เราทุกคนที่ยังเวียนว่ายอยู่ในโลกต่างเคยสร้างบาปเวรมีหนี้สินติดตัวแต่ละคนล้วนมีเจ้าหนี้นายเวรด้วยกันทั้งนั้นจะหนักเบามากน้อยก็ขึ้นอยู่กับ “หนี้”ที่ติดค้าง คนในโลกถ้าติดหนี้เงินน้อยๆ ก็พอจะผ่อนชำระแต่ถ้าติดมากๆก็ต้องผ่อนเสียจนแทบไม่มีกิน ในทางบาปกรรมก็เช่นเดียวกันถ้าเจ้ากรรมนายเวรมาทวงอย่างเบาๆก็เสียข้าวของเงินทองเล็กๆ น้อยๆ ทวงอย่างกลางก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยมีแต่โรคภัย เบียดเบียนเสียเงินตลอดทั้งปี ทวงอย่างหนักก็ต้องเจออุบัติเหตุเสียทั้งของเสียทั้งเงินบางทีต้องเสียแขนเสียขาตาบอด เสียโฉม ฯลฯ หรือถึงกับพิการไปตลอดชีวิตก็มี
แต่ถ้าติดหนี้หนักๆ ไม่ยอมใช้ เจ้าหนี้นายเวรผ่อนผันให้ไม่ไหวก็ทวงเอาถึง “ตาย” เลยทีเดียวชีวิตของเราเขาก็มีสิทธิเอาไปชดใช้หนี้ที่ติดค้าง เจ้าหนี้นายเวรไม่ต้องการเงินทองมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่พอจะเป็นข้อต่อรองขอผ่อนผันเขาได้ก็คือ “บุญกุศล” เวลานี้ใครรู้ตัวว่ามีหนี้ติดค้างก็ควรสร้างบุญกุศลโดยการ “กินเจ” ถือศีลงดกินเนื้อสัตว์อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร “กินเจ” เป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่โดยไม่เสียเงินสักบาทเพียงแต่หยุดกินเนื้อกินแต่พืชผัก ก็เท่ากับซื้อชีวิตสัตว์มากมายปล่อยได้ทุกวัน หากใครพอมีกำลังทรัพย์ก์ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปโดยการพิมพ์หนังสือธรรมะแจกจ่ายให้กับคนที่ยังไม่รู้ให้มีโอกาสได้รู้ด้วยถือเป็น “มหากุศล” “สร้างอักษรหนึ่งตัว” ในหนังสือธรรมะ “เท่ากับสร้างพระพุทธปฏิมาไว้หนึ่งองค์” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานข้อคิดไว้ว่า “มนุษย์เวลาเรียกให้สร้างบุญกุศลบอกว่า “ไม่มีเงิน” เรียกให้ทำความดี ก็บอก “ไม่มีเวลา” แต่เมื่อเจ้ากรรมนายเวรมาทวงเงิน ไม่มีก็ต้องหาจนมี ไม่อยากตายเขามาตามก็ต้องไปใครบ้างขัดขืนได้”
มันน่าคิดว่า ถ้ามีคนมาขอบริจาคจะเอา แขน ขา ลูกตาของเราไป ใครให้ได้? ตอนนี้เรายังพอมีเงิน มีปัจจัยสามารถสร้างบุญกุศลตามกำลังก็ควรจะทำชดใช้เขาไปถ้าขืนรอจนกระทั้ง “เจ้าหนี้” มาตามทวงถึงที่แล้วละก้อบางทีชีวิตตนเองก็ยังรักษาไว้ไม่ได้