พระจี้กงประทับทรง วันที่ 15 เมษายน 2527
เหลิงอำนาจ หลงรูปทรง ซึ่งไม่เที่ยง
มุ่งแต่เพียง ลุโมหะ ริษยา
คดีเศร้า ในอดีต ตีแผ่มา
โอ้ หึงษา เหตุนำ ตำนานเลือด
พระจี้กง :จิตมนุษย์นั้นช่างน่ากลัว จิตริษยา จิตเหี้ยมโหด จิตพยาบาท จิตประทุษร้าย จิตโอหัง จิตไม่เป็นสุข จิตเหล่านี้ล้วนเป็นจิตที่ให้โทษ ในคัมภีร์กล่าวว่า “จิตให้โทษบุคคลมิพึงมี” ทว่าในโลกนี้ก็ยังมีบุคคลดื้อรั้น ไม่ยอมเชื่อฟังโอวาท คิดว่าการให้โทษบุคคลอื่นเป็นเรื่องสนุก ดังนั้นจึงมักก่อเหตุวุ่นวายเป็นเนืองนิจ เช่น ยุยงให้ทำร้ายบุคคลอื่น โดยเฉพาะการวางแผนฆ่าคน
ไช่เซิง :จริงของอาจารย์ จิตมนุษย์นั้นอันตรายจริง ๆ ทว่าไฉนวันนี้อาจารย์ถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
พระจี้กง :ก็วันนี้แหละ ที่อาจารย์จะนำเธอไปดูสภาพลงเอยของบุคคลเช่นว่านี้
ไช่เซิง :คงน่าสังเวชไม่น้อย
พระจี้กง :เมื่อเธอเห็นแล้วจะรู้เองตอนนี้ขอปิดไว้ก่อน
ไช่เซิง :ครับ...งั้นผมจะไม่ถามละ
พระจี้กง :เราออกเดินทางกันเถอะ
ไช่เซิง :ครับ...ผมนั่งดอกบัวมั่นดีแล้ว ไปได้แล้วครับ
พระจี้กง :ไช่เซิง...ตั้งแต่เปิดสำนักมา รู้สึกเป็นไงบ้าง ?
ไช่เซิง :ศิษย์ปัญญาน้อย ที่ทุกวันนี้สามารถแบกภารกิจทางธรรมของทั้งสองแห่งได้ ผมก็ยังประหลาดใจตนเองแต่เมื่อพิเคราะห์ดูแล้ว ก็คงเป็นเพราะมีเหล่าเทพพรหมคอยให้การส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผมสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้น กระผมจึงขอขอบใจในความเมตตาการุณย์ของเทพพรหมทุกท่าน และการสนับสนุนให้กำลังใจอย่างต่อเนื่องของสาธุชนผู้เปี่ยมด้วยจิตกุศลทั้งหลายด้วย ผมรู้สึกขอบใจจริง ๆ
พระจี้กง :ควรใช้คำว่า “ขอบคุณ” ดีกว่า “ขอบใจ” เพราะว่าหากใครคนหนึ่งจิตใต้สำนึกรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจแล้ว คนนั้นก็จะไม่น้อยเนื้อต่ำใจ และไม่วาจะอยู่ในท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ยากลำบากเพียงใด เขาก็ย่อมรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนประสบอยู่ ทว่าบางคนมิเป็นเช่นนั้น ชอบไปโทษฟ้าดินโดยกล่าวทำนองว่า “สวรรค์เบื้องบนอยุติธรรม” ซึ่งแท้จริงนั้นสวรรค์เบื้องบนยุติธรรมเสมอ
ไช่เซิง :อาจารย์หมายความว่าอย่างไร?
พระจี้กง :เธอลองคิดดูซิ การหมุนรอบตัวเองของโลก การโคจรของดวงจันทร์ อากาศร้อนหรือหนาวของฤดูกาลที่หมุนเวียน การเวียนเกิดเวียนตาย อายุยืนหรือสั้นของคน เหล่านี้ย่อมเป็นไปตามกำหนด ดังนั้นดวงชะตาของทุกคน ล้วนแต่ตนเองเป็นผู้สร้างขึ้นและกำหนดเอง วิบากกรรมของคนก็เช่นกัน ล้วนแต่ตนเป็นผู้สานก่อขึ้นเองทั้งสิ้นทำดีก็ได้ผลที่ดีตอบ แต่วิธีการบำเพ็ญธรรมนั้นแตกต่างกัน การบำเพ็ญธรรมดุจเรือแพแล่นทวนกระแสน้ำ ดังนั้นจึงจำต้องผ่านการทดสอบจากความทุกข์ยากลำบากเสียก่อน
ไช่เซิง :มิน่า...จึงมีบางคนโอดครวญว่า ทำดีไม่ได้รับผลดีตอบแทน แท้ที่จริงคนที่มีความเห็นเช่นนี้ เพราะเข้าใจความหมายแห่งการบำเพ็ญธรรมคลาดเคลื่อนไปนั่นเอง
พระจี้กง :ใช่แล้ว ...มีนักปฏิบัติธรรมบางคนอาจหลงอยู่ระหว่างทางเสียพักใหญ่ บางคนปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง บางคนก็ละทิ้งเสียกลางคันก็มี
ไช่เซิง :ถ้าละทิ้งกลางคันก็น่าเสียดายมาก
พระจี้กง :นี่แล้วแต่บุพกรรมของตน เช่น สติปัญญาไม่พอบ้าง หรือมีเจ้ากรรมนายเวรมาก เหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคแก่การบำเพ็ญธรรม เว้นแต่ผู้มีความเพียรมั่นคงมีใจใฝ่ธรรมะไม่เสื่อมถอย จึงจะสามารถก้าวสู่ภูมิสวรรค์เมืองแมน
ไช่เซิง :ขอให้นักปฏิบัติทั่วหล้า จงมุ่งมั่นสู่ทิศทางนี้ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์
พระจี้กง :เอาละ...หัวหน้าของแดนนี้ได้รออยู่นานแล้วเราลงไปเถอะ
ไช่เซิง :ครับ...กระผมนายไช่เซิง ขอคารวะท่านหัวหน้าครับ
หัวหน้า :ไช่เซิง ตามสบาย ...แต่เอ...ลิขิต “ท่องอเวจี” ไม่ใช่คุณชิวเซิงหรือ ? ทำไมเปลี่ยนเป็นคุณไช่เซิงล่ะ ?
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า เดิมทีหนังสือเรื่องนี้ กะว่าจะแบ่งเป็น 2 เล่ม แต่เพื่อให้ชาวโลกได้อ่านหนังสือ “ท่องอเวจี” อย่างต่อเนื่องรวดเร็วขึ้น ดังนั้นจึงได้เร่งงานมาลิขิตนอกโปรแกรม
หัวหน้า :อ๋อ...อย่างนี้เอง ..เข้าไปพักผ่อน ข้างในก่อนเถอะ
พระจี้กง :อาตมาว่าไม่ต้องหรอก ภารกิจสำคัญกว่า เราตรงเข้าไปดูในคุกเลยดีกว่า
หัวหน้า :ก็ดีเหมือนกัน (ขณะนี้พระจี้กงและหัวหน้าเดินเข้าไปในคุก ไช่เซิงเดินตามหลัง พระจี้กงเอาดวงแก้ววิเศษออกจากกล่องส่องสว่างไสว)
ไช่เซิง :โอ....ช่างน่าสะพรึงกลัว สถานที่เช่นนี้อยู่กันได้อย่างไร ? เอ...นั่นไฉนมีสัตว์รูปร่งกลม ๆ ร้องเสียงอู้อี้
หัวหน้า :นั่นไม่ใช่สัตว์
ไช่เซิง :ไม่ใช่สัตว์แล้วเป็นอะไรครับ ?
หัวหน้า :เธอเข้าไปดูใกล้อีกหน่อยจะรู้เอง
ไช่เซิง :ก็ยังดูไม่ออกว่าเป็นอะไร
พระจี้กง :อาจารย์จะเสกน้ำมนต์ เดี๋ยวก็รู้เอง
ไช่เซิง :โอ นั่นเป็นคนนี่....เป็นคนที่ไร้แขนขาและตาดูน่าสะพรึงกลัว
พระจี้กง :ไช่เซิงเธอทราบไหมว่าเขาคือใคร ?
ไช่เซิง :เป็นใครครับ?
พระจี้กง :เป็นบุคคลที่มีอำนาจราชศักดิ์สูงส่งคนหนึ่ง
ไช่เซิง :แบบนี้ผมเดาไม่ถูก จะต้องให้ผมเข้าไปสัมภาษณ์ไหมครับ ?
พระจี้กง :เขาทั้งหูหนวด ทั้งใบ้ ทั้งตาบอด เธอไม่มีทางสัมภาษณ์เขาได้หรอก เดี๋ยวให้ท่านหัวหน้าอธิบายดีกว่า (พระจี้กงเรียกหัวหน้าแดน)
หัวหน้า :ท่านจี้กงเรียกผม ไม่ทราบว่ามีอะไรครับ ?
พระจี้กง :เนื่องจากวิญญาณบาปคนนี้ ไม่สามารถพูดจา อยากขอให้ท่านช่วยอธิบายถึงการก่อกรรมชั่วของเขาสมัยเป็นมนุษย์ เพื่อบันทึกลงในหนังสือเป็นอุทาหรณ์แก่ชาวโลก
หัวหน้า :ได้ครับ...พูดถึงคนผู้นี้ เป็นบุคคลสูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์จีน
ไช่เซิง :บุคคลสูงศักดิ์คนไหนครับ?
หัวหน้า :ก็คือ “พระราชินีลื่อ” พระชายาพระเจ้าฮั่นเกาโจว จักรพรรดิผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่น
ไช่เซิง :เมื่อเป็นถึงพระราชินี ไฉนจึงมีสภาพเป็นเช่นนี้ ?
หัวหน้า :เรื่องนี้เธอคงไม่รู้
ไช่เซิง :ขอรบกวนท่านหัวหน้าช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วยครับ
หัวหน้า :ย้อนหลังถึงพระเจ้าฮั่นเกาโจวเล่าปัง (หลิวปัง) สมัยยังหนุ่มก็เคยตกอับอยู่ช่วงระยะหนึ่ง ตอนนั้นนางลื่อก็ยังติดตามร่วมทุกข์สุขกับเล่าปัง ไปทุกแห่งเพื่อสร้างประเทศ
ไช่เซิง :แล้วเขาสร้างบาปกรรมใด ? จึงต้องตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้
หัวหน้า :เรื่องมีสาเหตุที่มา ที่เขาต้องมีสภาพเช่นทุกวันนี้คือ ตอนแก่ชรา เนื่องจากอายุมาก สมรรถภาพทางเพศเสื่อมถอยไปตามวัย และสามีเขาคือพระเจ้าฮั่นเกาโจวเป็นถึงประมุขของประเทศ ดังนั้นจึงมีนางสนมอยู่ในวังหลังจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีนางสนมคนหนึ่งชื่อ “พระนางเช็ก” ซึ่งเป็นที่ทรงโปรดปรานมากที่สุด ดังนั้นจึงทำให้ราชินีลื่อเกิดความหึงหวงริษยา พยายามทุกวิถีทางที่จะกำจัดพระนางเช็ก แต่ก็ถูกพระเจ้าฮั่นเกาโจงพยายามปกป้อง จึงได้รอดพ้นภัย ราชินีลื่อเห็นดังนั้น ก็ยิ่งเพิ่มความเคียดแค้นอยู่ในใจดังไฟสุมอก จนเมื่อพระเจ้าฮั่นเกาโจวสวรรคตแล้ว พระราชินีลื่อจึงได้สั่งให้คนจับพระนางเช็กไปตัดแขนขา ควักดวงตาทั้งสองข้าง ตีแก้วหูจนแตก และตัดลิ้นจนขาด เป็นเหตุให้พระนางเช็กทั้งหูหนวก ทั้งใบ้ ทั้งตาบอด และทั้งเดินเหินไม่ได้ จากนั้นก็นำพระนางเช็ก ไปขังไว้ในอุโมงค์ของสวนดอกไม้วังหลังขานนามว่า “มนุษย์สุกร” การปฏิบัติดังกล่าวนับว่า เป็นการฆ่าคนที่ทารุณป่าเถื่อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติก็ว่าได้
ไช่เซิง :โอ เหี้ยมโหดเหลือเชื่อ อย่างนี้แปลว่าผู้ใดสร้างกรรมใดก็ต้องรับกรรมนั้นทุกกระเบียดนิ้วเลยน่ะซิ
หัวหน้า :แน่นอน...อย่างการกระทำที่โหดเหี้ยมและจิตใจที่ป่าเถื่อนเช่นนี้ จะสามารถหนีพ้นเงื้อมมือของกฏแห่งกรรมได้หรือ ?
ไช่เซิง :ดังนั้น ทุกวันนี้จึงต้องรับโทษทัณฑ์อันสุดแสนทุกข์ทรมานจากขุมนรกจนเขาไม่อาจได้ยิน ไม่อาจพูด ไม่อาจมองเห็น ไม่อานเดินเหินไปไหน และมีรูปร่างไม่เหมือนผู้คนใช่ไหมครับ ?
หัวหน้า :ใช่แล้ว นี่คือการส่งผลของกรรมที่ก่อ
ไช่เซิง :นี่เป็นเพราะจิตริษยาในขณะนั้น ที่พลิกผันจนต้องมีสภาพเป็นเช่นนี้ ซึ่งไม่คุ้มกันเลย
พระจี้กง :ฉะนั้น อย่าคิดว่าจิตริษยาเป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะเมื่อผลแห่งกรรมชั่วสุกงอมเต็มที่แล้วก็ย่อมสามารถก่อเป็นเรื่องเศร้าสลดเป็นประวัติการณ์ได้ ผลแห่งกรรมของราชินีลื่อ ก็คือตัวอย่างเป็นอุทาหรณ์อย่างดีอันหนึ่ง เอาละ...ดึกมากแล้ว วันนี้ยุติเพียงเท่านี้ก่อน
ไช่เซิง :ขอบพระคุณในความเอื้อเฟื้อของท่านหัวหน้า กระผมขอลาก่อน
หัวหน้า :ขอส่งท่านจี้กงและคุณไช่เซิง
พระจี้กง :ไช่เซิงขึ้นนั่งดอกบัวให้เรียบร้อย
ไช่เซิง :ผมนั่งมั่นดีแล้ว อาจารย์กลับได้
พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ไช่เซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง
เมื่อปลงเสียได้ก็จากไป เมื่อวางไม่ลงก็กลับมาใหม่