ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอนมีความว่า
แปดสองแปด สิบห้าคํ่า เดือนทรงกลด
ในนรก ใครสงสาร วิญญาณทุกข์
แม้จะฆ่า ตัวตาย ใช่พ้นทุกข์
กลับถูกรุก ให้รับกรรม ในเมืองผี
อรหันต์จี้กง :ปีนี้วันเพ็ญเดือนแปดสองหน ตั้งแต่ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ “เที่ยวเมืองนรก” มาจนปัจจุบันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนเต็มแล้ว วันเวลาไหลผ่านไปอย่างรีบเร่งเหมือนสายน้ำหวังผู้คนได้ตื่นขึ้นจากความละเมอหลง พระจั้นทร์เดือนแปดอีก(คือวันไหว้พระจันนร์ของชาวจีน) ชาวโลกสามารถสนทนาภายใต้แสงจันทร์มีความสุขสดชื่นอักโข กลับมามองดูในแดนนรกที่มืดมิด ไม่เห็นดาวเห็นเดือน วิญญาณผีร่ำไห้ร้องโหยหวนคร่ำครวญ ทำให้คนมิอาจทนดู เจ้าหยางเซิงเตรียมท่องนรก
หยางเซิง :ขอน้อมรับคำบัญชา! เวลาผ่านพ้นไปเร็วเหลือเกินระหว่างเวลาหนึ่งเดือนนี้ หนังสือเรื่องเที่ยวเมืองนรกยังทำไม่ได้ 10 เปอร์เซ็นเลย กระผมเกรงว่างานใหญ่ชิ้นนี้จะทำการสำเร็จยาก
อรหันต์จี้กง :ขอให้มีความจริงใจบริสุทธิ์ ที่เรียกว่า“จิตใจแน่วแน่ฟ้าดินทลาย” เจ้ามีจิตใจทางธรรมที่ถาวรมั่นคงอยู่แล้ว ประตูแห่งนรกทั้ง 10 ขุมจะเปิดออกเองให้เจ้าได้รู้เห็นตลอด จะไปหวั่นอันใด? รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว........!
หยางเซิง :ได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านเริ่มเดินทางได้ครับกระผม
อรหันต์จี้กง :.......ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว
หยางเซิง :ที่มาวันนี้น่ะ คือ “เมืองผีตายโหง” หรือครับ? ข้างหน้าประตู่เมืองปิดอยู่ ด้านบนมีตัวอักษรว่า “เมืองตายโหง” จะเข้าไปเยี่ยมหรือครับ?
อรหันต์จี้กง :วันนี้แหละจะเยี่ยมชม “เมืองตายโหง” ตามข้าฯเข้าเมืองไปเถิด
หยางเซิง :ประตูเมืองทำไมจึงปิด เราจะเข้าไปได้อย่างไร?
อรหันต์จี้กง :ประตูเมืองๆนี้ เป็นประตูอัตโนมัติเหมือนดังประตูอันโนมัติตามห้างสรรพสินค้าแห่งเมืองมนุษย์ บรรดาวิญญาณตายโหงถูกยมทูตมายังที่นี้ เพราะเหตุว่าตายโดยไม่ปรกติกลุ่มควันแห่งความเคียดแค้นไม่สูญสลาย เมื่อกลุ่มควันแค้นมาปะทะที่หน้าประตูประกอบด้วยประตูมีการสนองรับ ก็จะเปิดออกโดยปริยาย ทุกสิ่งทุกอย่างในยมโลกสืบเนื่องมาจากการกระทำของแดนมนุษย์แล้วแต่จิตที่จะตอบสนอง ฉันใช้พัดโบกเพียงทีเดียว ประตูก็จะเปิดออกเอง
หยางเซิง :ท่านอาจารย์มีฤทธิ์เดชอภินิหารสูงส่งมาก! พัดเล่มนี้ผมขอเอาไปในแดนมนุษย์ แสดงความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารให้ชาวโลกดูเป็นขวัญตา!
อรหันต์จี้กง :: เจ้าอย่าได้ริอ่านเกิดความคิดวิปริต เมื่อเกิดความคิดวิปริตก็มักจะผจญมาร(คือมีมารมาผจญ)ผู้บำเพ็ญธรรมไม่ควรแสวงหาสิ่งปฎิหาริย์มหัศจรรย์ ถ้าผู้บำเพ็ญธรรมสุขกายสบายใจ วันๆไม่มีเรื่องจุกจิกรบกวน จิตใจก็ผ่องแผ้วชื่นบานก็เท่ากับ “เทวดาองค์น้อยๆ” อยู่แล้ว จะเอาพัดเล่มนี้ไปโบกเกิดเพิ่มความยุ่งยากเปล่า!
หยางเซิง :ขอรับ กระผม! ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่สั่งสอนกระผมรู้สึกกระดากใจยิ่ง ข้างหน้ามีคนขบวนหนึ่งกำลังเดินมาเป็นเใครกันครับ?
อรหันต์จี้กง :นั่นคือ ข้าราชบริพารผู้รักษาเมืองผีตายโหง และนายทหาร เตรียมการต้อนรับ
ข้าราชฯ:ขอน้อมรับท่านจี้กง และหยางเซิง ที่มาสู่เมืองนี้เชิญตามพวกข้าพเจ้าเข้าเมืองและตรวจเยี่ยม
นายทหาร :ขอต้อนรับท่านอาจารย์และหยางเซิง พวกข้าพเจ้าได้รับคำสั่ง ทราบว่าท่านมาเยี่ยมชมทุกขุม แต่งเป็นหนังสือเพื่อเตือนชาวโลก
หยางเซิง :ขอน้อมคารวะทุกๆท่าน กระผมกับท่านอาจารย์มายังที่นี้ ขอได้โปรดให้คำแนะนำด้วย
ข้าราชฯ:มิกล้า เชิญลุกขึ้นเถิด ตามข้าพเจ้าเข้าเมืองกันเถิด
หยางเซิง : ที่นี่เสมือนหนึ่งคุกที่กว้างใหญ่มาก ในเมือง “ผีตายโหง” มีคนมากเช่นนั้นหรือ?
ข้าราชฯ:ทุกวันมีผู้ตายโหงมายังที่นี้ ข้าพเจ้าจะพาท่านชมดูตั้งแต่ห้องขังเป็นต้นไป
หยางเซิง :ห้องนี้มีเด็กเล็กเป็นกลุ่มๆ เลือดสดๆ เต็มหน้าตาส่งเสียงร่ำไห้ไม่ขาดระยะ บ้างก็นอนบนพื้นดิน น่าทุเรศน่าสงสารมาก ไฉนจึงไม่ปล่อยให้พวกมันออกไป
นายทหาร : เด็กเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กที่ถูกทำแท้งออกของเมืองมนุษย์ เพราะเหตุว่าเป็นตัวเป็นตนแล้ววิญญาณมิได้ดับสูญเมื่อตายแล้วต่างก็ตกมาถึงที่นี้ เนื่องจากชาวโลกไม่อยากชุบเลี้ยงหรือเกิดมีท้องขึ้นมาโดยไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมส่วนมากทารกยังไม่ทันได้คลอดออกมาก็โดนรีดออกถึงแก่ความตาย ทารกคนๆหนึ่งก็คือชีวิตหนึ่ง เด็กที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้เพราะเหตุว่าไม่สามารถเกิดออกมา จึงเกิดมีจิตใจที่เคืองแค้นทำให้พ่อแม่ต้องสูญเสียเงินทองในทางลับแล้ว ยังรอคอยจนพ่อแม่ตายลงแล้วก็จะมีการรังควานอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงขอเตือนชาวโลกอย่าได้ทำแท้งตามใจมากนัก การกระทำแบบนี้ไม่เพียงแต่ผิดศีลยังจะทำให้ตัณหาแห่งคาวโลกีย์โหมแรงขึ้นเรื่อยๆ.........ผู้ที่เคยทำแท้งกลับมาแล้ว จะต้องสร้างบุญสร้างกุศลให้มากขึ้น เพื่อชดเชยความผิด แล้วกฎแห่งยมโลกก็จะลดผ่อนโทษนี้ให้
หยางเซิง :ความจริงเป็นอย่างนี้เอง ขอเรียนถามท่านนายทหารว่า ผู้ที่ตายจากอุบัติเหตุล้วนแต่จะต้องมายัง “เมืองตายโหง” หรือไฉน?
นายทหาร :หาเป็นเช่นนั้นไม่ ถ้าทหารสามเหล่าทัพที่ตายลงในสนามรบ เพื่อป้องกันประเทศชาติ พลีกายเพื่อชาติที่เรียกว่า “พลีตนเอง(ส่วนเล็ก) เพื่อส่วนรวม (ส่วนใหญ่)”แต่ไม่ต้องมายัง “เมืองผีตายโหง” เพื่อรับโทษทัณฑ์วิญญาณ ผู้กล้าหาญวิรบุรุษเหล่านี้ ได้รับการต้อนรับขับสู้เป็นพิเศษบ้างก็ขึ้นไปเสพสุขบนสวรรค์ บ้างก็ตามบุญของตนกลับเข้าเป็นเจ้า หรือกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ที่มีโชคลาภวาสนา ดังเช่นแดนมนุษย์ตั้ง “ศาลเจ้าวีรบุรุษผู้ชื่อตรง” รับการกราบไหว้จากประชาชนนับหมื่นนับแสน นี่แหละคือสนองกรรมดีของผู้มีจิตชื่อตรงอารีดังนี้จึงขอเตือนชาวประชาต้องชื่อตรงหวงแหนรักประเทศชาตินับแต่โบราณกาลมา ผู้ที่จงรักภักดีต่อประเทศชาติ ล้วนถูกขนานนามในทางดี หอมหวนนับหมื่นนับแสนปีได้รับการเคารพกราบไหว้ตลอดกาล!
หยางเซิง :ท่านนายทหารพูดถูกแล้ว!
อรหันต์จี้กง :ฟ้าดินท่านรักผู้สัตย์ซื่อ นับแต่โบราณกาลมาจนทุกวันนี้ ผู้กล้าหาญซื่อสัตย์ที่มีจิตใจกล้าพลีชีพเพื่อประเทศชาติสามารถทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ผีและเจ้าสะอื้นไห้ ฉะนั้นเพียงแต่มีความซื่อตรงเท่านั้น ก็ได้สำเร็จบรรลุธรรมไปมากต่อมากแล้ว! วันนี้เวลาหมดแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนักเถอะ ขอลาท่านผู้ปกครองเมืองกับนายทหารทั้งหลาย
หยางเซิง :ขอขอบคุณท่านผู้ปกครองเมือง และนายทหารที่ได้ให้การชี้แจง เพราะเหตุเวลาหมดลง ขาลาก่อนละ
ข้าราชฯ:มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ขอท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงได้โปรดอภัยด้วย
อรหันต์จี้กง :ไม่ต้องเกรงใจ! เราศิษย์-อาจารย์จะกลับสำนักเจ้าหยางเซิงขึ้นดอกบัวเร็ว
หยางเซิง :กระผมนั่งเรียบร้อย ท่านอาจารย์
อรหันต์จี้กง :น่าสมเพชชาวโลกที่โง่เง่า เอาแต่เริงโลกีย์ แต่รีดทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขตนเองโดยไม่เหลียวมอง น่าสังเวชใจเป็นหนังหนา แม้พระพุทธเทวดาก็ไม่อาจจะทนดูได้ เตือนชาวโลกจงกลับใจสู่ความเมตตาธรรม การครองสุขในครัวเรือนเรื่องผัวเมียควรเป็นการสืบพันธุ์ต่อตระกูล สร้างความอบอุ่นในครอบครัว มีความสุขทางใจแสนประเสริฐเลิศล้ำกว่าความใคร่ถนอมรักพลังกายที่มีจำกัดยกให้แก่สังคมและประเทศชาติ จงทำคุณประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์เถิด....! ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว
หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม