที่ 1.
เวลารวดเร็ดผ่าน ดั่งสายธารไม่หวนกลับ
เกาหัวถอนใจรับ ถามจิตพลันน้ำตานอง
ยามหนุ่มมัวร้องรำ ยามแก่ครันก็มัวหมอง
หากจิตยังลำพอง กองกระดูกเสียแรงฝัง
บทที่ 2.
สรรพกิจดุจฝันหวาน โชคมักผ่านรวดเร็วกิจ
ไม่ตั้งใจพินิจ ไม่คาดคิดทั้งทุกข์สุข
ความสงบมิอาจพบ ยอมสยบเพราะดวงกุด
กฎเกณฑ์นี้จะหยุด แก่ผู้ลุวิมุติธรรม
บทที่ 3.
ฟ้าดินสลับเปลี่ยน ชีวิตเวียนดุจน้ำไหล
คาดผิดทิศทางใคร เหนือใต้ขึ้นลงโด่งลด
ลาภยศดุจไม้บาน นางนวลทะยานเหนือน้ำกร
เหตุไฉนปลงไม่ตก เสียแรงยกยิ่งเดือดร้อน
บทที่ 4.
มองเห็นไม่เสียดาย ความทุกข์คลายมลายสิ้น
ปลดห่วงโซ่หยุดดิ้น หลุดพ้นจากความเป็นตาย
พื้นทะเลคลื่นลมจัด พ่นทรายกัดหินผากลาย
กำแพงจีนยาวเรียงราย ได้ยินคล้ายเสียงน้ำไหล
บทที่ 5.
หาดทรายซ่อนเพชรพลอย บทกลอนน้อยไร้อักขระ
ผู้กล้ามีมานะ ถือศีลละลาภยศ
นักปราชญ์เป็นแกนพา พญาหงส์เหนือวิหก
สำเร็จเหนือวิตก ชื่อถูกยกเหนือสวรรค์
กล่าวจบบทเตือนสติ พวกเราก็มาถึงหมู่บ้านเจี่ยหลี นอกเมืองไถนาน ตอนนี้จะสอบถามพวกหนูนาที่อาศัยอยู่ในรูดิน ถามทุกข์สุขพวกมันดู
หยางเซิง :พื้นดินค่อนข้างชื้นแฉะ
อรหันต์จี้กง :เพราะน้ำขังตอนฝนตก
หยางเซิง :พวกเราจะไปหารูหนูที่ไหน
อรหันต์จี้กง :ไม่สนว่าพวกหนูอยู่ที่ไหน ตาทิพย์ย่อมมองเห็นในกองหินดูเหมือนว่ามีรูหนูอยู่
หยางเซิง :อาจารย์ตาวิเศษ ข้างกองหินมีรูเล็กๆ แต่มองไม่เห็นหนูเลย
อรหันต์จี้กง :ในรูนี้มีหนูอยู่ 2 ตัว กำลังหลบอยู่ที่ชื้นแฉะ ฉันจะใช้คาถาเรียกมันออกมา “หนูนา พวกเรากินพืชไร่หมดแล้วยังไม่ได้ลิ้มลองรสปลาสด วันนี้ฉันจับปลาสดๆ มาได้ 2 ตัวเอามาฝากเป็นของขวัญ รีบออกมารับเสีย ถ้ามิฉะนั้นจะโยนทิ้งก็จะเสียดาย”
หยางเซิง :อาจารย์วาดปลา 2 ตัวในฝ่ามือ มันกระโดดโลดเล่นเต้นด้วย เอาไปวางไว้ตรงปากรู แต่มีกลิ่นเหม็นคาวจัด ในรูเริ่มมีเสียงอึกทึก เจ้าหนูตัวหนึ่งตาลุกวาว วิ่งออกมา ตามหลังมีหนูอีกตัวหนึ่ง พวกมันเห็นปลาสด จ้องดูเหมือนไม่กล้าจับ
อรหันต์จี้กง :เจ้าสองตัวนี้ใจปลากซิว เห็นปลากระโดดได้ น้ำลายสอริมปาก แต่จิตใจยังเกรงกลัวไม่กล้าออกมาจับเราล่อมันออกมาแล้ว ฉันคิดว่าแปลงปลาให้เป็นน้ำ โปรยข้างทิพย์ที่หอมให้มันลองกิน จะได้ไม่ทำให้หนูศีลขาด “น้ำใสเห็นตัวปลาน้ำขุ่นปลาหาย” ข้าวทิพย์อยู่ตรงหน้ากินเสียซิ!
หยางเซิง :อาจารย์ท่องคาถา ปลา 2 ตัวหายวับไปกลายเป็นข้าว 2 กำอยู่หน้ารูหนู กลิ่นหอมยวนจมูก พวกหนูรีบอ้าปากกินเห็นขนมันเปียกปอน ดูท่าทางจะหิวมาก
อรหันต์จี้กง :ฝนตกติดต่อกันหลายวัน มัวหลบฝนอยู่ในรูไม่ได้ออกหาอาหาร ท้องจะไม่หิวได้อย่างไร รอสักครู่มันก็จะมีวิญญาณเดิมปรากฎ เจ้าก็เริ่มถามไถ่ได้
หยางเซิง :หนู 2 ตัวกินข้าหมดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมันหมอบนิ่ง หยุดคิดชั่วครู่ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ค่อยๆ มีพละกำลังขึ้น เริ่มพูดจาได้แล้ว
หนูนา ก :ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่เสกเป่าให้มิวิญญาณเดิม
อรหันต์จี้กง :ฉันคืออรหันต์จี้กง เขาเป็นศิษย์รักของข้า อยู่สำนักเซิ่นเต๋อถัง เมืองไถจง ได้รับบัญชาให้มาทำหน้าหนังสือเรื่อง “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” วันนี้มาหาเราเป็นพิเศษ เมื่อครู่เจ้ากินข้าวทิพย์ ทำให้วิญญาณเก่าระลึกได้ ก็นับว่ามีบุญมากอยู่ หวังว่าจะเล่าเรื่องชาติก่อนให้ฟังว่า ทำบาปอะไรไว้ จงเล่าความจริงให้คุณหยางเซิงฟังจะได้จดบันทึกลงในหนังสือจะได้บุญกุศลไม่น้อย อย่าพลาดโอกาสทอง ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนอีก
หนูนา ก:อย่างนี้เอง ในใจขอขอบคุณอย่างมาก เมื่อครู่เราสามี-ภรรยาอยู่ในรูได้กลิ่นคาว เพราะว่าฝนตกมาหลายวัน ในรูก็น้ำเข้า เราซ่อนตัวอยู่ข้างใน คิดว่าจะถูกน้ำท่วมตาย โชคดีที่ไม่รุนแรง แต่ก็ถูกเจ้าความหิวทรมาน ได้กลิ่นคาวปลาท้องยิ่งร้องขึ้นใหญ่ ดังนั้นข้าและภรรยาเลยออกมาดูให้รู้แน่ พอพ้นปารูเห็นปลา 2 ตัวยังเป็นๆ อยู่ เราก็ค่อนข้างกลัว ไม่กล้าไปจับ ประเดี๋ยวเดียวเจ้าปลา 2 ตัวก็หายไป ได้กลิ่นหอมหวลของข้าวอยู่ข้างหน้า อดใจรอไม่ไหวรีบกินกลืนอย่างรวดเร็วในชีวิตยังไม่เคยกินข้าวอร่อยๆ เช่นนี้มาก่อนเลย พอกินเสร็จก็มืดหน้าตาลาย รู้แต่ลมหายใจ แล้วร่างก็ค่อยๆ เบาขึ้นมาทันใดก็คิดถึงอดีตชาติขึ้นมาได้ว่า เกิดเป็นคน พอได้ยินท่านอรหันต์พูดจึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด
อรหันต์จี้กง :พวกเจ้าปกติขโมยกินแต่พืชไร่ดิบๆ ข้าวของฉันเป็นข้าวทิพย์ ได้ปรุงมาอย่างดีเพื่อให้คนที่ถือศีลกิน เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเจ้ากินเข้าไปแล้วก็มีความรู้สึกดังกล่าวรีบเล่าเรื่องของเจ้ามา
หนูนา ก:ชาติที่แล้ว เราสองสามี-ภรรยาได้ประกอบอาชีพสกปรก ชำนาญในการหลอกลวงหญิงชาวบ้าน ซึ่งเป็นเด็กสาววัยรุ่น แล้วก็บังคับขายกาม ภรรยาฉันก็เป็นหญิงส่ำส่อนมาก่อนฉันก็เป็นคนชอบกินดีอยู่ดีแต่ขี้เกียจทำงาน ความโสมมของทั้งสองจึงอยู่ด้วยกันได้ ช่วยกันตั้งสำนักนางโลม ก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้มาก ต่อมาก็ใช้ชื่อปลอมตั้งแชร์ แล้วก็ล้มแชร์หนีไป ใจก็กลัวเขาจะจับได้จึงเที่ยวซ่อนตัวอยู่ทั่วไป เงินไม่บริสุทธิ์อยู่ได้ไม่นาน โรคภัยเริ่มเล่นงาน ทำให้เดินเหินไม่ได้ ภรรยาฉันก็เป็นกามโรคอันเนื่องจากขายของเก่า เงินที่หามาได้ก็ใช้หมดไปกับยาและการรักษา ทรมานแสนสาหัส เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ภรรยาก็เจ็บหนักไม่สามารถขายของเก่าได้ จิตใจ เนื้อกายเจ็บปวดไปหมด อยู่มาวันหนึ่ง ตายแล้วร่วม 10 วัน ซากศพเน่าเปื่อยแล้วถึงมีคนรู้เห็น ก็ถูกนำไปฝังส่งๆ ไป ตลอดชีวิตสามี –ภรรยา ก่อกรรมทำเข็ญให้กับผู้อื่นไว้มาก ประกอบอาชีพสกปรก หลอกลวงต้มตุ๋นเงินทอง จึงได้รับกรรมสนองอย่างนี้ ทรมานแสนสาหัส พอตายแล้วก็ลงนรก ถูกลงโทษต่างๆ นานาเราได้เกิดเป็นหนูนา 3 ครั้งแล้วมีชีวิตอยู่ในรูมืดที่ไร้แสงตะวันบางครั้งยังถูกงูพิศทำร้าย หรือไม่ก็ถูกน้ำท่วมบ้านวันธรรมดาก็เที่ยวขโมยถั่ว อ้อย ผัก กินไปวันๆ ชีวิตลำเค็ญ ชีวิตในโลกมนุษย์สุขสบาย ควรจะถนอมตัว ถ้าตกนรกจะทุกข์เหลือหลายถ้าไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ยิ่งแย่ลงไปใหญ่ ได้แต่เที่ยวขโมยเขากิน ถ้าไม่ระวังก็กินถูกยาเบื่อ ตายลูกเดียว ชีวิตไม่มีหลักประกัน ตอนมีชีวิตสุรุ่ยสุร่ายอาหารกินเหลือเฟือ เมื่อเทียบกันแล้วแตกต่างกัน ราวฟ้ากับดิน
อรหันต์จี้กง :หนูเป็นภัยสังคม หนูนาก็เป็นภัยกับเกษตรกรมีคำกล่าวว่า “หนูนาวิ่งข้ามถนน ใครๆ ก็ร้องให้ตี” ใครสอนให้เจ้าไม่ทำดีชาติก่อน จึงได้รับกรรมตอบสนองอย่างนี้ ต้องโทษตนเอง โชคที่เจ้ากินข้าวทิพย์ ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนใหม่ ดำรงชีวิตที่สุจริต อย่าประกอบกรรมชั่ว จะได้ไม่ต้องมาอยู่ในรูดินแบบนี้
หนู นา ข :ขอขอบคุณ ท่านอรหันต์และท่านหยางเซิงวันนี้ได้มาโปรดเราสองคน ยังสั่งสอนด้วยปิยวาจา ทุกๆคำจะจดจำไว้ ชาติหน้าจะทำบุญไหว้พระ จะตอบสนองคุณท่านทั้งสอง
อรหันต์จี้กง :รู้สำนึกผิด ขอให้ละกิเลสกลับสู่สุจริตธรรมจะได้จากร่างหนูสู่สภาพชนอีกครั้ง ถึงเวลาฉันจะมาช่วยเธอเอง
หยางเซิง :ทำไมคนใจไม่กล้า จึงถูกเรียกว่า ใจปลาซิว ดังใจหนู?
อรหันต์จี้กง :เพราะว่าชาติก่อนพวกหนูมีใจกล้าเหิมเกริม เลวทราม พอถูกยมบาลลงโทษกลับกลายเป็นหัวขโมยเล็กขโมยน้อย พอเห็นคนหรือแมวก็กลัวลาน หลบซ่อน เป็นการทำลายจติกล้าแข็งของชาติก่อน จิตใจเลยเล็กดังปลาซิว สวรรค์ก็ลงโทษเลยเรียกว่า ใจปลาซิวดังใจหนู วันนี้หยุดการเยี่ยมเยือนรีบขึ้นปทุมทิพย์ กลับสำนักกัน
หยางเซิง :รับบัญชา ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับได้
อรหันต์จี้กง :ถึงสำนัก เซินเต๋อถังถึงแล้ว หยางเซิงลงมาได้ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม