ปีเจี๋ยจื่อ เดือน 4 วันที่ 5 ค.ศ.1984 (ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2527)พระพุทธจี้กง ประทับทิพยญาณ
คนดี ทำอะไร ซื่อตรง โปร่งใส ตรงไป ตรงมา
คนชั่ว คิดหา เล่ห์เหลี่ยม มากมาย มาใช้ ลวงคน
กัลยาณชน อิสระ เสรี สบายใจ เหลือล้น
คนถ่อย ทุรชน ทำผิด คิดชั่ว หาโทษ ใส่ตัว
พุทธจี้กง : มีคำกล่าวว่า “วิญญูชนแม้ต้องการเงินทองทรัพย์สิน แต่ก็ต้องได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง” แต่ว่าสังคมในปัจจุบันนี้ราวกับว่าได้กลายเป็น “คนถ่อยละโมบอยากได้ทรัพย์ แสวงหาให้ได้มาด้วยวิธีที่ไม่ชอบธรรม” มานานแล้ว เปิดหนังสือพิมพ์ขึ้นมาหนึ่งหน้า ก็เจอแต่ข่าวมิจฉาชีพหลอกลวงจ่ายเช็คเด้ง เช็คเด้งก็เด้งกันเต็มท้องฟ้าไปหมด แล้วก็มีบางคนที่ใช้ประโยชน์จากการเล่นแชร์เชิดเงินหนีไปก็มี บางคนตั้งบริษัทลอยๆขึ้นมาต้มตุ๋นหลอกขายสินค้าก็มี ทำให้โลกมนุษย์กลายเป็นสังคมอันสกปรกที่เต็มไปด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงกัน แต่ว่าคนที่ไร้จิตมโนธรรมสำนึกมุ่งแสวงหาให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรมเหล่านี้ ถึงแม้จะหนีไปไกลสุดขอบฟ้าก็ไม่อาจหนีใจตัวเองพ้น ตัวเองทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ฟ้ารู้ ดินรู้ ตัวเองรู้ ไม่มีทางหนีพ้นบาปกรรมที่จะตามมา
ไฉ้เซิง : จำได้พระอาจารย์เคยบอกว่า “รู้พอคือสุข จิตสงบคือมั่งคั่ง ลดตัณหาก็คืออายุวัฒนะ” ดังนั้นชีวิตคนขอเพียง รู้พอ จิตสงบ ลดตัณหา ก็สามารถได้รับความสุข ความมั่งคั่ง และมีอายุวัฒนะ แล้วยังจะแสวงหาอะไรอีก
พุทธจี้กง : คิดไม่ถึง ความจำของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ยังสามารถจำคำพูดที่อาจารย์เคยพูดได้ แต่ถ้าหากคนๆหนึ่งสามารถจดจำและระลึกสวดท่องพุทธนามไว้อยู่เสมอตลอดเวลาได้ คนประเภทนี้จึงจะเป็นคนที่ มากด้วยความสุข มากด้วยความมั่งคั่ง และมากด้วยอายุวัฒนะ
ไฉ้เซิง : พระอาจารย์พูดได้ถูกต้อง แดนสุขาวดีมีทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าให้ใช้ได้ไม่มีวันหมด มีรสแห่งพุทธธรรมอันประเสริฐให้ดื่มกินไม่สิ้น มีอายุขัยที่ยาวนานไร้ขอบเขต การสวดพุทธนามจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวโลกควรไปดำเนินปฏิบัติ
พุทธจี้กง : ตอนนี้เราก็ออกเดินทางกันเถอะ
ไฉ้เซิง : ครับ ! ศิษย์นั่งบัลลังก์บัวเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญพระอาจารย์ออกเดินทางได้
พุทธจี้กง : ถึงแดนสุขาวดีแล้ว เบื้องหน้ามีโพธิสัตว์มารับแล้ว เจ้ารีบกราบคารวะเร็ว
(ไฉ้เซิงคุกเข่าลงกับพื้นกราบคารวะพระโพธิสัตว์)
โพธิสัตว์ : เมธีไม่ต้องมากพิธี เชิญลุกขึ้นเถิด
ไฉ้เซิง : ขอบคุณพระโพธิสัตว์
โพธิสัตว์ : วันนี้เราจะพาเจ้าไปเยี่ยมชมที่สระบัว
ไฉ้เซิง : ครับ.......ว้าว ! ผู้น้อยเห็นดอกบัวในสระเปล่งรัศมีอันสวยสด ดอกบัวทั้งใหญ่ทั้งสวย บัวแต่ละดอกเปล่งรัตนรัศมีออกมาห้าสี และที่สำคัญบัวแต่ละดอกมีชื่อสกุลของผู้สวดพุทธนามด้วย มหัศจรรย์จริงๆ
โพธิสัตว์ : เมธี ! เจ้าอยากลองพูดคุยกับคนที่อยู่ในดอกบัวไหม ?
ไฉ้เซิง : ได้หรือครับ ?
โพธิสัตว์ : ดอกบัวที่อยู่เบื้องหน้านี้กำลังใกล้จะบานแล้ว เดี๋ยวเราสวดมนต์ช่วยเขาอีกแรง เมื่อเขาออกมาแล้วจะได้ให้เจ้าสัมภาษณ์เขาสักหน่อย
(ตอนนี้พระโพธิสัตว์สวดมนต์ช่วย ดอกบัวบานออกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของคนๆหนึ่งโผล่ออกมา เป็นเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงจริงๆ)
ไฉ้เซิง : ธรรมานุภาพของพระโพธิสัตว์ช่างไร้ขอบเขตประมาณ มีฆราวาสท่านหนึ่งโผล่ออกมาจากดอกบัวจริงๆด้วย
โพธิสัตว์ : เมธี ! เจ้าสอบถามเขาเถอะ
ไฉ้เซิง : ครับ ! ขอถามท่านผู้ทรงคุณธรรม ไม่ทราบว่าท่านรู้สึกอย่างไร ?
สัตบุรุษ : ขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่ช่วยสวดอธิษฐาน วันนี้จึงสามารถได้ออกมาพบพระโพธิสัตว์ก่อนกำหนด
ไฉ้เซิง : ขอถามท่านผู้ทรงคุณธรรม ตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านบำเพ็ญปฏิบัติอย่างไร ?
สัตบุรุษ : หวนนึกถึงอดีตของฉันที่ผ่านมา ช่างลำบากจริงๆ เป็นเพราะตัวเองไม่รู้หนังสือก็เลยเป็นได้แค่แรงงานไร้ฝีมือ อยู่ในโรงงานต้องทำงานสารพัด ได้รับค่าแรงเป็นเงินติดกระเป๋าไว้เป็นค่าใช้จ่ายบ้าง มีวันหนึ่งจิตใจของฉันรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นทุกข์ จึงไปขอคำแนะนำจากพระอาจารย์ท่านหนึ่งในวัดๆหนึ่ง ฉันถามท่านว่ามีวิธีอะไรที่สามารถขจัดความกลัดกลุ้มของฉันออกไปได้บ้าง พระอาจารย์ท่านนี้ก็เลยสอนให้ฉันสวดพุทธนามของพระอมิตาภพุทธเจ้า บอกว่าการสวดพุทธนามสามารถทำให้มาเกิดยังแดนสุขาวดี หลังจากนั้นฉันก็เริ่มต้นสวดพุทธนาม เงินที่ฉันหามาได้ฉันก็เอาไปทำบุญพิมพ์หนังสือธรรมะ แล้วฉันก็อุทิศบุญกุศลทั้งหมดให้แดนสุขาวดี เพื่อขอมาเกิดยังแดนสุขาวดีแห่งนี้ หลังจากนั้น 3 ปี กิเลสความกลัดกลุ้มของฉันนับวันก็ยิ่งค่อยๆลดน้อยลง ร่างกายก็รู้สึกเบาสบาย ในใจมักจะได้ลิ้มรสแห่งความปีติในธรรมอยู่เสมอ จากนั้นฉันก็ยิ่งเพิ่มความพากเพียรมากขึ้น ไม่ว่าจะทำงานหรือเดินอยู่บนถนน ฉันก็จะสวดพุทธนามเงียบๆในใจอยู่ตลอดเวลาไม่ขาด สุดท้ายตอนที่กำลังจะสิ้นอายุขัย ฉันก็ได้รับความกรุณาจากพระพุทธะโพธิสัตว์นำพาฉันมาเกิดที่แดนสุขาวดี แต่ตัวฉันเองก็รู้ตัวดีว่าตัวเองนำกรรม(นำบาป)ติดตัวมาเกิด ดังนั้นดอกบัวจึงไม่สามารถบานได้โดยทันที วันนี้บัวบานสามารถได้พบพระโพธิสัตว์ รู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
โพธิสัตว์ : นี่ก็คือผลบุญของตัวเจ้าเองที่เจ้าเคยทำไว้และได้ย้อนกลับมาช่วยตัวเจ้า นั่นก็เพราะเจ้ามักจะสร้างบุญกุศลอย่างลับๆ โดยปิดบังชื่อสกุลของตัวเอง จึงมีเหตุปัจจัยที่ดีเช่นนี้มาช่วยเหลือเจ้า
สัตบุรุษ : ขอบคุณพระโพธิสัตว์เมตตา
ไฉ้เซิง : ขอเรียนถามพระโพธิสัตว์ หลังจากที่มาเกิดในแดนสุขาวดีแล้ว จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะสามารถออกมาจากดอกบัวได้
โพธิสัตว์ : ขึ้นอยู่กับผู้สวดพุทธนามว่ามีฝีมือความสามารถในการสวดท่องบำเพ็ญเพียรอยู่ในระดับไหน ดังนั้นจึงแบ่งการเกิดออกเป็นดอกบัว 9 ระดับ
1. คนที่เกิดในบัวชั้นบนระดับบน เมื่อมาเกิดที่แดนสุขาวดี ดอกบัวก็จะบานทันที สามารถได้พบพระอมิตาภพุทธเจ้าในทันที
2. คนที่เกิดในบัวชั้นบนระดับกลาง เมื่อเวลาผ่านไป 1 คืน ดอกบัวก็จะบาน สามารถได้พบพระพุทธะในทันที
3. คนที่เกิดในบัวชั้นบนระดับล่าง เมื่อเวลาผ่านไป 1 วัน 1 คืน ดอกบัวถึงจะบาน และต้องรอหลังจากนั้นอีก 7 วันจึงสามารถได้พบพระพุทธะ
4. คนที่เกิดในบัวชั้นกลางระดับบน เมื่อดอกบัวบาน ก็จะได้เพียงแค่ประจักษ์ในมรรคผลระดับเล็กก่อน
5. คนที่เกิดในบัวชั้นกลางระดับกลาง พอถึงวันที่ 7 ดอกบัวถึงจะบาน ได้ประจักษ์ในมรรคผลระดับเล็ก
6. คนที่เกิดในบัวชั้นกลางระดับล่าง เมื่อมาเกิดแดนสุขาวดี หลังจากที่ 7 วันผ่านไปแล้ว ดอกบัวถึงจะบาน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระโพธิสัตว์ก่อน แล้วจึงประจักษ์มรรคผลระดับเล็กในภายหลัง
7. คนที่เกิดในบัวชั้นล่างระดับบน จะต้องผ่านไป 49 วัน ดอกบัวถึงจะบาน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระโพธิสัตว์ก่อน แล้วจึงประจักษ์มรรคผลระดับเล็กในภายหลัง
8. คนที่เกิดในบัวชั้นล่างระดับกลาง หลังจากที่เวลาผ่านไปแล้ว 6 กัป ดอกบัวถึงจะบาน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระโพธิสัตว์ก่อนเพื่อให้เกิดความตื่นแจ้ง แล้วจึงได้ประจักษ์ในมรรคผลระดับเล็กในภายหลัง
9. คนที่เกิดในบัวชั้นล่างระดับล่าง ก็ต้องรอให้ผ่านไป 12 กัป ดอกบัวถึงจะบาน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระโพธิสัตว์ก่อน เพื่อให้เกิดความตื่นแจ้ง แล้วจึงประจักษ์ในมรรคผลระดับเล็กในภายหลัง
ไฉ้เซิง : ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ขอเพียงสวดพุทธนามเพื่อมาเกิดแดนสุขาวดีก็ไม่ต้องกลับไปเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในหกภูมิวิถีอีกต่อไปแล้วใช่ไหมครับ ?
โพธิสัตว์ : ใช่ ! นอกเสียจากว่าตัวเองจะตั้งมหาปณิธาน สมัครใจที่จะไปเกิดใหม่ในโลกธาตุอื่นเพื่อโปรดสัตว์และส่งเสริมเผยแพร่ธรรมให้เจริญรุ่งเรือง โดยปกติแล้วคนที่สวดพุทธนามเพื่อมาเกิดยังแดนสุขาวดี หลังจากที่ออกมาจากดอกบัวแล้วก็จะมุ่งตรงต่อการบำเพ็ญเพียรโดยไม่ถดถอยอีกตลอดไป สามารถสำเร็จเป็นพุทธะได้โดยตรง
ไฉ้เซิง : ทำไมถึงได้ประเสริฐดีงามขนาดนี้นะ ? ผู้น้อยอยู่ในอาณาจักรธรรม มักจะเห็นผู้บำเพ็ญธรรมส่วนหนึ่งที่เลิกบำเพ็ญไปกลางครันอยู่เสมอ
โพธิสัตว์ : เมธี ! อยู่ในโลกแห่งทะเลทุกข์ก็ย่อมที่จะต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่หลังจากที่มาถึงที่นี่ เจ้าดูเถอะ ! เพื่อนที่คบหากันก็ล้วนมีแต่เพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรและมหาโพธิสัตว์ สิ่งที่ดื่มกินก็คือน้ำแปดกุศลที่ช่วยเพิ่มพูนสติปัญญา และทำให้กายใจสงบชุ่มเย็น เสียงที่ได้ฟังก็เป็นเสียงนกน้ำแสดงธรรมที่ช่วยเสริมพุทธปัญญา ฟังแล้วย่อมเกิดจิตสวดท่องพุทธนามขึ้นเองโดยอัตโนวัติ สภาพแวดล้อมที่ประเสริฐเช่นนี้ ใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญปฏิบัติได้ดีกว่าถ้ำโบราณหรือป่าเขาลึกที่อยู่ห่างไกลจากผู้คนเป็นไหนๆ ไม่มีสิ่งที่เป็นอันตรายและไม่มีทางที่จะบำเพ็ญล้มเหลว นี่ก็คือข้อดีของแดนสุขาวดี
ไฉ้เซิง : โอ้ ! ดีจริงๆ งั้นหลังจากที่มาเกิดที่นี่แล้ว ทุกคนก็สามารถบำเพ็ญจนสำเร็จเป็นพุทธะได้ใช่ไหมครับ ?
โพธิสัตว์ : ใช่ ! มีจำนวนมากที่สามารถบำเพ็ญจนสำเร็จเป็นพุทธะ นี่ก็คือหนึ่งในมหาปณิธานของพระอมิตาภพุทธเจ้าที่ว่า “เมื่อข้าพเจ้าตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว โพธิสัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุอื่นๆที่มาอุบัติยังพุทธเกษตรของข้าพเจ้า ย่อมบรรลุถึงความเป็นเอกชาติปฏิพันธ์ได้อย่างแน่นอน (เอกชาติปฏิพันธ์คือโพธิสัตว์ที่มีพันธะเกี่ยวเนื่องกับการเกิดอีกเพียงชาติเดียวก็จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า) ถ้าหากไม่สามารถบำเพ็ญสำเร็จเป็นพุทธะ ข้าพเจ้าจะไม่ขอตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
ไฉ้เซิง : โอ้ ! พระอมิตาภพุทธเจ้าเมตตากรุณาจริงๆ
โพธิสัตว์ : พระอมิตาภพุทธเจ้าไม่เพียงแค่มีเมตตากรุณาเท่านั้น ในอดีตกาลนานมาแล้วก่อนหน้านี้ที่พระอมิตาภพุทธเจ้ายังไม่ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก็เป็นพระราชาองค์หนึ่ง ท่านชอบฟังพุทธธรรม ดังนั้นจึงมักจะไปยังสถานที่ๆพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้าแสดงธรรมเพื่อฟังพุทธธรรม มีอยู่วันหนึ่งท่านเข้าใจในชีวิตอย่างถ่องแท้และตื่นแจ้งโดยฉับพลัน ดังนั้นจึงสละราชบัลลังก์ออกบวชติดตามพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้าไปบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ในตอนนั้นท่านมีนามทางธรรมว่า “ธรรมกร” เป็นเพราะท่านธรรมกรมีรากบุญอันลึกซึ้งที่บำเพ็ญมาหลายภพชาติ มีความพากเพียรบำเพ็ญพุทธธรรม ด้วยเหตุนี้จึงบำเพ็ญสำเร็จอย่างรวดเร็ว แล้วท่านธรรมกรก็คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้า ประกาศมหาปณิธาน 48 ข้อ
ไฉ้เซิง : มหาปณิธาน 48 ข้อนั้น มีอะไรบ้างครับ ?
โพธิสัตว์ : มหาปณิธานทั้ง 48 ข้อ มีดังนี้
พุทธจี้กง : วันนี้เวลาไม่พอแล้ว อาจารย์คิดว่า มหาปณิธาน 48 ข้อ ต้องใช้เวลานาน ศิษย์เรา ! เจ้าก็ไว้ค่อยมาฟังครั้งต่อไปเถอะ !
ไฉ้เซิง : ครับ ขอบคุณพระโพธิสัตว์เมตตา ผู้น้อยคุกเข่ากราบลาตรงนี้
โพธิสัตว์ : เมธีไม่ต้องมากพิธี ครั้งหน้าค่อยเจอกัน
พุทธจี้กง : ศิษย์เรา เจ้านั่งบัลลังก์บัวให้ดี เตรียมตัวกลับสำนัก
ไฉ้เซิง : ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญพระอาจารย์ออกเดินทางได้
พุทธจี้กง : ถึงเซิ่งเทียนถังแล้ว ไฉ้เซิงลงจากบัลลังก์บัว วิญญาณกลับเข้าร่าง