นกแก้วพูดได้เพราะปากคอเราะราน นกห่านป่านกนางแอ่นสนทนาล้ำลึกถึงจิตคน
อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรงวันที่ 17 มีนาคม 2524 ความว่า:
ร้อยพันทุกกิ่งก้าน ปานเกิด จากกอ
จิตอยู่เนื่องวิญญาณ ตราบไซร้
ต่างจากอรูปพรหม ทั่วภพ
ทุกช่องทั่วบ้านไซร้ จิตล้วนพุทธ โปรดสวรรค์
หมั่นฝึกใจตั้งให้ เห็นจิต สงบ
เพียรไม่ให้วิญญาณเป็น สัตว์พร้อม
อย่าผลัดเริ่มเมื่อแก่ ธรรมเริ่ม
เพราะผู้ทำผิดพร้อง เริ่มล้วน แต่วัยรุ่น
อรหันต์จี้กง :ชาวโลกได้รับร่างมนุษย์ ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐที่จริงก็มักได้รับยกย่องเช่นนั้น; สามารถตัดเสื้อผ้ได้สร้างบ้านเรือน รถยนต์ เรือยนต์ โทรทัศน์ เครื่องเสียง สิ่งอยากได้ พร้อมมูลยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกวี่วัน ดูอย่างสัตว์ซิ เกิดมาก็มีอยู่ชุดเดียวจนตาย กายของมันก็เต็มไปด้วยขน จะเห็นว่าการเกิดเป็นคนนั้นโชคดีมหาศาล ถ้าหากว่ายังไม่ประพฤติตนให้เป็นคนดีทำผิดศีลธรรม ทำร้ายคนอื่น กระทำเยี่ยงสัตว์ประพฤติตนให้ต่ำลง สักวันหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนหน้าห่มขน ลดตัวลงไปสู่สัตว์เดรัจฉาน วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงไปเยี่ยมเยือนสัตว์พูดขึ้นเมาก็แปลกใหม่ทั้งคนและเทพสามารถพูดคุยกับสัตว์ได้ชาวโลกจำนวนมากไม่เชื่อถือ เห็นว่าเป็นสิ่งโกหกไร้สาระคิดเช่นนี้เป็นการคิดผิด ลองดูในสวนสัตว์ที่ครูผู้ฝึกสัตว์ซิมิใช่เป็นการปรับความเข้าใจกันหรอก หรือละครสัตว์และสัตว์ทะเล เวลาแสดงมันสามารถเข้าใจคำพูดของคนได้ ปลาสามารถเข้าใจคำพูด รู้จักเครื่องหมายของมือที่แสดงออกพวกมันกระฉับกระเฉงมากด้วยการสอนที่พิเศษ คนยังไม่สามารถทำได้เลย มันกับคนก็เหมือนกัน ต่างก็มีวิญญาณ ชาวโลกไม่ควรดูถูกพวกมัน หนังสือเล่มนี้กำลังจะบอกท่านว่า ต้องนับถือเพื่อนที่ดีของมนุษย์ เพื่อส่งเสริมตนเองให้เจริญก้าวหน้าอย่าให้ละอายพวกมัน โดยเฉพาะอย่าไปทำชั่วเป็นอย่างยิ่งทำความเดือดร้อนต่อสังคม ก่อกรรมทำเข็ญ ถ้าคิดแต่จะให้ร้ายคน ทำร้ายคน โกงคน แย่งชิงคน ข่มขืนคน ด่าคน ฆ่าคน ปรักปรำคน ตีคน ทำลายล้างคน อย่างนี้จะนับว่าเป็นคนหรอกหรือ? แบบนี้เรียกว่าไม่ใช่คน ถูกขนานนามว่า หน้าคนใจสัตว์หรือคนร่างสัตว์ ถ้าคนถูกเรียกอย่างนี้ก็ถึงวาระอันตรายแล้วมีทางตายแล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นแน่แท้ ตรงกันข้ามชาวโลกที่มีใจรักคน ช่วยเหลือคน อุปการะคน โปรดคนตักเตือนคน คนก็จะยกย่องว่าเป็นคนดี ถ้าหากจิตคนเป็นจิตโพธิสัตว์ คนแบบนี้ภายหน้ามรณะลงก็จะไปเกิดเป็นอริยชนเทวดาและอรหันต์ คนและสัตว์แบ่งกันที่ตรงนี้แหละ ท่านทั้งหลายคิดจะเลื่อนขึ้นหรือตกต่ำลงละ พวกท่านล้วนแต่มีปัญญาดีฉลาด คงไม่อยากเป็นนกในกรงหรอกนะ ทุกคนย่อมรักอิสระเสรี ไม่อยากถูกจองจำ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องไม่ทำบาป จะได้ไม่ต้องถูกจองจำในคุกตาราง นายหยางเซิงขึ้นดอกบัวเถิด วันนี้จะพบสิ่งแปลกใหม่
หยางเซิง :ผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าวันนี้จะไปที่ไหน?
อรหันต์จี้กง :รอประเดี๋ยวเจ้าก็รู้ เราออกเดินทางเถิด.....อ้าวถึงแล้ว เราเข้าไปในร้านขายนกกันเถอะ
หยางเซิง :ที่นี่เหมือนถนน กวงฟู่ เมืองไถจง
อรหันต์จี้กง :ไม่ผิด! เธอดูร้านนี้มีนกนานาพันธุ์ ถูกขังในกรงเหล็กเต็มไปหมด จอแจยิ่งนัก
หยางเซิง :แต่ละกรงเหมือนเป็นแต่ละบ้าน พวกมันดูเหมือน สามี-ภรรยา ลูกๆมีบางพวกดูแล้วเหมือนเพื่อนฝูง ทำไมมาอยู่ด้วยกัน
อรหันต์จี้กง :เพราะมีกรรมเกี่ยวข้องกันอยู่ เธอต้องค่อยๆพิจารณา ฉันจะได้เสกเป่าให้พวกนกได้ระลึกถึงชาติก่อนจะได้คุยกันได้สะดวก
หยางเซิง :น่าอัศจรรย์ พออาจารย์เสกเสร็จ กรงนกอันนี้กลายเป็นห้องๆหนึ่ง พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าหลากสีกำลังรับประทานอาหารอยู่ บางคนก็กำลังพักผ่อน แต่ว่าไม่มีเก้าอี้มีแต่ท่อนไม้อ่างน้ำกับอาหารเท่านั้น ไม่มีห้องน้ำ ถ่ายตามสบายมันไม่มีอนามัย
อรหันต์จี้กง :ในกรงนกนี้ก็เหมือนบ้านของพวกเขา เพราะฉะนั้นมักได้รับเชื้อโรคบ่อยครั้งทำให้เจ็บป่วย มนุษย์อยู่ดีมีสุข กินดีก็มีอนามัย ไม่เหมือนการกินของพวกนก น้ำดื่มมักเจือปนด้วยอุจจาระปัสสาวะ คนอาศัยอยู่ในที่ดี มีเก้าอี้โซฟาจะนั่งนอนก็สบาย พวกนกก็พักในป่าบนกิ่งไม้ และสายไฟฟ้า แม้มีรังอยู่ก็เป็นเศษหญ้าใบไม้ กินอยู่ก็อยู่ในที่ๆ เดียวกัน ความเป็นอยู่อย่างนี้มิใช่ได้รับกรรมหรอกหรือ? วันนี้ฉันพาหยางเซิงมาพบพวกนก สามารถไต่ถามความในใจเขาได้ เธอไต่ถามได้แล้วละ
หยางเซิง :พี่นก! ทำไมต้องมาอยู่ในกรงละ ช่วยเล่าสาเหตุให้ฟังหน่อยได้ไหม ใช้โอกาสนี้สร้างบุญกุศล
นกแก้ว :ฉันใส่ชุดเขียว ปากสีแดงของนกแก้ว ฉันก็คิดไม่ถึงจะเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ ฉันชาติก่อนเป็นแม่บ้านคนหนึ่งเพราะว่านิสัยชอบพูดจานินทาให้ร้าย ทำลายผู้อื่น เป็นความสามารถของฉัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะต้องไม่ถูกกับเพื่อนบ้านถ้าหากบ้านไหนมีเรื่องเข้าใจผิดกันหน่อย ฉันก็พูดเพิ่มฟืนเพิ่มไฟทำให้เขาเป็นปากเสียงกัน มีครั้งหนึ่ง ภรรยาของคนข้างบ้านกลับไปเยี่ยมแม่ พอดีมีเพื่อนผู้หญิ่งคนหนึ่งมาเยี่ยม ฉันเห็นสามีเธอยิ้มหัวเราะต่อกันแล้วยังทานอาหารด้วยกัน พอวันรุ่งขึ้นภรรยาเขาก็กลับมา ฉันก็พูดกับเธอว่า ตอนเธอไม่อยู่บ้นสามีพาผู้หญิงมา รู้สึกจะมีอะไรกันอยู่นา ด้วยเหตุฉะนี้สามี-ภรรยาคู่นั้นก็เลยทะเลาะกันใหญ่ ทำให้เกิดหย่าร้างกันขึ้นต่อมาสามีกลุ้มใจมาก และเสียใจตายไป ยังไม่แค่นี้ เพราะฉันทำการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ การค้าไม่ดี เลยด่าฟ้าแช่งดินตลอดชีวิตทำกรรมไว้ไม่น้อย พอตายลง ยมบาลโกรธมากด่าฉันทำลายสามี-ภรรยาคนอื่น ชอบสร้างเรื่องโกหก โทษฟ้าโทษดิน ถูกจองจำในนรก 10 กว่าปี พอพ้นโทษก็มาเกิดเป็นนกแก้ว มีปากสีแดง สามารถเรียนพูดภาษาคน พูดไม่หยุดปากชีวิตอยู่ในกรงเล็ก แม้จะไม่อดอยาก แต่ก็บินออกไปไหนไม่ได้จิตใจอึดอัด ท่านอรหันต์มาวันนี้จะช่วยฉันพ้นออกไปได้ไหม?
อรหันต์จี้กง :อาฮ้า! เธอมีชีวิตอยู่ที่นี่ก็เคยชินอยู่แล้ว ตอนนี้มีแต่ตึกสูงทั้งนั้น ปล่อยเธอออกไป เธอก็หากินไม่ได้ ฉันนะเมตตาจิต ปล่อยเธอออกไป ไม่ใช่ปล่อยชีวิต กลายเป็นปล่อยไปตาย เธอควรจะรู้ตัวเองดีกว่า ใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ไป เธอได้บอกชีวิตบาปแต่ปางก่อนเพื่อทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ช่วยเตือนชาวโลก มีบุญคุณ ฉันจะจดบันทึกไว้ เมื่อถึงอายุขัยก็สามารถเกิดเป็นคนได้อีก ก้มหน้ารับกรรมไปเถอะ จงพอใจในความเป็นอยู่นั้นเถิด
หยางเซิง :ที่เหลือยังมีนกนานาพันธุ์ ที่จริงพวกเขาได้รับกรรมอะไร?
อรหันต์จี้กง :วิญญาณนกค่อนข้าเบา ไม่จำเป็นต้องเป็นคนมีบ้างที่เกิดจากตะวันจันทราบันดาลให้เกิด เพราะฉะนั้นเขาก็สามารถบินได้อย่างเสรีในนภากาศ เพราะว่าตะวันจันทราเป็นบ่อเกิดพลังงานใหญ่ ฟ้าดินสามารถให้กำเนิดวิญญาณได้มากพวกนกเหล่านี้ เมื่อไม่ได้สร้างบาป ก็จะไปเกิดเป็นคนต่อไปและถ้าได้บำเพ็ญเพียร พวกลูกศิษย์ของอรหันต์ทั้งหลายก็มาจากสัตว์ก็มีมาก พวกมันสามารถอยู่รวมกับอรหันต์ได้แสดงว่าสรรพสัตว์มีวิญญาณ เพียงต้องเพิ่มการฝึกฝน ก็สามารถพ้นจากวัฏสงสารได้ ปัจจุบันมนุษย์ชาติยิ่งเกิดยิ่งเยอะ ดังนั้นทุกประเทศจึงให้วางแผนครอบครัว มีคนถามว่า ที่แท้คนมาจากไหน? ทำไมยิ่งเกิดยิ่งมาก? วันนี้ฉันจะเฉลยปัญหานี้การเกิดของสรรพวิญญาณยิ่งเกิดยิ่งก้าวหน้า พวกสัตว์นับวันลดน้อยถอยลง เพราะคนยิ่งนับวันยิ่งฉลาดขึ้น ความเป็นอยู่ก้าวหน้ามาก ยิ่งเบียดเบียนพวกสัตว์อ่อนแอกว่า พวกนี้ก็ถูกรุกรานอยู่เรื่อยๆ พวกมันก็เลยกลับชาติมาเกิดเป็นคน จึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประชากรเพิ่มเพราะอย่างนี้แหละ คนสมัยนี้เป็นสัตว์มาเกิด นิสัยของสัตว์ยังไม่หมดไป พฤติกรรมของคนปัจจุบันนี้จึงตกต่ำลง ส่วนใหญ่เป็น “หน้าคนใจสัตว์” สร้างแต่สิ่งชั่วร้าอย ประชากรเพิ่มมากขึ้น ความพยายามของมนุษย์ขาติก็ไม่หยุดนิ่ง จึงมีผู้บำเพ็ญเพียร เพื่อที่จะเลื่อนฐานะให้สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งทางศาสนาจักรบอกไว้ว่า มีสวรรค์มีแดนสุขาวดีพุทธเกตร แต่ทว่าในแดนเหล่านี้ต้องมีวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์เท่านั้นที่ไปถึง
หยางเซิง : เพราะเหตุนี้เอง
อรหันต์จี้กง :ตอนนี้มาพิจารณาดู (กงเหย่าเจี้ยน) เฝ้าดูนกห่านป่าถามตอบคำถาม 5 ข้อ เพื่อเอามาเป็นสาระในการทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ลูกศิษย์ท่านขงจื้อ (กงเหย่าเจี้ยน)บุคคลนี้เข้าใจภาษาสัตว์จำนวนมาก โดยเฉพาะเข้าใจภาษานกได้ดี มีวันหนึ่ง นายกงตี้ มีเวลาว่างเดินเล่นอยู่ในบริเวณบ้าน ณ ที่ศาลาเล็กๆ เห็นนกห่านป่าตัวหนึ่ง พักอยู่ริมสระ ขณะนั้นก็มีนกนางแอ่นบินมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้จึงถามนกห่านป่าว่า (ท่านพี่ ห่านป่า จากกันนาน ไม่ทราบว่าท่านสบายดีหรือ?) นกนางแอ่นถามอยู่หลายครั้ง แต่นกห่านป่าก็ไม่ตอบเลยสักคำ นกนางแอ่นก็มีอารมณ์โกรธขึ้นมาร้องไปว่า (ท่านพี่ห่านป่าช่างไร้มารยาทฉันถามตั้งหลายครั้ง ไม่ตอบแม้แต่ครั้งเดียว) นกห่านป่ารีรอ สักครู่หนึ่ง ก็ตอบล้อเล่นว่า (เสียงแมลงบนต้นไม้ค่อยในห้องโถงเสียงหมีก็ต่ำ น้ำใสไหลนองทั่ว คนมีศักดิ์นั้นพูดจาช้า) นกนางแอ่นเลยพูดว่า (เธอกำเนิดอยู่บนยอดหญ้าเขียวเลี้ยงปากด้วยปลายข้าวคนอื่น ปากก็ใหญ่แต่ลำคอเล็ก ฉันกับเธอนั้นเหมือนกัน จะหาศักดิ์ศรีที่ไหนเล่า? ) นกห่านป่าตอบว่า(ฉันแม้ไม่มีศักดิ์แต่ก็รู้หลักวินัยสามประการ คือกษัตริย์เป็นหลักขุนนาง พ่อเป็นหลักของลูก สามีเป็นหลักของภรรยา) ข้อเหล่านี้เป็นหลักวินัยสามประการ กษัตริย์ตรัสต่อขุนนางด้วยเกียรติมารยาท ขุนนางปฏิบัตหน้าที่ต่อกษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี เป็นพ่อของคนต้องมีเมตตาจิต เป็นลูกของคนต้องกตัญญูสำคัญยิ่ง ภรรยาต้องนอบน้อม สามีต้องมีศักดิ์ศรี สามีเท้าหน้า ภรรยาเท้าหลัง สมัยก่อนมีกษัตริย์นามว่า จ้าวหวัง ไม่มีทศพิธราชธรรม ราษฎรได้รับภัยพิบัติ ต่อมากษัตริย์ผู้หวังได้ให้ขุนนางเยี้ยงจื่อหย๋า ไปสะสางความไร้ศีลธรรมนั้น ราษฎรได้รับความร่มเย็นเป็นสุขราษฎรก็ได้ช่วยราชวงศ์โจวให้ยาวนานกว่าแปดร้อยปี แบบนี้ก็คือ กษัตริย์เป็นหลักของขุนนางละ อีกสมัยหนึ่งมีขุนนางคนหนึ่งชื่อ กันสื่อเอี้ยน บ้านเมืองฝนไม่ตกสามปีซ้อน อยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญมีพายุฝนตกใหญ่ กษัตริย์เลยถามกันสื่อเอี้ยนว่า (วันนี้ฝนตกขนาดหนัก สามารถตีค่าเป็นเงินเท่าไร) นายกันสื่อเอี้ยนนิ่งไม่ตอบ กษัตริย์ทรงพระพิโรธมาก มีรับสั่งให้กันสื่อเอี้ยนกลับบ้าน พรุ่งนี้เช้าต้องตอบคำถามใหม่) พอกลับบ้านไม่พูดไม่จา ลูกชายกันหลอสังเกตเห็น จึงถามพ่อว่า(บิดากลับจากวัง ทำไมหน้านิ่วคิ้วขมวด มีเหตุอันใดหรือควรบอกให้ลูกรู้ เพื่อช่วยกันคิดแก้ไข อาจเป็นไปได้) พ่อพูดว่า(ลูกรัก! พ่อเข้าวัง วันนี้ เหนือหัวรับสั่งถามเรื่องฝนตก มีค่าเป็นเงินเท่าไร? พ่อนิ่งตอบไม่ถูก เหนือหัวทรงกริ้วรับสั่งให้กลับบ้าน พรุ่งนี้เข้าวังให้ตอบเหนือหัว ด้วยเหตุนี้จึงกลุ้ม) ลูกชายจึงพูดว่า (เรื่องเล็กแค่นี้ไม่ควรทุกข์ใจ) พ่อพูดว่า (ลูกรัก! พรุ่งนี้ถ้าไม่มีคำตอบให้เหนือหัว ชีวิตทั้งครอบครัวก็คุ้มไม่อยู่ เรื่องแม้เล็กน้อย ลูกมีคำตอบหรือไง) ลูกตอบว่า (บิดาท่านทำไมไม่ตอบว่าอิฐบนกำแพงเปียก 1 ก้อน พื้นดินก็เปียกลึกห้านิ้ว ข้าวในนาเมื่อสุกปลั่ง ทั่วพื้นพสุธาดั่งทองคำ ฝนนี้นับค่ามิได้) พอนายกันสื่อซึ่งได้ฟังดังนั้นก ทำให้ดีใจยิ่งนัก กล่าวว่า (ลูกรักมีปัญญายิ่งนัก ถ้าเป็นอย่างนี้ พ่อก็ไม่เป็นห่วง)พอตะวันส่องฟ้ากันสื่อเอี้ยนก็เข้าเฝ้ากราบทูลเหนือหัวตามลูกชายบอก เหนือหัวฟังแล้วพอพระทัยมากตรัสว่า (เมื่อวานทำไมไม่รู้ แล้ววันนี้รู้ได้อย่างไร) กันสื่อเอี้ยนทูลตอบว่า ลูกชายเป็นคนบอก เหนือหัวเลยถามต่อว่า ลูกชายปัญญาดีปีนี้อายุเท่าไหร่ กันสื่อเอี้ยนทูลตอบว่า อายุ 12 ปีเลยมีรับสั่งให้เอาลูกชายเข้าเฝ้า และทรงถามลูกชายกันสื่อเอี้ยนว่าจะปกครองแผ่นดินอย่างไรดี กันหลอทูลว่า ข้ากระหม่อมปฏิบัติพ่อด้วยความซื่อสัตย์กตัญญู พ่อก็ปฏิบัติต่อลูกด้วยความรักเมตตา ประเทศชาติก็เช่นเดียวกัน กษัตริย์กับบิดาเหมือนกัน คุณธรรมขจรชื่อกระจาย ความซื่อสัตย์กับความกตัญญู ความเจริญรุ่งเรืองและเกียรติยศ ไม่ต้องตามหามันมาเอง ความชั่วร้ายไม่ต้องขับไล่ มันหนีไปเองเช่นกัน เหนือหัวได้ยินดังนั้น รู้สึกชื่นชมมาก แต่งตั้งให้นายกันหลอเป็นขุนนาง นี่แหละคือบิดาปฏิบัติ ต่อลูกละ กาลครั้งหนึ่งในสมัยชุนชิว กษัตริย์จี้หวังอยู่ในท้องพระโรงต้อนรับเจ้าจากประเทศราชสิบแปดประเทศเข้าถวายเครื่องราชบรรณาการ มีประเทศฉินถวายพิณทำด้วยหญ้า และประเทศอุ้ง ถวายไข่มุกไร้ราคี ส่วนประเทศฉอถวายไข่มุกเรืองแสงยามราตรี ขณะที่กำลังรับถวายอยู่นั้นกษัตริย์จี้หวังมีนางสนมนางหนึ่งชื่อ อู้ เอี้ยนสี มีสติปัญญาเหนือมนุษย์ มีหน้าตากแปลกประหลาดแตมีคุณธรรมสูงส่งสามารถใช้ธรรมกล่อมเกลาผู้อื่นได้ ประเทศทั้งสิบแปดยังยอมถ่อมตนถวายของมีค่า ต่อมาภายหลังคนพูดว่า นี่เป็นเพราะสามีเป็นหลักของภรรยาละ
นกนางแอ่นพูดว่า (หลักวินัยสามประการพูดจบ แล้วหลักธรรม 5 ข้าเป็นอย่างไร?) นกห่านป่าตอบว่า (เหยิน:คือความมีพรหมวิหารสี่หนึ่ง อี้: คือ ความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นสอง ตี้: ความมีปัญญา สาม หลี่: ความมีคารวะต่อผู้อื่น อ่อนน้อมตามควรแก่ฐานะของแต่ละบุคคล สี่ และ ห้า ซิ่น: คือความีสัจจะทั้งกายวาจาใจ รักษาเวลาคำพูด)นกนางแอ่นถามต่อไปว่า ขอถามหนายว่าแบ่งแยกกันอย่างไร? นกห่านป่าตอบว่า ถ้าท่านได้ยินเสียงร้องของมันย่อมไม่กินเนื้อของมัน เห็นมันมีชีวิตก็ต้องไม่อยากให้มันตายอันนี้เป็นหลักพรหมวิหารสี่ ถ้าสามีตายลงก่อน ภรรยาควรสงวนตัวไม่แต่งงานใหม่ เพื่อรักษความซื่อสัตย์ คนโตออกหน้าคนรองบินตาม ทั้งโตและเล็กต้องมีระเบียบ อักษรเลขหนึ่งก็ดูเรียบร้อยไม่สับสน อันนี้คือความมีคารวะ มีมารยาท จะบินขึ้นหรือร้องเรียก จะพักจะกิน และต้องเข้าใจการเกิดการตายบำเพ็ญเพียรทำแต่ความดี อันนี้หมายถึงผู้มีสติปัญญา จากไปในฤดูใบไม้ผลิ ก็กลับมาในฤดูใบไม้ร่วง จะมาจะไปก็ไม่ผิดพลาดเวลา อันนี้หมายถึง ความมีสัจจะ ฉันกับพวกเธอนั้นต่างกันพวกเธอนั้นกินหนอนเป็นอาหาร ไม่มีจิตเมตตา จะว่ามีพรหมวิหารสี่ได้อย่างไรกัน ถ้าสามีตายก่อน ภรรยาแต่งงานใหม่อันนี้จะมีความซื่อสัตย์ได้ไหม ไปแอบดูหญิงชาวบ้าน จะมีมารยาทได้ไฉน? มัวแต่สนใจเพื่อนเล่นของลูกชาย ไม่เข้าใจกฎแห่งกรรม ไม่ยอมตั้งใจประพฤติกรรมดี ไปๆมาๆ หลงๆลืมๆ ไม่รักษาเวลาอย่างนี้จะเชื่อได้ไหม? ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นหลักธรรมของ 5 ข้อ ถ้าหากเธอไม่รับรู้และไม่สนใจและไม่สำนึกผิด อย่างนี้จะว่าอย่างไร? นกนางแอ่นฟังแล้วก็ไม่มีคำตอบ ไม่รอช้ารีบบินจากไป ท่านทั้งหลายได้ฟังการสนทนาของนกทั้งสอง ต้องเข้าใจให้ลึกซึ้ง คำพูดได้สอนคนไว้มากวินัยสามธรรมห้าเป็นหลักการดำรงความเป็นคน เป็นมรรคให้คนเดิน เป็นหนทางขึ้นสู่สวรรค์ เธอจะเรียนแบบใครเชื่อแน่ว่า ทุกคนต้องคิดเป็นคนดี ให้คนสรรเสริญ
หยางเซิง : ท่านอาจารย์เล่าเรื่องต่างๆ นี้ล้วนมีธรรมะลึกซึ้งพวกนกยังบรรยายธรรมได้ ชาวโลกชอบพูดถูกพูดผิด มีคนบางคน ตนเองไม่เป็นคนดียังชี้คนชั่วได้ ก็เหมือนการพูดคุยของนกทั้งสอง
อรหันต์จี้กง :สามัญชน ชอบพูดถูกพูดผิด ไม่รู้จักสงวนตนใจอคติ เป็นคนต้องสงบปาก กล่าวแต่ธรรมะจะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็นพวกนก ชาวโลกควรจะสงบปากสงบคำ ปากถือศีลยังเอ่ยปากทำลายคน ก่อกรรมทำเข็ญ พูดไม่หยุดปาก คำพูดปลิวว่อนเหมือนนกแก้วในกรงขัง เพราะไม่ยอมให้ชาวบ้านอยู่สุขวันนี้พอแค่นี้ก่อน รีบกลับสำนัก
หยางเซิง :ขอรับกระผม.....
อรหันต์จี้กง :ถึงเซินเต๋อถังแล้ว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์ได้แล้ววิญญาณกลับเข้าร่างเดิม