ครั้งที่ 26 วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2520
ตอน ท่องแดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย
ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า :
ทำการค้า ให้ใหญ่โต กำไรดี
ไม่กดขี่ ไม่คดโกง เจริญได้
การพนัน ผิดศีล นั้นจริงไซร้
เสียหรือได้ ไม่พึงกล่าว เป็นถาวร
อรหันต์จี้กง : เวลาท่องนรกในวันนี้ ได้เวลาแล้วเจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว
หยางเซิง :ขอรับคำบัญชา เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางได้….
อรหันต์จี้กง :ถึงแล้ว ลงจากดอกบัวเร็ว
หยางเซิง :เบื้องหน้าคือ "นรกตัดเอ็นแทะกระดูก" บนประตูคุกได้เขียนบ่งไว้แล้ว พัศดีและนายทหารก็ได้ออกมาต้อนรับเราแล้ว ขอแสดงความเคารพต่อท่านพัศดีและนายทหารทั้งหลายข้าพเจ้าหยางเซิงผู้เป็นศิษย์ได้ตามท่านอาจารย์มาเยี่ยมชมคุกของท่าน ขอได้โปรดให้ความสะดวกด้วยเถิด
อรหันต์จี้กง :อาตมาพาหยางเซิงมายังคุกของท่านในวันนี้ศีลธรรมโลกมนุษย์ตกต่ำมาก นิยมแต่วัตถุเลยขาดการบำเพ็ญปลูกฝังจิตใจใฝ่ทางธรรม ต่างละโมบต่อทรัพย์สินเงินทอง โดยไม่เลือกที่จะหามาด้วยวิธีใดๆ ทั้งสิ้นขอให้ได้เงินมาก็แล้วกัน จะไม่มีการคำนึงถึงธรรมนองคลองธรรมและจิตสำนึกที่ดีงาม? ที่พูดว่า "จิตสำนึกที่ดีงามนั้นไม่มีราคาค่างวด" นั้นเป็นที่น่าอนาถใจยิ่ง เนื่องสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงแห่งชมพูทวีปได้รับเทวโองการ รับการประทับทรงประกาศธรรม เพื่อที่จะกู้คืนจิตใจที่เสื่อมทรามลงของผู้คน สร้างแต่งหนังสือธรรมเป็นการปลอบเตือนชาวโลก มีผลงานที่โชติช่วงรุ่งโรจน์มาก จึงได้รับคำชมเชยจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ โดยประทานเทวโองการให้แต่ง "เที่ยวเมืองนรก" เป็นกรณีพิเศษ ให้อาตมาพานายหยางเซิงท่องชมยมโลก เก็บเอาความจริงในนรกไปเผยแพร่ให้ชาวโลกรับทราบวันนี้มาเที่ยวชมคุกของท่าน ขอให้ได้ให้ความชี้แนะด้วย
พัศดี :ท่านอาจารย์พูดได้หนักแน่นมาก ท่านทั้งสองตรากตรำลำบาก การรับเทวโองการแต่งหนังสือนั้น เราได้รับสาส์นแจ้งเหตุแล้ว เข้าใจดีโดยตลอด เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้าไปตรวจชมภายในเถิด
หยางเซิง :พวกยมทูตช่างทารุณเสียจริงๆ ใช้มีดอันคมกริบตัดฟันมือนักโทษให้ขาดลง แต่ละตนหวีดร้องเสียงแหบแห้งแต่ร่างกายผูกมัดอยู่ติดกับหลัก จึงไม่สามารถดิ้นหลุดได้
พัศดี :คุกนี้คือ "แดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย" ยมทูตใช้มีดตัดฟันเอ็นบนมือนักโทษให้ขาดก่อน แล้วก็แทะเอาเนื้อที่ติดกระดูกนั้นออก โยนให้พวก "สุนัขเหล็ก" กิน ต่อจากนั้นจึงแทะกระดูกมือให้ขาด การรับโทษชนิดนี้ทรมานยิ่งนัก
หยางเซิง :กระผมเห็นแต่ละวิญญาณโทษล้วนถูกลงโทษจนมีอาการสลบไสล สุนัขดำที่อยู่ข้างๆ ก็ขบกิน เนื้อมือที่ถูกขูดออกสุนัขในโลกมนุษย์มักจะหากินแทะกระดูกก้างปลาตามใต้โต๊ะ แต่สุนัขที่กินเนื้อคนเพื่อยังชีพนั้น ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย ขอถามท่านพัศดีว่าสุนัขดำเหล่านี้มาจากแห่งใด?
พัศดี :พวกนี้เรียกว่า "สุนัขเหล็ก" มีเฉพาะในยมโลกเจาะจงกินแต่เนื้อมนุษย์ยังชีพ เพราะเหตุว่ามันไม่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์จึงเรียกว่า "สุนัขเหล็ก" หากเป็นสุนัขของโลกมนุษย์ก็มีวิญญาณจิตผ่องใสมาก ดูแลเฝ้าบ้านและสัตย์ซื่อต่อมนุษย์ ปัจจุบันชาวโลกมักจะเลี้ยงสุนัขที่มีชื่อเสียงราคาแพง ความเป็นอยู่ก็เหมือนกับมนุษย์ จนขนาดนอนร่วมกับเจ้าของผู้เลี้ยง แต่สุนัขในแดนนรกมีความแตกต่างกันมาก เพื่อที่จะลงโทษผู้ที่ไร้จิตใจของมนุษย์ ที่ไม่มีศีลธรรม ดังนั้นในยมโลกจึงเลี้ยง "สุนัขเหล็ก" เพื่อกินเนื้อของมันอันนี้เป็นการ "สนองตอบ" ที่เรียกว่า "ใจหมา" นั้นก็คืออันนี้แหละ
หยางเซิง :ท่านพัศดีพูดเข้าทีมาก มนุษย์ที่ไม่มีจิตใจซื่อสัตย์และคุณธรรมแล้ว เลวยิ่งกว่าสุนัขนี้อีก ดูพวกวิญญาณโทษที่โดนทำโทษอย่างน่าเวทนานี้ มิทราบว่าทำผิดในโทษฐานใดๆ
อรหันต์จี้กง :ฉันจะใช้ผ้าโบกให้ 2-3 ตนตื่นขึ้น เพื่อสะดวกในการให้ตนเองเล่าเรื่องบาปที่สร้างไว้ ดูข้าฯแสดงความปาฏิหารย์…..
หยางเซิง :แต่ละตนฟื้นคืนสติขึ้นมาจริงๆ ด้วย กลับคืนตัวเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ขึ้นแล้ว
พัศดี :ข้าพเจ้าจะปลด 3 ตนออก ให้สารภาพต่อท่านหยางเซิง เพื่อลงพิมพ์ใน "เที่ยวเมืองนรก" ให้วิญญาณโทษตนนี้รีบสารภาพบาปกรรมที่ทำไว้ในแดนมนุษย์มีอะไรบ้าง จึงตกลงมายังคุกนี้รับการลงโทษ
วิญญาณโทษ :ฉันจะพูด ฉันจะพูด ช่างทุกข์ทรมานเสียจริงๆ แต่ลูกหลานของฉันไม่รู้ว่าฉันมาถูกทรมานที่ยมโลก คิดว่าตายแล้วก็แล้วกันไป ตอนฉันมีชีวิตอยู่นั้นฉันทำการค้าขายผัก ด้วยความโลภอยากได้เงินมาก ก็เลยเล่นลูกไม้บนตาชั่ง เช่นชั่งหนึ่ง (ของจีนมีสิบหกตำลึง) ก็ชั่งให้เพียง 12 ตำลึง ต่างๆ นานา ในชีวิตการค้าขายมีการ "ลักตัดน้ำหนัก" เสมอๆ แม้ว่าเคยได้ยินผู้คนพูดว่าการค้าขายควรตั้งอยู่ในทางยุติธรรมสุจริต ลักตัดไปครึ่งชั่งชาติหน้าต้องชดใช้ให้ 8 ตำลึง แต่ฉันก็ถือว่าเป็นลมโบกโชยผ่านหูเท่านั้น ไม่มีการสำนึกในจิตที่เป็นธรรมแม้แต่น้อย หารู้ไม่ว่าเมื่อตายลงแล้ววิญญาณตกมายังยมโลก ต่อหน้ากระจก (กรรม) วิเศษฉายเอาความทุจริต ปรากฏมาอย่างชัดแจ้งแจ่มใสถูกยมบาลขุมที่ 4 ตัดสินให้ตกเข้า "นรกตัดเอ็นแทะกระดูก" มีกำหนด 10 ปี ทุกๆ วันโดนทำโทษจากการตัดเอ็นแทะกระดูกมือทั้งสองข้างโดนยมทูตเฉือนตัดดังผักปลา จะสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว พ่อค้าแม่ค้าที่แดนมนุษย์ต้องค้าขายโดยสุจริตมีคุณธรรมอย่าเห็นแก่ได้เล็กได้น้อยชั่งตวงไม่ยุติธรรม แดนนรกจะลงโทษอย่างหนักมิผ่อนคลายอภัยให้ยมบาลท่านเกลียดคนชนิดนี้ยิ่งนัก จึงลงโทษเป็นพิเศษ ยมทูตก็ไม่ปราณี เมื่อสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว
พัศดี :ใครใช้ให้แกเล่นลูกไม้ในตาชั่งเล่า ? เวลานี้แดนนรกให้ยมทูตช่วยซ่อมความป่วยไข้ของมือทั้งสองข้างของแกแล้วละ ให้ตนที่ 2 รีบเล่าเรื่องของตนเองที่ทำการไม่สุจริตในแดนมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแดนมนุษย์ฟัง
วิญญาณโทษ :ขอรับคำบัญชา เนื่องจากฉันอยู่ในแดนมนุษย์มีฐานะความเป็นอยู่ไม่สู้ดี และก็ไม่ได้รับการศึกษาด้วย ก็เลยยึดอาชีพรับซื้อของเก่า แต่ละวันขี่สามล้อเก่าๆ คันหนึ่ง เที่ยวออกรับซื้อของโบราณ เศษเหล็ก เศษกระดาษไปทุกทิศ เพราะเหตุเคยได้ยินพวกเดียวกันพูดว่า จะรับซื้อพวกเศษทองเหลืองของเก่า ถ้าซื้อตามน้ำหนักจริงแล้ว จะมีผลกำไรน้อยต้องเล่นลูกไม้บนตาชั่ง คือเล่นกลกับตาชั่ง เวลาชั่งคนนอกเห็นว่าถูกต้องแล้ว แต่ว่าหากเป็นของน้ำหนัก 10 ชั่ง เวลาชั่งฉันชั่งเพียง 7 ชั่งเท่านั้น ผู้ขายของเก่ามักจะไม่เกี่ยงงอนอะไรมากนัก ขอให้ขายได้ก็แล้วกัน ในชีวิตโกงตาชั่งเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อตายลงแล้ว ยมบาลท่านโกรธมากด่าว่าฉันรับซื้อของเก่าไม่ยุติธรรม เสียศีลธรรมด้านการค้า ขณะนี้ถูกตัดสินให้อยู่ในคุก 15 ปี ถูกทำโทษทุกวันโดยถูกพวกยมทูตรังแกข่มเหงสบประมาท ความทุกข์ยากนั้นไม่อาจพูดได้ ขอเชิญท่านหยางเซิงแห่งเมืองมนุษย์ช่วยขอความเมตตาลดโทษแทนฉันด้วยเพื่อจะได้พ้นทุกข์โดยเร็ว ขอกราบละครับ
หยางเซิง :ท่านอาจารย์ครับ เมื่อมันได้พูดความจริงแล้วดูสารรูปที่น่าสมเพช เสื้อผ้าขาดวิ่นรุ่งริ่งกระผมว่าอภัยให้มันบ้างเถิด
อรหันต์จี้กง :เรารับเทวโองการแต่งหนังสือเรื่องอื่นๆ ไม่ควรไปเกี่ยวข้องให้พัศดีจัดการก็แล้วกัน
พัศดี :ตอนมีชีวิตมือไม่สะอาด เวลานี้ก็น่าจะให้ยมทูตถลกหนังตัดเอ็นแทะกระดูก อันนี้มิได้เกี่ยวกับซื้อขาย แต่เป็นการตัด (เส้น) เอ็นปวดแสบ ลูกผู้ชายทำผิดแล้วต้องกล้ารับโทษซิ อย่ามาขอร้อง เปลี่ยนตนที่ 3 รีบเล่าเรื่องขาดศีลธรรมของแกในเมืองมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงฟัง เพื่อสะดวกในการตีพิมพ์ในหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" จะได้เตือนพวกนักการพนันแห่งโลกมนุษย์
วิญญาณโทษ :ตอนอีฉันอยู่เมืองมนุษย์ สามีอีฉันรับราชการมีตำแหน่งที่ไม่ต่ำต้อยนัก เมื่อสามีไปทำงาน ลูกๆ ก็ไปโรงเรียนกันหมด อยู่บ้านว่างๆ หญิงข้างบ้านชวนไปเล่นไพ่แรกเริ่มนั้นอีฉันเล่นไม่เป็น หล่อนก็สอนวิธีเล่นให้ จึงค่อยๆ เรียนรู้เล่นไพ่นกกระจอก และแล้วก็เล่นการพนันทุกชนิดล้วนเล่นได้คล่อง แคล่วมาก ถึงแม้จำนวนเงินที่ได้เสียกันไม่มากมายนัก แต่จากนั้นก็หลงใหลอยู่กับโตีะการพนันออกจากบ้านไปเล่นไพ่ตามสถานที่ต่างๆ ไม่มีเวลาดูแลอบรมบุตรธิดาหรือบ้านช่อง สามีได้ปลอบห้ามตักเตือนอยู่เสมอๆ ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ดังนั้นในครอบครัวจึงเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นเป็นประจำ 4 ปีก่อน อีฉันป่วยตายลงด้วยโรคหัวใจวาย ตกถึงยมโลกแล้ว ท่านยมบาลตัดสินให้มารับโทษในคุกนรกนี้ เหลืออีกครึ่งปีจะได้พ้นออกจากคุก ขอเตือนสตรีในโลกมนุษย์ ต้องรักษาศีลธรรมแห่งสตรี ต้องดูแลบ้านช่อง อย่าทำตามแบบอีฉันนี้ เมื่อตายลงไปแล้วไม่ต้องมารับโทษในที่แห่งนี้ มือทั้งสองข้างต้องถูกตัดเฉือน จึงโทษตัวเองทำไม่ดีในขณะที่มีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง
พัศดี :แม่บ้านในครอบครัวลืมหน้าที่ ไปเที่ยวนอกบ้านทั้งเล่นการพนัน ทำให้สังคมเสื่อมเสีย เนื่องจากยังไม่มีการฉ้อฉลลวงหลอกและยึดการพนันเป็นอาชีพ ยมบาลท่านจึงตัดสินลงโทษเธอในสถานเบา
หยางเซิง :ขอถามท่านพัศดี ส่วนพวกนักเลงพเนจรที่อาศัยเปิดบ่อนการพนัน เปิดเล่นเฉพาะแต่ต้มตุ๋นโกงกิน ไม่ทราบว่าไปทำการลงโทษยังแหล่งใด
พัศดี :นั่นมิได้อยู่ในความควบคุมของคุกนี้ต้องส่งไปยังขุมที่ 7 ในยมโลกไท้ซัวอ๊วงลงโทษหนัก ขอเตือนชาวโลกบรรดาที่มีความประพฤติดังกล่าวข้างต้น ต้องสำนึกกลับใจกลับตัวทันทีและพิมพ์แจกหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ปลอบเตือนชาวโลกแล้วโทษนั้นก็จะลบล้างลงได้ ตายลงแล้วก็มิต้องมารับโทษที่คุกนี้
อรหันต์จี้กง :เพราะเวลาดึกแล้ว เราเตรียมกลับสำนัก
หยางเซิง :ขอขอบคุณท่านพัศดีที่ได้ให้คำชี้แจงเรา จะกลับสำนักแล้วละ ขอลาก่อน
พัศดี :มิต้อง ขอส่งท่านทั้งสองกลับ
อรหันต์จี้กง :เจ้าหยางเซิงรีบออกจากคุกเร็ว เตรียมขึ้นบนดอกบัว
หยางเซิง :กระผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านกลับได้….
อรหันต์จี้กง :ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว
หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม