เฉิงเฟยหลิน เป็นพนักงานของโรงน้ำตาลไถตง และเป็นพุทธมามกะที่เคร่งครัด ภรรยาของเขากลับคัดค้านสามีนางสวดมนต์ แต่นายเฉิงไม่เคยท้อแท้ใจเลย เมื่อมีโอกาสจะชักชวนภรรยาเขาสวดออนีทอฮุก เพื่อไปจุติแดนสุขาวดี ถึงแม้ตอนมีชีวิตอยู่ก็สามารถปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากอันตราย สวดพระนามนั้นมีผลดีมากมาย
คุณนายเฉิงถูกสามีเกลี้ยกล่อมทุกบ่อย ๆ ยังคงเข้าหูขวาทะลุหูซ้าย ไม่ยอมเชื่อทั้งนั้น แต่คุณนายเฉิงก็มีส่วนดีของแกกล่าวคือ เป็นแม่บ้านที่ดี รู้จักอดออมและขยันงานบ้าน บางครั้งก็ขึ้นเขาตัดฟืนแล้วอาศัยรถไฟขบวนย่อยกลับบ้าน มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณนายเฉิงหาบฟืนลงเขา แต่รถไฟเที่ยวสุดท้ายได้ออกไปแล้ว เลยต้องหาบฟืนเดินกลับบ้าน คุณนายเฉิงเดินตามรางรถไฟ เดินมาถึงครึ่งทาง เกิดเห็นเงาดำใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก พอเดินเข้าใกล้ มองเห็นชัดเจนขึ้น คุณนายเฉิงหัวขนลุกขึ้นมาทันทีเรี่ยวแรงที่หาบฟืนพลอยหมดไปด้วย ในช่างวินาทีสุดท้าย เธอนึกถึงสามีคอยพร่ำสอนสวดทุกบ่อย ๆ เลยสวดพระนามออนีทอฮุกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ สักพัก เงาของผู้ชายร่างใหญ่ก็หลีกทางหายไป คุณนายเฉิงเห็นเช่นนั้น รีบสาวเท้าเดินอย่างเร็ว ทิ้งฟืนไว้ที่นั่นแหละ
ระหว่างทาง ปากของคุณนายเฉิงยังคงสวด “นำโมออนีทอฮุก” ไปเรื่อย ๆ ขาทั้งสองจู่ ๆขยับขาไม่ออก รู้สึกแปลกใจก้มลงลองคลำดูจึงรู้ว่า เขาได้ผ่านเคราะห์ภัยครั้งที่สองอีกแล้วเพราะข้างหน้าเป็นลำธารเชี่ยว หากก้าวไปอีก 1 ก้าว เธอจะต้องตกลงไปในลำธารแน่ หากไม่ใช่ความเมตตาของออนีทอฮุก เธอตกลงไปในลำธารมิถูกน้ำพัดพาไปหรือคนในบ้านจะค้นหาก็ไม่มีทางหาเจอ ระหว่างลำธารมีไม้กระดานเล็ก ๆขวางอยู่ เธอต้องใช้สองมือสองขาค่อย ๆ คลานไป กลับถึงบ้านก็เที่ยงคืนพอดี
วันรุ่งขึ้น คุณนายเฉิงกลับไปหาบฟืนที่ทิ้งไว้กลับบ้าน และได้สอบถามคนละแวกสถานีรถไฟจึงรู้ว่า เดิมมีคน ๆหนึ่งเกิดอุบัติเหตุตายที่นั่น วิญญาณผีนั้นจะออกมาปรากฏให้เห็นบ่อย ๆ เรื่องทั้งหมดนี้ คุณนายเฉิงไปพูดในวันเปิดพิธีของสถานธรรมดอกบัว เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2503