ประทับทรง วันที่ 8 พฤษภาคม 2527
เทพดาวหลิว :
บรรยากาศ มงคล คลุมโรงธรรม
สิ่งเลิศล้ำ หนังสือธรรม ทอดบุตรหลาน
อุตสาหะ ห้าเดือน หาใดปาน
จักเล่าขาน ไปทั่ว ทุกแดนดิน
พระจี้กง:
จุติสู่ เมืองมนุษย์ โปรดผู้หลง
นำศิษย์ลง ท่องนรก ยมสถาน
หนังสือธรรม ศักดิ์สิทธิ์ ใช่นิทาน
สำเร็จงาน เลี้ยงฉลอง ผองเทวา
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า อาตมาได้ลงมาเมืองมนุษย์ ลิขิตหนังสือหลายครั้งหลายครา เพื่อช่วยกิจกรรมธรรมะของสำนักเซิ่งเทียน และ “ท่องอเวจี” ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ลิขิต บัดนี้อาตมารู้สึกเบาใจขึ้นอีกโข โดยเฉพาะนาม “จี้กง” ของอาตมานี้ คงได้ดังอีกครั้งหนึ่ง ชิวเซิง...วันนี้ท่านโพธิสัตว์กษิติครรภ์ได้จัดงานเลี้ยงฉลองหนังสือสำเร็จ เรารีบไปร่วมงานฉลองกันเถิด
ชิวเซิง :อาจารย์หมายความว่า วันนี้เป็นตอนอวสานของเรื่อง “ท่องอเวจี” แล้วซิ ไม่จบเร็วไปหรือครับ ?
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า ชิวเซิง เธอยังไม่เข้าใจ “อเวจี” คือชื่อย่อของนรก 18 ชั้น ดังนั้นคำว่า 18 ก็คือคำแทนของอเวจี เหตุนี้เบื้องบน จึงให้จบในตอนที่ 18 อาตมาก็รู้สึกว่ามีความหมายดีนะ
ชิวเซิง :อ๋อ ...เช่นนี้เอง ทำให้ผมใจหายหมด นึกว่าผมปฏิบัติงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือว่าสมาชิกสำนักเซิ่งเทียนมีความศรัทธาน้อยไป
พระจี้กง : ชิวเซิง ไฉนจึงคิดเช่นนั้น ?
ชิวเซิง :อาจเป็นเพราะว่าสำนักนี้เพิ่งตั้งได้ไม่นานผมจึงคิดมากไปเอง
พระจี้กง :การถ่อมตนก็เป็นสิ่งดีอยู่ แต่อย่าตื่นเต้นเกินไปนัก
ชิวเซิง :ครับ พลังสมาธิของผมคงยังอ่อน จึงได้เป็นเช่นนั้น อาจารย์โปรดอภัยด้วย
พระจี้กง :ก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่อาจารย์อยากให้เธอหมั่นศึกษาหนังสือธรรมให้มากสักหน่อยเพื่อจะได้มีความรอบรู้กว้างขวางยิ่งขึ้น ถ้าอาศัยแต่โอวาทของอาตมาคงไม่เพียงพอแน่
ชิวเซิง :ครับ ผมจะปฏิบัติตามคำของอาจารย์
พระจี้กง :งั้นก็ดีแล้ว เตรียมตัวเดินทางกันเถิด
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ไปได้ครับ
พระจี้กง :ถึงตำหนักพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์แล้ว ลงจากดอกบัว เราใช้เดินกันดีกว่า
ชิวเซิง :ครับ โอ ! หน้าประตูตำหนักมีผู้คนคึกคักจัง
พระจี้กง :เนื่องจากท่านพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ได้เชิญเหล่าเทพพรหมพระอริยเจ้า และยมบาลทั้ง 10 ท่านมาร่วมในงาน ดังนั้นจึงครึกครื้นเป็นพิเศษ
ชิวเซิง :อ๋อ....อย่างนี้เอง
พระจี้กง :ชิวเซิง..รีบไปคารวะเหล่าพระอริยะจ้าและยมบาลทุกท่าน
ชิวเซิง :กระผมขอคารวะพระอริยเจ้า และยมบาลทุกท่าน
เหล่าอริยเจ้าและยมบาล :เจริญพร รีบนั่งเถิด
พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ :พระคุณเจ้าจี้กง คงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยการลิขิตเรื่อง “ท่องอเวจี” ครั้งนี้ใช้เวลาถึง 5 เดือน จึงได้สำเร็จเรียบร้อย เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ จึงได้กำหนดจัดงานราตรีฉลองในวันตรงกับวันประสูติของพระพุทธองค์
ชิวเซิง :อ้อ ใช่แล้ว พอดีวันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของพระพุทธเจ้า ถ้าท่านพระโพธิสัตว์ไม่ได้พูดถึง ผมก็ลืมสนิทเลย
พระจี้กง :ชิวเซิงวันนี้เธอมีลาภปาก ทานให้เต็มที่เลยนะ
ชิวเซิง :ศิษย์ทานไม่จุ คงทานได้เล็กน้อย เท่านั้น (บัดดลเจ้าหน้าที่สวรรค์ได้พูดขึ้นว่า “พระราชโองการถึงแล้วเหล่าชาวฟ้าและชาวยมต่างรีบเข้าแถว)
เทพชุนหยาง:จอมเทวราชเง็กเซียนฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชาให้เรานำพระราชโองการมาประกาศ ณ ที่นี้ เทพและมนุษย์จงคุกเข่า
พระราชโองการมีความว่า
ข้าประทับ ณ ตำหนักสุวรรณใจข้ารำลึกถึงมวลมนุษย์ตลอดเวลา สำนักเซิ่งเทียนแห่งเมืองไถจุง ได้รับราชโองการ โดยพระจี้กงนำนายชิวไปท่องนรกอเวจี บัดนี้ล่วงเวลา 5 เดือน ลิขิต 18 ครั้ง ได้ตีแผ่ความเร้นลับของนรกอเวจี อันมนุษย์ชาวโลกยังไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งพระจี้กงและนายชิว ได้ปฏิบัติกิจด้วยความวิริยะอุตสาหะยิ่ง วาระนี้ได้บัญชาให้ท่านเทพลื่อนำน้ำอมฤตมาด้วย เพื่อเพิ่มพลังให้แก่กายทิพย์ของนายชิว และมีราชโองการให้พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ราชประกาศข้อกำหนดอานิสงค์ เพื่อเป็นบำเหน็จและกำลังใจแก่สาธุชนผู้สละทรัพย์ร่วมทุนพิมพ์หนังสือ “ท่องอเวจี” อันเป็นประโยชน์แห่งการโปรดสัตว์ ทั้งภาคมนุษย์และภาควิญญาณ
ประกาศ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2527
พระจี้กง :ชิวเซิง..รีบรับพระราชโองการ
ชิวเซิง :เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ :ขอเชิญทุก ๆ ท่านเข้าไปนั่งกันข้างในเถิด สั่งให้ฝ่ายการครัวเริ่มเสิร์ฟอาหารได้ (ขณะนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมได้เสด็จมาถึงที่หน้าตำหนักเจ้าหน้าที่รีบนำเสด็จไปยังที่ประทับอันอยู่ทางขวาของพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ราช)
พระโพธิสัตว์กวนอิม :วันนี้เป็นวันประสูติของพระพุทธองค์การจัดงานเลี้ยงนี้ เพื่อฉลองการลิขิตหนังสือ “ท่องอเวจี” สำเร็จ ชิวเซิง...เธอคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยเราจะเพิ่มพลังทิพย์แก่เธอ
ชิวเซิง :โอ เย็นสบายตัว และปลอดโปร่งใจอย่างประหลาด ขอบพระคุณท่านพระโพธิสัตว์ที่ส่งเสริม
พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ :ขอเชิญทุก ๆ ท่านลงมือรับประทานอาหารได้
พระจี้กง :เนื่องจากเวลาจำกัดของเชิญท่านพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ประกาศข้อกำหนดอานิสงส์เถิด
พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ :ถ้าเช่นนั้นเราจะกำหนดอานิสงส์ดังต่อไปนี้
1. ผู้บริจาคทรัพย์สมทบทุนพิมพ์หนังสือ “ท่องอเวจี” ตนเองและบุตรหลาน ถ้ามีบาปกรรมไม่มากนักอนุญาตให้อุทิศบุญกุศลนี้แก่เจ้ากรรมนายเวรแล้วไม่ต้องตกนรกรับโทษทัณฑ์
2. ถ้าบรรพบุรุษ ตอนมีชีวิตเคยสร้างบาปกรรมไว้ถ้าบุตรหลานได้พิมพ์แจกเป็นจำนวนมาก แล้วอุทิศบุญกุศลนี้แก่บรรพบุรุษ ๆ ก็จะพ้นจากอบายภูมิสู่สุคติภูมิ
3. ถ้าตนเองเคยสร้างบาปกรรมไว้หากรู้สำนึกผิดแล้วบริจาคทรัพย์สมทบทุนพิมพ์หนังสือนี้ อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร บุคคลผู้นั้นเมื่อตายจากโลกมนุษย์แล้วจะได้เสวยสุคติภูมิตามพลังกุศลมากน้อยแห่งตน
4. ถ้าครอบครัวตนถูกวิญญาณร้ายรังควานอยู่เสมอเมื่อบริจาคทรัพย์สมทบทุนพิมพ์หนังสือนี้ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ด้วยพลังอำนาจแห่งกุศลนี้จักขับวิญญาณร้ายไป ทำให้ครอบครัวผู้นั้นได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ :สี่ข้อข้างต้นนี้ คือ ข้อกำหนดอานิสงส์ที่เราประกาศ ถ้าหากยังไม่สมบูรณ์ ก็อาจแก้ไขหรือเพิ่มเติมได้
พระจี้กง :ท่านพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ เราทั้งสองรู้สึกขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง บัดนี้ก็ดึกแล้วอาตมาต้องขอตัวไปก่อน โปรดอภัยด้วย
พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ :ขอส่งท่านจี้กงและชิวเซิง
พระจี้กง :ขอลาท่านพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์และทุก ๆ ท่าน ชิวเซิง...รีบอำลา
ชิวเซิง :เนื่องจากเวลาจำกัด กระผมขอลาท่านพระโพธิสัตว์ และเทพพรหมทุก ๆ ท่าน
พระจี้กง :ชิวเซิง รีบขึ้นบนดอกบัว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์กลับได้
พระจี้กง :ชิวเซิง อาหารคืนนี้เป็นไงบ้าง ?
ชิวเซิง :ฮ่าฮ่า รสแบบนี้ ในชีวิตเพิ่งเป็นครั้งแรกและคงมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
พระจี้กง :อายุเธอยังน้อยอนาคตยังอีกไกล บัดนี้ก็ได้ลิขิตหนังสือสำเร็จแล้ว อาจารย์จะกลับสวรรค์ ถวายรายงานละ
ชิวเซิง :ศิษย์ขอส่งอาจารย์กลับสวรรค์
เทพดาวหลิว :การลิขิต “ท่องอเวจี” ของคืนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้ว สานุศิษย์ทุกคนคงรู้สึกเสมือนหนึ่งได้ปลดภาระอันหนักอึ้งออกจากบ่า ซึ่งเราก็รู้สึกยินดีด้วย เมื่อรำลึกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับสานุศิษย์ร่วมลิขิตหนังสือ บักนี้ต้องกลับไปรายงานสวรรค์ ย่อมรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ขอให้ทุกท่านมีความมานะบากบั่นต่อไป ในอนาคตคงมีโอกาสได้พบกันอีก ณ สรวงสวรรค์ เรากลับละ
ประธานเทพกวน :เป็นอันว่าเรื่อง “ท่องอเวจี” ได้จบบริบูรณ์แล้ว เรารู้สึกยินดีด้วย แม้ว่าหนังสือนี้จะลิขิตเพียง 18 ครั้งเท่านั้น ทว่าช่วงระหว่างลิขิตหนังสือเหล่าสานุศิษย์ต่างก็ปฏิบัติงานด้วยความวิริยะอุตสาหะอย่างน่าชมเชย สำหรับผู้มาปฏิบัติงานในคืนนี้ เราจะให้บันทึกคนละ 3 กุศล เพื่อเป็นกำลังใจวันหน้าเมื่อประกาศผลกุศลออก จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง คืนนี้ก็ยุติเพียงเท่านี้
ประธานเทพกวน :พระราชโองการจวนถึงสำนักแล้วเจ้าพระภูมิเขตไปต้อนรับเหนือเมืองห้าลี้ เจ้าพระภูมิท้องที่เหนือเมืองสิบลี้ ส่วนเทพเทวดาและมนุษย์ จงคุกเข่ารับพระราชโองการ
ราชมนตรีจูกัดขงเบ้ง
ประทับทรง วันที่ 15 พฤษภาคม 2527
บรรยากาศ สิริ นิมิตดี
ลิขิตเสร็จ นำท่อง อเวจี
เป็นสักขี นรก นั้นมีจริง
ราตรีนี้ได้นำพระราชโองการมาประกาศให้ทราบทั่วกัน เทพเทวดาและมนุษย์จงคุกเข่า
พระราชโองการพระเจ้าเง็กเซียน
ข้าประทับ ณ ตำหนักสุวรรณ รำลึกถึงมวลมนุษย์ทุกวันเวลา ทุกครั้งที่เห็นมนุษย์ละเมิดศีลธรรมจรรยา สร้างบาปกรรมใหญ่หลวง ทำให้คุณธรรมเสื่อมทราม ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเลวร้าย เดชะบุญที่มีสำนักเซิ่งเทียนแห่งเมืองไถจุง ได้รับรราชโองการจากข้า ให้เปิดสำนักประกาศธรรม โปรดสรรพสัตว์สิบทิศ บัดนี้ได้ลิขิตหนังสือ “ท่องอเวจี” สำเร็จเรียบร้อยในเวลา 5 เดือน ข้ารู้สึกยินดีปรีดายิ่งนัก วันก่อนท่านเทพหลิว ซึ่งประจำอยู่ที่สำนักได้มารายงานว่า เหล่าเทพเทวดาและมนุษย์ได้ปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจจริงเสมอต้นเสมอปลาย สนองราชโองการด้วยความวิริยะอุตสาหะ บัดนี้เพื่อบำเหน็จเป็นเกียรติคุณแก่เทพเทวดาและมนุษย์สำนักเซิ่งเทียนสืบไป ผู้ปฏิบัติงานตลอดช่วงลิขิตหนังสือ ฝ่ายเทพประธานสำนักท่านเทพกวน พระราชทานเพิ่มมรรคผลสามขั้น ส่วนเทวดานอกนั้นพระราชทานท่านละสามพันกุศล ฝ่ายมนุษย์ผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความขยันขันแข็งพระราชทานคนละหนึ่งพันกุศล ผู้มาปฏิบัติงานเกินสองในสามช่วงระยะลิขิตหนังสือพระราชทานคนละห้าร้อยกุศล ส่วยผู้มาปฏิบัติงานน้อยกว่านี้ การประทับทรงลิขิตแต่ละครั้งแต่ละคน พระราชทานครั้งละสิบมหากุศล นี้คือการให้กำลังใจเป็นพิเศษแก่สำนักเซิ่งเทียน ซึ่งเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ซึ่งประสบความยากลำบาก ที่ขาดแคลนทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสมาชิกของเซิ่งเทียนทั้งฝ่ายเจ้าและมนุษย์คงมีความพากเพียรโปรดสรรพสัตว์อีกต่อไป ปรับปรุงหนังสือธรรมะให้มีประสิทธิภาพ ในการตักเตือนชี้แนะหนทางสว่างแก่ชาวโลกยิ่งขึ้น
ขอให้มวลสมาชิกของเซิ่งเทียนจงปฏิบัติงานอย่างไม่ย่อท้อต่อไป เพื่อโปรดสรรพสัตว์โลก เมื่อใดบุญบารมีเต็มขั้นบริบูรณ์ ย่อมบรรลุมรรคผลเป็นเทพเป็นพุทธะโดยง่ายดาย
ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2527