mindcyber 3 weeks ago
admin #hell

ครั้งที่ 9 เที่ยวเมืองผีตายโหง ครั้งที่ 2

ครั้งที่ 9 วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2519

ตอน เที่ยวเมืองผีตายโหง ครั้งที่ 2

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอนว่า :

แพร่สัจธรรม นำกอบก ปุถุชน

กฎสังคม รณรงค เปลี่ยนคนเรา

ทุกศาสน์รวม เป็นหนึ่งเฝ้า อริยเจ้า

ทุกผู้เข้า ฝึกฝนธรรม ท่องนโม


อรหันต์จี้กง :จิตใจคนชาวโลกมุ่งสู่วิทยาศาสตร์ การพิสูจน์สิ่งที่ไม่มีตัวตน เห็นความศรัทธาทางจิตใจเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่รู้ถึงวัตถุมีวันเสื่อม แต่วิญญาณนั้นสถิตผุดผ่องอยู่ตลอดกาลจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกล้วนอยู่ในความนึกคิดชั่ววูบเดียวของคนเท่านั้น สวรรค์ไม่ไกลกลับใจก็พบ นรกอยู่ใกล้ ปฏิบัติธรรมจะห่างเหิน ใน "เมืองผีตายโหง" น่าอนาถใจยิ่งนัก หยางเซิงวันนี้เราศิษย์ - อาจารย์ เตรียมท่องนรก ทำใจให้มั่นคง รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง :กระผมเตรียมการเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์เริ่มเดินทางได้แล้วครับ

อรหันต์จี้กง :ถึงแล้วละ

หยางเซิง :ที่นี้วันก่อนดูเหมือนเคยมาแล้ว ไฉนจึงไม่ลงที่นอก "เมืองผีตายโหง" เลยก้าวเดียวตรงมาถึงที่นี้

อรหันต์จี้กง :พระพุทธท่านตรัสว่า "สี่สิ่งต้องปล่อยว่าง" (สี่สิ่งนั้นคือ ชาติ (เกิดขึ้น) สถิติ (ตั้งอยู่)อนุยถาตุว(เปลี่ยนแปลง)อนิตุยตา(ตายดับ) เป็น 4 สิ่งที่ว่างเปล่าหรือเรียกว่าจิตว่าง) เมื่อรูปร่างว่างเปล่าไม่เที่ยงแท้ไม่เป็นตัวตนจึงเป็นเหตุให้ประตูนรกเปิดออก เข้าออกตามใจชอบ โดยไม่มีอะไรจะกีดขวางคราวที่แล้วพาเจ้ามาเป็นครั้งแรก ที่ให้เจ้าลงจากดอกบัวที่นอกเมือง พาเดินกันทีละก้าว วันนี้เพราะเหตุเวลาจำกัด จึงตรงเข้ามายังแดนนรก หวังชาวโลกจงสำนึกรู้ตัว การบำเพ็ญธรรม ถ้าสามารถละทิ้งรูปนาม จึงเป็นการธรรมดาไม่ถูกกักกันผูกมัดในนรก ดังที่ข้าฯสามารถเข้าๆ ออกๆสะดวกสบาย

หยางเซิง :ท่านอาจาย์สั่งสอน “พระอภิธรรมขั้นสูง” กระผมขอน้อมรับคำสั่งสอน ข้างหน้า ผู้รักษาเมืองและนายทหารมากันแล้ว

อรหันต์จี้กง :รีบเข้าไปทำความเคารพ......

หยางเซิง :คำนับมายังท่านผู้รักษาเมืองและนายทหาร วันก่อนนั้นได้รับความแนะนำชี้แจงจากท่านรู้สึกขอบคุณเป็นที่ยิ่ง วันนี้มารบกวนอีก ขอได้โปรดให้การชี้แจงโดยละเอียดด้วย

ผู้รักษาเมือง : ไม่เป็นไรมิได้ เชิญท่านอาจารย์และหยางเซิงตามข้าพเจ้าเข้าไปข้างในตรวจเยี่ยม “เมืองผีตายโหง” อีกครั้งเก็บเอาเหตุการณ์ลงในหนังสือธรรม เพื่อตักเตือนและชี้แนะอบรมชาวโลก

หยางเซิง:ขอบพระคุณมาก ท่านอาจารย์ครับเราตามพวกเขาไปเถิด

อรหันต์จี้กง : เจ้าไปกับผู้รักษาเมืองและนายทหารก็แล้วกันอาตมายังมีธุระทางอื่นจะจากไปชั่วคราว

หยางเซิง:ท่านจะไปแห่งไหน? แล้วประเดี๋ยวใครจะพากระผมกลับไปเล่า?

อรหันต์จี้กง :ไม่ต้องตื่นเต้นประสาทเครียด พอได้เวลาข้าฯก็จะกลับมาพาเจ้ากลับไปเอง

นายทหาร :หยางเซิง ท่านสบายใจตามข้าพเจ้าไปเถิด

หยางเซิง :สองห้องติดกันนี้ล้วนแต่ขังพวกหนุ่มๆ สาวๆบางคนผมเผ้ารุงรังยุ่งเหยิง ท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เฝ้ามองมาทางข้าพเจ้า ขอเรียนถามท่านผู้รักษาเมืองว่า พวกนี้โดนขังเพราะเหตุใด?

ผู้รักษาเมือง :พวกนี้ล้วนมีความไม่สมหวังในเรื่องรักๆใคร่ๆตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์ เลยฆ่าตัวตายด้วยการกลืนยาพิษ เมื่อตายแล้วล้วนถูกจองจำอยู่ที่นี่ ขอชาวโลกอย่าได้หลงในความรักจนปิดบังสติปัญญาถึงกับฆ่าตัวตายเลย การกระทำเช่นนี้ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเป็นคู่กัน(เป็นสามี-ภรรยากัน) ยิ่งไม่อาจมีกิ่งเกี่ยวกัน (เป็นสามีภรรยากัน)

หยางเซิง :ในคุกนี้ไฉนจึงมีแต่ผู้มีอาการขาขาด มือขาดหรือหัวสมองแตก มีเลือดเปื้อนไปทั้งตัว? ส่งเสียงคร่ำครวญโหยหวน ดูแล้วรู้สึกน่าสังเวชยิ่งนัก

ผู้รักษาเมือง : เหล่านี้ล้วยเกิดอุบัตเหตุทางรถถึงแก่ความตายในแดนมนุษย์ หากเป็นผู้ที่ยังไม่ครบอายุขัยของตนเอง ก็ตกเป็นประเภทตายโหง วิญญาณตกมายังแดนนรกแล้ว ก็ถูกจำขังไว้ที่นี้รอจนครบอายุขัยของผู้นั้น แล้วจึงส่งไปกให้ท่านยมบาลชำระความดีหรือความชั่วเพื่อเป็นการแสดงให้รู้กันแจ่มแจ้งว่า ไม่ว่าแดนมนุษย์หรือแดนนรกไม่มีการลำเอียงทั้งสิ้น

หยางเซิง :เหตุผลนี้ใช้ไม่ได้? โชคร้ายตายลงด้วยอุบัติเหตุทางรถก็น่าอนาถใจอยู่แล้ว ยังต้องถูกจองจำอีก ไม่สามารถได้ผุดได้เกิด ข้าพเจ้าคิดว่าจะไร้ความเมตตาธรรมไปแล้ว

ผู้รักษาเมือง :ท่านทราบเพียงผิวเผิน ไม่ทราบถึงแก่นแท้ มิใช่ว่าผู้ตายโดยอุบัติเหตุทางรถจะมาอยู่ที่นี่กันหมด บางคนมีอายุขัยครบเต็มแล้ว เพราะเหตุที่มีกรรมชั่วรอบตัว โดยอาศัยการตายจากอุบัติเหตุรถ เพื่อชำระล้างเวร ดังนั้นชาวโลกมีอยู่ไม่น้อยที่เที่ยวโทษฟ้าโทษดิน หาว่าทำไมเมื่อตอนมีชีวิตอยู่นั้นได้สร้างบุญกุศลกลับต้องมาตายลงใต้ล้อรถ? หาว่าสวรรค์ท่านอยุติธรรม! ขอถามว่า “หยวนหุย” ปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรมไฉนจึงอายุสั้น พระพุทธเจ้าท่านมุ่งแต่บำเพ็ญธรรม ไฉนมารจึงมาผจญไม่หยุดยั้ง? มิใช่สวรรค์ท่านตาบอด แต่เป็นเรื่องของกรรมที่สวรรค์กำหนดไว้ เพื่อที่จะฝึกฝนอบรมจิตใจ คน เรื่องอะไรกับเนื่อหนังมังสาธรรมดา แม้ตัวตนรูปร่างสลายไปแต่วิญญาณนั้นไซร้ไม่มีวันดับ

หยางเซิง :เมื่อมีเหตุแห่งกรรมของสามชาติกำหนดอยู่แล้วไฉนจึงมีการตายโหงอีก จะไม่เป็นการขัดกันเองหรือ? ถ้าเช่นนั้นชาวโลกก็ไม่ต้องเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมแล้วล่ะ ขอท่านผู้รักษาเมืองช่วยชี้แจงอธิบาย เพื่อคลายความงมงายด้วย

ผู้รักษาเมือง :เหตุแห่งกรรมของสามชาตินับเป็นระยะอันสั้นเท่านั้นเองของมนุษย์ เนื่องจากดึกดำบรรพกาลมาแล้ว ได้ผจญภัยนานาชนิด ไม่ทราบว่าจะผ่านพ้นมากี่ชาติ เหตุแห่งกรรมที่สะสมไว้ยากที่จะคณานับ ดังนั้นทางพุทธจึงกล่าวไว้ว่า “ผลกรรมใน 3 ชาติ” หากจะพูดถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์ในปางก่อนหรือปางหลังแล้ว ก็จะเป็นชาติก่อน ชาตินี้และชาติหน้า หากแต่ชาติก่อนนั้นน่ะไม่เพียงแต่หมายถึงการเกิดในชาติก่อน หากแต่เป็นการสะสมกรรมของดวงวิญญาณจากการกระทำตัวตนของชีวิตทั้งหลาย ดังนั้นชาวโลกจึงสำคัญผิดคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้ ล้วนเป็นผลที่มูลเหตุในปางก่อนสร้างไว้ อันเป็นคำกล่าวที่ไม่คมคายกลมกลืนนัก ชาติก่อนนั้นกำหนดได้เพียงเจ็ดส่วนและชาตินี้กำหนดได้สามส่วนที่เรียกว่า “กรรมลิขิต” ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แต่ชะตากรรมคลี่คลายได้

หยางเซิง :ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ชาวโลกทั่วไปมีเรื่องอะไรล้วนกล่าวถึงกรรมของชาติก่อน ผิดถูกก็อยู่ที่สวรรค์ท่านกำหนดไว้ ความคิดที่บั่นทอนทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ถูกต้องเป็นที่ยิ่งเรือนขังตรงหน้าห้องนี้ ส่งเสียงน่าเวทนาไม่ขาดสาย เป็นที่คุมขังนักโทษอะไรบ้าง?

ผู้รักษาเมือง :เหล่านี้ล้วนแต่เป็นวิญญาณโทษที่ถูกลอบฆ่าหรือฆ่าซึ่งกันและกันถึงแก่ความตาย

หยางเซิง :นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจนึกคิดได้ ฆ่าเขาหรือถูกเขาฆ่าจะเป็นกรรมสนองตอบ หรือสมควรตายที่ชะตาถึงฆาตแล้วไฉนเมื่อตายแล้วจึงตกเข้าไปอยู่ใน “เมืองผีตายโหง” อีกเล่า?

ผู้รักษาเมือง : เหตุผลตรงกันแน่นอน! บ้างก็ฆ่ากันโดยกรรมสนองกรรม แต่ก็มีพวกคนที่ชาตินี้ไม่ทำบุญสร้างกุศล เกิดการพิพาท กระทำการชั่วร้ายอย่างมหันต์ นั่นแหละคือที่มาแห่งการตายโหง ขอให้ชาวโลกจงเข้าใจเหตุอันนี้ จะอ้างว่าฉันฆ่าเขาเพราะชาติก่อนเขาเป็นหนี้ฆ่าฉันไม่ได้ สุภาษิตกล่าวไว้ว่า “ควรระงับเวรด้วยการไม่จองเวร” แม้จะมีการเป็นหนี้กันถ้าสามารถไม่ทวงคืน ก็จะเป็นบุญกุศลอันมหาศาล หากมนุษย์ไม่มีการเห็นแก่ตัวเอง ต่างอยู่กันโดยสันติต่อกัน เปรียบเสมือนฟ้าปกคลุมและธรณีแบกรับ อย่างไม่มีที่รักมักที่ชังฉันนั้นแล้วนรกจะว่างเปล่า ผมจะไม่เกิด เหตุก็ไม่มีเลย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มนุษย์ควรที่จะรู้ว่าการเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่งนักควรรักษาตัวปลูกนิสัยปฏิบัติตนให้ดี หากผู้ที่มั่วผู้หญิง ก็อ้างว่าชาติก่อนเป็นหนี้ผู้หญิง มั่วแต่เรื่องโลกีย์ นั่นมิใช่เกิดจากเหตุแห่งชาติก่อน ที่เรียกว่าเป็เหตุแห่งชาติก่อน แต่เป็นการบังเอิญไปตรงกันเข้า ถ้าเป็นผู้ที่ตั้งใจกระทำความไม่ดีงาม ชาตินี้ก่อกรรมใหม่ขึ้นอีก ก็จะสร้างผลร้ายในชาติหน้า

นายทหาร :ท่านผู้รักษาเมืองพูดสมเหตุสมผลตรงตามหลักธรรมทุกอย่าง ชาวโลกควรจะเข้าใจรู้สำนึกตัว หากไม่เชื่อในเหตุผลนี้มนุษย์ก็ไม่ต้องบำเพ็ญธรรม ก็จะบ่ายเบี่ยงไปว่าผู้ที่มีธาตุพื้นแห่งพุทธเทวดาจึงสามารถบรรลุธรรม หรือพูดในทำนองว่าหากฉันมีเงินสักสิบล้านแล้วก็ไม่ต้องทำงานอีก นับเป็นความคิดที่ผิด

อรหันต์จี้กง :ฉันกลับมาแล้ว ที่ท่านผู้รักษาเมืองและนายทหารกล่าวไว้เมื่อกี้นี้ เป็นหลักธรรมที่ถูกต้อง สามารถทำลายความลุ่มหลงของชาวโลก ย้อยไปถึงวิญญาณดั้งเดิมบุพกาลที่สถิตอยู่เบื้องสวรรค์ทุกๆคน ล้วนเป็นพระพุทธ เทวดา เพราะเหตุที่ตกลงปางหลัง(คือเมืองมนุษย์) ถูกปกคลุมห่อหุ้มด้วยธุลีไอดินทำให้วิญญาณเดิมหลงผิด ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถกลับคืนสู่ถิ่นเดิม วันนี้สวรรค์ท่านได้ประทานธรรมอันใหญ่ยิ่งนี้สั่งสอนให้ทุกคนบำเพ็ญธรรมซึ่งเป็นกาลเวลาที่ “สรุปเหตุแห่งกรรม” เพื่อกลับคืนสู่จิตเดิมที่แท้จริง มวลมนุษย์อย่าได้หลงงมงายอีกเลย ผู้ที่ยอมบำเพ็ญมีส่วนจะเป็นอรหันต์เทวดาได้ ผู้ไม่ยอมบำเพ็ญธรรมนั้น จะต้องตกลงไปสู่หนทางเวียนว่ายตายเกิดอีก จะเป็นผีหรือเทวดาก็คนนั่นแหละเป็นผู้ทำเอง มิใช่สวรรค์ท่านกำหนดไว้ เมื่อดูสภาพใน “เมืองผีตายโหง” แล้วก็พอพิสูจน์ได้ เวลาหมดลงแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมกลับสำนัก ขอขอบคุณผู้รักษาเมืองและนายทหารที่ช่วยเหลือในการแต่งหนังสือ และช่วยในการคลี่คลายความหลงงมงายที่ได้ให้ความจริงใน “เมืองผีตายโหง”

หยางเซิง :หลักธรรมและเหตุผลลึกซึ้งดั่งทะเล ถ้าไม่ผ่านการชี้แจงจากท่านทั้งสอง ชาวโลกล้วนไม่ค่อยเข้าใจกระจ่างแจ้งขอท่านอาจารย์ได้โปรดสั่งสอนในเรื่องกฎแห่งกรรมอันเป็นหลักความจริง เพื่อกล่อมเกลาชาวโลกให้บำเพ็ญธรรมเป็นที่พึ่งในการกระทำ จดจำเป็นเข็มทิศ จึงจะแก้ความงมงายจนถึงที่สุด(คือจนกระทั่งตายยังไม่รู้ความจริงเลย)

อรหันต์จี้กง :นั่นคือหน้าที่ของข้าฯเอง วันอื่นจะประกาศหลักธรรมแห่งความจริงให้มากขึ้น สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง รับเอาภาระจากสวรรค์ กอบกู้ชักจูงผู้ลุ่มหลงทั้งหลาย ทำให้มวลมนุษย์กลับเข้าทางธรรมที่ถูกต้องโดยพร้อมเพรียงกัน และถึงขั้นบรรลุด้วยรีบเตรียมกลับสำนักเร็ว

หยางเซิง :กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มเดินทางได้

อรหันต์จี้กง : สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

คิดใกล้ตรองไกล

ท่านจูซีฟูจือ

1654918052.jpg
mindcyber
9 months ago

อริโยวาทฮ้อเซี่ยโจ้ว

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

พระแม่กาลี

พระโพธิสัตว์กวนอิม

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

มโนธรรมของเจ้าดำ

1654918052.jpg
mindcyber
6 months ago

อริโยวาท

พระอาจารย์โง้วมั่งอู้

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago