สุนัขดำครวญครางถึงเวรกรรมที่ตนก่อไว้ สัตว์เลี้ยงทุกข์ทรมานเพราะชาติก่อนได้ทำชั่ว
อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2524 กลอนว่า:
รู้จักปลดจักปล่อยให้ชีวิต
เมตตาจิตฝึกธรรมะเป็นพระได้
ทั้งสามมื้อถือมังสาสุขสบายใจ
ผุดผ่องใสผักสดสดไม่สิ้นเปลือง
สรรพสัตว์บำเพ็ญเพียรก่อปัญญา
เฝ้าศรัทธาใช้หนี้กรรมไร้แค้นเคือง
ชดใช้กรรมครบสามชาติจิตมารุ่งเรือง
ปัญญาเปรื่องไร้เหตุผลแยกชั่วดี
อรหันต์จี้กง :สัตว์แม้ไม่ใช่ร่างคน แต่วิญญาณของมันก็เหมือนของคน ต่างก็มีชีวิตร่วมโลกเดียวกัน เป็นเพราะก่อนเกิดมีกรรมชั่วมาก ขาดความเป็นคน ชาตินี้จึงสูญสิ้นความเป็นคนกลายเป็นสัตว์ ถ้าหากใครมีตาทิพย์แล้ว หรือใจเมตตาแล้วก็จะไม่ใจร้ายไปทำร้ายสัตว์ พระสูตรในพุทธศาสนากล่าวว่า “สิ่งที่เคลื่อนไหวได้ย่อมมีวิญญาณ”พูดไว้อย่างแจ่มชัดว่าสิ่งเคลื่อนไหวได้ย่อมมีวิญญาณ เธอจงดูที่คนตายแล้ว เมื่อวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว เขาก็จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้วันนี้จะพาวิญญาณนายหยางเซิงไปท่องมนุษย์โลกเยี่ยมเยียนวิญญาณสัตว์ ฟังความในใจของมัน เพื่อเตือนสติผู้คน ท่านหยางเซิงตระเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือ?
หยางเซิง :ขึ้นสวรรค์ ลงนรก ก็ขึ้นนั่งแต่ปทุมทิพย์ ไม่ทราบว่าคราวนี้จะนั่งอะไร
อรหันต์จี้กง :ปทุมทิพย์เสียอย่าง ในน้ำบนอากาศก็ไปได้ คราวนี้ก็ให้ไปบนบกก็แล้วกัน แม้ว่าฝุ่นกิเลสจะหนาหน่อยก็ไม่สามารถจะระคายเราได้ ก็ปทุมเกิดจากโคลนตม แต่ก็ไม่เลอะโคลนตมมิใช่หรือ?
หยางเซิง :ดอกบัวที่ปราศจากน้ำมัน ยิ่งวิเศษแท้
อรหันต์จี้กง :ถูกแล้ว ดอกบัวที่เกิดได้โดยปราศจากน้ำ ก็อาศัยฝนทิพย์เป็นน้ำมนต์เลี้ยงรด อาตมาจะเนรมิตฝนทิพย์บัดนี้
หยางเซิง :บัดเดี๋ยวนั้น ฝนทิพย์ก็โปรยปราย ปทุมทิพย์ช่างขาวบริสุทธิ์ กลีบบานสะพรั่ง ยิ่มรับ
อรหันต์จี้กง :ฮาฮ้า! ดอกบัวกำเนิดจากโคนตม บ่อน้ำไม่ใช่สระบัวน้อยๆหรอกหรือ เธอดูสิ ถนนแต่ละสายกลับกลายเป็นสระบัวไปหมด พวกชั้นสูงที่รักความสะอาด พอเจอะหน้าฝนก็ไม่อยากออกจากบ้าน ได้แต่ขึ้นรถให้สบายไป แต่ว่าพวกชาวนาที่ไถนา พวกเขาไม่ต้องเสียสตางค์ ใส่รองเท้าฝนก็ยังเดินอยู่ในโคนตม ทำนาไปตามภาษาของพวกเขา พระเจ้าก็เหมือนกัน ยิ่งอยากเดินในถนนที่เต็มไปด้วยโคลนตม เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ของท่านทั้งหลาย ทั้งอันตรายเจ็บปวด วุ่นวายยิ่งตอนพบอุปสรรค พระเจ้าก็รีบไปที่เกิดเหตุ ด้วยจิตโพธิสัตว์พยายามช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ยอมสละแรงกายไม่บ่น อันนี้ก็เป็นการตอบสนองกรรมดีของพระเจ้าละ ปทุมทิพย์ก็คือการแปลงร่างของพระเจ้าละ ทุกวันร่างกายเกลือกกลั้วอยู่กับโลกีย์ที่แสนทุกข์ เพื่อโปรดช่วยท่านทั้งหลาย ถนนแห่งสัจธรรมนั้นขรุขระเดินลำบาก ก็เป็นการทดสอบจิตใจความอดทนของคนที่จะละกิเลสในขณะที่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ท้อถอย ดำเนินไปข้างหน้า ฟันฝ่าอุปสรรค ผลสุดท้ายก็จะได้สำเร็จบรรลุธรรมนายหยางเซิงเชิญนั่งบนปทุมทิพย์ไปยังที่มั่นหมายกันเถิด
หยางเซิง :ขอรับ เชิญ ท่านอาจารย์เริ่มเดินทางเถิด อาจารย์ครับพอนั่งบนปทุมทิพย์ จิตใจก็เบาสบายจนเปรียบไม่ถูก วิวยามราตรีนั้นต้องใจคน ทุกบ้านทุกช่องเปิดไฟสว่าง ห้องหอพอเห็นเงาสลัว คำบัญชาอันใหม่ การเดินทางแบบใหม่ เพื่อโปรดสรรพสัตว์ เพื่อไม่ให้หลงผิด ทั้งเทวดาและคนร่วมใจกันไม่กล้าอิดออด ท่านอาจารย์คงลำบากมาก
อรหันต์จี้กง :สรรพสัตว์น่าจะได้คิดดูบ้าง ลำบากเพราะใคร?ลำบากไปทำไม? อาตมาใจนั้นรู้สึกอยากจะร้องเป็นเพลงสอนคน “มีคนอุทิศสติปัญญา อุตส่าห์ทนลำบาก ทั้งทิวาราตรี พร่ำร้องสอนธรรม ใจพวกเธอฟังอย่างงัวเงีย ปล่อยให้เข้าเศร้าเสียใจ สรรพสัตว์เสวยสุขหนึ่งไม่มีสอง พวกเราควรจะช่วยกันผดุงธรรมนาวา ปัจจุบันฉายส่องธรรมจิตหรือจิตสวรรค์ตั้งใจบำเพ็ญเพียรให้สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างงงวย อย่าฟุ้งซ่านประกอบแต่ความดีเยี่ยงวิรชน จะได้ไม่อายต่อพระเจ้า ละทิ้งโลภโมโทสัน ก้าวพ้นม่านหมอกควัน พร้อมใจช่วยเหลือสำนักเซิ่นเต๋อถัง จัดทำหนังสือสอนคน ช่วยกอบกู้ชาวโลกขึ้นธรรมนาวา พวกเธอมีสุข อาตมาก็ดีใจประสบสุข อายุมั่นขวัญยืน”
หยางเซิง :ท่านอาจารย์ขับร้องได้ดีมาก ศิษย์ฟังจนปลื้มปิติ
อรหันต์จี้กง :พวกเรามาถึงที่หมายแล้ว ลงจากปทุมทิพย์เร็ว
หยางเซิง :ที่นี่ที่ไหนครับ?
อรหันต์จี้กง :ชานเมือง เกาโซง(เมืองใหญ่ทางภาคใต้ของไต้หวัน)
หยางเซิง :ค่ำนี้มาถึงหน้าประตูนี้ เจ้าของบ้านยังไม่ได้เข้านอนกำลังดูโทรทัศน์ในห้องโถงใหญ่ พวกเรามาที่นี่ไม่รู้ว่า รบกวนชาวบ้านหรือเปล่า
อรหันต์จี้กง :พวกเราตอนนี้มาเป็นกายทิพย์ พวกเขามองไม่เห็นเราไม่ต้องลำบากใจ เธอรู้สึกอะไรไหม?
หยางเซิง :มีครับ ข้างประตูบ้านทำไมมีหมาดำตัวหนึ่งนอนอยู่ข้างกายก็มีรูปร่างคล้ายคนผู้ชายอยู่ด้วยกัน ดูแล้วรู้สึกน่ากลัว
อรหันต์จี้กง :ไม่ต้องกลัว คนนั้นก็คือวิญญาณของหมาดำตัวนี้ละเพราะเธอใช้ตาทิพย์ดูจึงเห็นเงาคนแต่ยังไม่จะแจ้งเพราะเธอยังมีกายเนื้ออยู่ เพราะร่างยังมีกายเนื้ออยู่ ให้อาจารย์ปลุกเสกตากของเจ้าอีกที ตาเจ้าจะได้เห็นกระจ่างแจ้ง และสามารถพูดคุยกับเขาได้สะดวก
หยางเซิง :ขอบคุณท่านอาจารย์
อรหันต์จี้กง :ตาซ้ายคือดวงตะวันขวาคือจันทรา ตะวันจันทราส่องกัน สรรพสิ่งมองทะลุ ปลุกเสกดวงตาไม่ให้มีสิ่งบดบังมองผ่านทะลุทุกสิ่ง อมุราปาลีปุ!
หยางเซิง :อาจารย์ทรงอิทธิฤทธิ์ พอจบคาถา ภาพข้างหน้าเปลี่ยไป หมาดำตัวนั้นนอนไม่กระดุกกระดิก ตอนนี้มีร่างคนออกมา แต่ทำไมยังหมอบอยู่ที่พื้นละ
พระอรหันต์จี้กง :เพราะว่ามันได้รับโทษ ไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นมาได้จึงหมอบอยู่กับพื้น มือทั้งสองข้างก็ย่ำดินเปราะไปหมดแสดงว่าไม่สะอาดแห้ง คนแม้ยืนบนพื้นดิน แม้นว่าใส่ถุงเท้ารองเท้า ไม่ล้างสักวันหนึ่งก็จะมีกลิ่นขึ้น คนๆนี้ชาติก่อนเท้ามีกลิ่นเหม็น แม้แต่มือก็ยังเป็น “ฮ่องกงฟุต” เพราะฉะนั้นชาตินี้เกิดเป็นสุนัข สี่ตีนเดินดิน ให้มือเท้าเหยียบพื้นให้มั่นคงหลังหันสู่ฟ้า ก้มหัวลงดินสำนึกรับกรรมไปเพราะชาติก่อนทำผิดต่อฟ้าดิน ผิดศีลธรรม ต้องคลานอยู่ที่พื้น ไม่สามารถเงยหน้าโผล่หัวขึ้นมาน่าสงสารยิ่งนัก ลองดูนักโทษในปัจจุบันนักข่าวจะถ่ายรูปให้ มันไว้เป็นที่ระลึก มันก็ต้องปิดหน้าปิดตาหรือก้มหน้าลงไม่กล้ามองคน โซ่ตรวนล่ามติดตัว ถูกคนลากเดินไปเหมือนสภาพอะไร? ฮาฮ้า! อาตมามีเมตตาไม่อยากสาธยายมากนัก เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ อาจเกิดเพราะความพลั้งเผลอชั่ววูบอภัยให้เขาเถอะ อย่างนี้แหละเป็นแบบอย่างของคนตัดโลกละ
หยางเซิง :เห็นลักษณะมันน่าสงสารมาก ขออาจารย์โปรดให้เขายืนขึ้นมาเถิด จะได้ไม่ต้องทรมานมากนัก
อรหันต์จี้กง :เอาเถอะ ฉันจะอนุเคราะห์ให้ ชาติก่อนของมัน ชื่อ “หวินเซิง” เพราะไม่อยากเป็นคนดี วันนี้เลยตกต่ำถึงชั้นนี้อาตมาคืออรหันต์จี้กง ตอนนี้จะเป่าเสกเจ้า ขอให้ตื่นเถิดนายหวินเซิง เธอลุกขึ้นยืนได้แล้ว
หวินเซิง :โอ้ย!โอ้ย! หลังของฉันแข็งไปหมด ถูกขดจนแข็งยกไม่ขึ้นแล้ว ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ขอโปรดท่านอรหันต์ อภัยให้ด้วย
อรหันต์จี้กง :นับว่าวันนี้เธอมีบุญ ข้ากับหยางเซิงได้รับบัญชาให้มาสัมภาษณ์ เธอต้องตอบมาดีดีว่าชาติก่อนเธอไปก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้ จึงได้มีสภาพอย่างในวันนี้ เพื่อให้เตือนสติชาวโลกจะได้ไม่เจริญรอยตามเธอ แบบนี้เธอก็จะได้กุศลบ้างเพื่อชดเชยความชั่วจะได้ไปเกิดเป็นคนใหม่อีก
หวินเซิง :ครับครับ ขอท่านอรหันต์ช่วยดัดหลังให้ตรง ถ้าอยู่แบบนี้ก็จะทรมานมาก รับทุกข์คลานสี่เท้าแสนจะทุกขเวทนา
อรหันต์จี้กง :เอาละ ฉันจะเปลี่ยนกระดูกให้ กระดูกเธอเขาเรียกว่า “กระดูกเลว” เป็นกระดูกชั้นต่ำของกระดูกเลว ฉันจะเปลี่ยนเป็นกระดูกคน เป็นกระดูกชั้นสูง เธอจะได้ยืนได้
หวินเซิง :ขอกราบขอบคุณสักหมื่นครั้ง
อรหันต์จี้กง :เธอต้องอดทน เปลี่ยนกระดูกไม่ได้ฉีดยาชา บาดแผลจะได้หายเร็ว ฉันจะเริ่มละ.....
หวินเซิง : โอ๋ยโอย! เจ็บจะตายแล้ว ทำให้เร็วๆหน่อยทั้งร่างจะแตกสลายหมดแล้ว
อรหันต์จี้กง :แหม! ไม่อดทนเลย! จะเปลี่ยนกระดูกคนให้แล้วตอนนี้เธอลุกขึ้นยืนได้แล้ว แต่ทว่ายังห่างไกลจากกระดูกคนจริงๆ อีกมาก เพราะนิสัยเธอไม่ดี กระดูกมีแต่เลือดลมเสียเมื่อลมฟ้าอากาศเปลี่ยนจะทำให้เธอปวดเมื่อยไปหมด นี่ก็เป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง
หวินเซิง :ขอบพระคุณที่อรหันต์ท่านเปลี่ยนกระดูกให้ ตอนนี้สามารถยืนมาได้ แต่สันหลังยังเจ็บอยู่ ไม่ทราบว่ามียาระงับปวดหรือลดอาการอักเสบให้รับประทานบ้างไหม?
อรหันต์จี้กง :ไม่ต้องใช้ยา ข้าใช้พัดนี้ พัดไม่กี่ที ก็จะสบายลดอาการอักเสบ แก้ปวด ไม่เจ็บไม่ปวด
หวินเซิง : ขอบพระคุณมาก ท่านอรหันต์ ตอนนี้ช่างเหมือนตอนยังเป็นคนอยู่
หยางเซิง :ทำไมเธอมาอยู่ถึงที่นี่?
หวินเซิง :พูดแล้วละอายใจ ไม่พูดจะดีกว่า
หยางเซิง :เธอไม่ต้องละอาย อาจารย์อรหันต์จี้กงจะได้ช่วยเหลือรีบบอกเรื่องราวแต่ก่อนว่าไปทำอะไรมาพูดให้ชาวโลกเขารู้เพื่อพิจารณา จะเป็นบุญมหากุศล
หวินเซิง :จริงๆ หรือ? ผมก็จะบอกถึงเรื่องราวที่ทำให้ผมต้องมาเกิดเป็นหมา ให้ชาวโลกได้รู้ ขออย่าได้เอาอย่างผมเลย ชาติก่อนผมเป็นคนไม่ชอบทำกิจการงานที่สุจริต ชอบเที่ยวเตร่ในสถานที่รื่นรมย์โลกีย์รีดไถค่าคุ้มครองชาวบ้าน อยู่ในสถานที่เหล่านี้ ทำตามอำเภอใจ เหล้ายาปลาปิ้ง กามารมณ์ไม่มีใครห้ามได้ บางครั้งก็หลอกลูกสาวชาวบ้านเอาไปขายช่องโสเภณีหาเงินในทางทุจริต ในบรรดาสาวทั้งหลาย มีอยู่นางหนึ่งชื่อ “ซิ้วเหลียน” ถูกผมข่มขืนแล้วก็บังคับค้าประเวณี แต่เธอก็มีความรักผมอย่างจริงใจ แต่ผมก็ดูเธอเป็นเครื่องเล่น ทำเป็นรักเธอจริง 5-6 ปี พาเธอขายตัวมาเลี้ยงผม ผมหลอกเอาเงินมาเล่นการพนัน เอาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เงินที่ได้จากการขายกามถูกผมหลอกใช้จนหมดตัว ในที่สุดเมื่อเธอไม่มีค่างวดแล้วก็ทิ้งเธอไป จากนั้นก็หลอกหญิงโลกีย์คนใหม่ต่อไป ใช้แผนเก่าหลอกต้มได้เงินทองมาไม่น้อย ทำให้นาง “ซิ่วเหลียน” ต้องฆ่าตัวตาย ต่อมาภายหลังผมก็ติดกามโรค รักษาไม่หายตายลงในที่สุด หลังตายลงถูกยมทูตหน้าขาวดำลากตัวไปลงนรกถูกยมบาลเปิดบัญชีดูความผิดต้องรับโทษในรกจนครบถ้วนภายหลังจึงถูกส่งมายังนรกขุมที่ 10 ถูกให้มาเกิดเป็นหมาในโลกมนุษย์ เพราะเป็นโลกที่ผมได้ทำชั่วไว้ ต้องมารับโทษในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง เกิดแล้วเกิดอีกเพื่อรับทุกข์ ผมเกิดเป็นหมา 2 ครั้งแล้ว ชาตินี้เป็นหมาที่เมืองเกาโซง บ้านตระกูลเฉิน เพราะเป็นบ้านที่นางซิ่วเหลียนฆ่าตัวตายเพราะผม เพราะว่าบ้านนี้ไม่ร่ำรวยร่างฉันก็เหม็นสาบมาก ถูกเด็กๆ ขว้างปา ไล่ตีหนีเข้าบ้านใครๆก็ไล่ตี แต่ผมก็จำยอมเฝ้าบ้านให้เขา และช่วยเขาเก็บกวาด(กินไป)อุจจาระที่เด็กๆถ่ายทิ้งไว้ รสชาติขยะแขยงนัก แต่ไม่กินก็ไม่ได้เพราะมีอำนาจลึกลับคอยบังคับอยู่ถ้าไม่กินก็รู้สึกเจ็บปวด นึกถึงการเกิดเป็นหมาครั้งแรกได้ถูกคนแก่คนหนึ่งฆ่าตาย รู้สึกตื่นกลัวมาก ถูกกระบองตีหัวเอาน้ำร้อยราดตัว เอามีดมาถลกหนังหั่นเนื้อเชือดกระดูก เอาไปต้มแกง ตั้งชื่อไว้ไพเราะว่า “เนื้อหอม” ผมนะเจ็บใจเพลียใจแต่เพราะตนเองมีบาปหนักทำอย่างไรได้ ขอให้ท่านชาวโลกอย่าเอาอย่างผมเลย อย่าทำสิ่งผิดทำนองคลองธรรม จะเสวยกรรมไม่รู้จบสิ้น ทุกข์ทรมานเหลือจะกล่าว ไม่รู้ว่าวันใดจะได้เกิดเป็นคนอีก ถ้าได้เกิดเป็นคนอีก ผมจะประพฤติตนให้เป็นคนดี เป็นคนซื่อตรงไม่กล้าทำผิดศีลธรรมอีก ชาติก่อนคิดผิดเฉือนเลือดเฉือนเนื้อของเพศหญิง ทุกวันนี้ผมก็ต้องก้มหน้าให้คนอื่นเขาเชือดเฉือนบ้าง ชาวโลกชอบรับประทาน “เนื้อหอม” พูดว่าเป็นยาบำรุงอย่างดี ผมเองชาติก่อนจะคิดว่าเป็นยาบำรุงอย่างดี ชาตินี้ก็ต้องให้คนอื่นเขาบำรุงบ้างชดเชยกันไป ผมพูดหมดแล้วครับ
หยางเซิง :ผมเห็นเขารู้สึกสำนึกผิด ขออาจารย์โปรดเมตตาช่วยเขาเถิด
อรหันต์จี้กง :ฉันช่วยเขาเปลี่ยนกระดูก รอให้เขาสิ้นอายุขัยก่อนไปยังเมืองนรก ก็สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ เธอจงวางใจจงไปชดใช้กรรมเถอะ สะสมบุญบารมีไว้ รอไปชาติหน้าก่อนชาวโลกได้พบภาพแบบนี้ ควรจะระลึกได้ หลอกต้มคนข่มเหงคน เป็นการสร้างอกุศลกรรมของที่ได้มาโดยไม่สุจริตแม้แต่เล็กน้อยก็ตาม สักวันหนึ่งก็ต้องชดใช้คืน ถ้าไม่อย่างนั้นคนซื่อสัตย์มิต้องรับลมหนาวตายหรือ สุภาษิตกล่าวว่า “คนโง่คนฉลาดเสมอกัน” ข่มเหงคนอื่นก่ออกุศลกรรม ช่วยเหลือสะสมบุญบารมี อันนี้ถูกต้องสัจธรรม ขอให้ชาวโลกจงคิดได้! หยางเซิง กลับเซินเต๋อถังเถิด
หยางเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์
อรหันต์จี้กง :เซินเต๋อถังถึงแล้ว ลงจากปทุมทิพย์ได้ วิญญาณจงกลับเข้าร่าง