โดย เซียนฮั่งเจ็งหลี
ประทับทรงวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2533
จิตใจของคนได้ผันแปรไปมาก วัน ๆ คิดแต่ชื่อเสียง ลาภยศ เงินทอง และกามารมณ์ ยิ่งเรื่องกามารมณ์แล้ว หลงใหลมากจนยากที่จะกลับเนื้อกลับตัวได้ ไม่ว่าชายหญิง ไม่ว่าวัยหนุ่มวัยแก่ ล้วนจมปรักอยู่ในทะเลกามทั้งนั้น หากพวกเราไม่ระมัดระวังผลร้ายที่ตามมายิ่งสาหัสสากรรจ์ ขอให้ชาวโลกจงสงบจิตสงบอารมณ์ไม่ลุ่มหลงในกาม ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุ ตั้งสติให้มั่น มุ่งหน้าสู่หนทางที่เป็นอริยเจ้า
บนสวรรค์มีกฏของสวรรค์ ในนรกก็มีบทลงโทษต่อคดีกาม คนเราควรระมัดระวัง ข้าขอยกตัวอย่างดังนี้
เรื่องนี้อุบัติขึ้นเมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้ว น่าจะนำมาเป็นตัวอย่างที่ดีต่อคนยุคปัจจุบัน ในเมืองไถจงมีพ่อค้า 2 คนแซ่จังกับแซ่หลินเป็นเพื่อนสนิทรักใคร่กันมาก เขาทั้งสองต่างมีครอบครัวแล้ว และมักจะขึ้นไปติดต่อการค้าที่เมืองไถเป ขณะนั้นเขาทั้งสองต่างมีอายุเท่ากัน คือ 27 ปี มีบุคลิกสง่างาม เวลาขึ้นเหนืออย่างน้อยก็ 3-5 วัน คนแซ่จังเป็นคนมีคุณธรรมและรักษาศีล ส่วนคนแซ่หลินกลับตรงกันข้าม นิสัยเจ้าชู้และจิตใจต่ำทราม
โรงเรมที่เขาทั้งสองพำนักอยู่นั้น เจ้าของโรงแรมมีบุตรสาวอายุ 18 ปีคนหนึ่ง กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย คนแซ่หลินสืบรู้ว่า เธออ่อนคณิตศาสตร์ เลยอาสาติวเลขให้ เธอคิดว่า คนแซ่หลินมีเจตนาดี จึงยอมรับการติววิชาของคนแซ่หลิน คืนหนึ่ง คนแซ่หลินได้วางยาสลบในน้ำโคล่า จนเธอดื่มแล้วสลบไสลและเสียความสาวให้แก่คนแซ่หลินในที่สุด วันรุ่งขึ้นเธอรู้ว่าเสียรู้เขาแล้วก็ไม่กล้าโวยวาย แต่ภาพหลอนนั้นคอยกัดกล่อนเธอจนไม่สามารถสอบผ่านเอ็นทรานซ์ได้
ในคืนวันที่เกิดเหตุ คนแซ่จังฝันว่าได้ไปเที่ยวที่ศาลเจ้ากวนอู เห็นเทพสององค์ในมือถือสมุดกำลังถวายต่อเง็กเซียนฮ่องเต้ เพื่อขออนุมัติให้ถอดถอนบุญวาสนาคนแซ่หลิน เพราะไปข่มขืนลูกสาวของเจ้าของโรงแรม แล้วทูลถามว่า บุญวาสนาที่ถอดถอนนั้นควรยกให้กับใคร ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ทรงตรัสว่า คนแซ่จังมีจิตบริสุทธิ์และยึดมั่นในศีล 5 เห็๋นสาวงามแล้วจิตไม่หวั่นไหวสมควรรับบุญวาสนาจากคนแซ่หลินไป บัดดลก็ถูกคนแซ่หลินทำให้ตื่น
บุญวาสนาของคนแซ่หลินได้สืบทอดจากบรรพบุรุษที่สั่งสมมาถึง 3 ชั่วคน และสามารถเสพสุขอย่างสบายตลอดชีวิต ไม่นึกว่าความสนุกเพียงชั่วขณะได้พังทลายลงจนหมดสิ้น นับจากวันนั้นเป็นต้นมา กิจการค้าของเขาก็ทรุดลง ๆ จนต้องปิดกิจการลงส่วนคนแซ่จัง ในปีต่อมาก็ได้บุตรชาย 1 คน น่ารัก ฉลาด เมื่อสำเร็จปริญญาตรี ยังได้มีหน้าที่การงานดี เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล จากตัวอย่างที่ยกมานี้ การละเมิดศีลข้อที่ 3 ร้ายแรงแค่ไหน ท่านอ่านเรื่องนี้แล้ว ยังจะหลงงมงายกับกามตัณหาต่อไปอีกหรือ คนแซ่จังกับคนแซ่หลินตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ต่างก็มีอายุ 60 กว่าปีแล้ว ถ้าเขาทั้งสองมีโอกาสอ่านพบเรื่องของตัวเองคนจะสึกเสียดาย และอีกคนคงชื่นชมกับความมีคุณธรรมของตน
กามารมณ์เป็นเพชฌฆาตตัวร้ายกาจที่จะทำลายอนาคตของคนเรา พวกเราไม่ควรหลงใหลมัน ถึงแม้ตัวเราไม่คิดเป็นอริยบุคคลเพียงไม่ผิดศีล 3 สวรรค์ยังทรงประทานพรให้ วิญญูชนควรสังวร