ตั้งจุ้งเพ้ง
ในสมัยราชวงศ์ซ่ง ท่านห่วมบุ้นกงสมัยยังเป็นเด็กอยู่ ครอบครัวยากจนมาก มีวันหนึ่ง ท่านห่วมบุ้นกงได้พบกับโหราจารย์คนหนึ่ง ห่วมบุ้นกง ก็ขอคำแนะนำจากโหราจารย์ โดยพูดกับโหราจารย์ว่า “อาจารย์ดูฉันว่าจะได้เป็นเสนาบดีหรือไม่”
โหราจารย์มองเห็นสภาพยากจนของห่วมบุ้นกงอย่างนั้นก็แกว่งศีรษะว่า “ไม่ได้” ห่วมบุ้นกงก็ถามต่อว่า “ถ้างั้นฉันสามารถเป็นหมอรักษาโรคที่ดีไหม” โหราจารย์ได้ยินห่วมบุ้นกงถามแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกฉงนรู้สึกถึงแนวความคิดที่ถาม คำถามสองข้อซึ่งมีความแตกต่างกันมาก โหราจารย์ก็ตอบคำถามเขาว่า “เอกบุรุษจะไม่ยอมให้เน่าเปื่อยหมือนต้นหญ้า หากจะสร้างบารมีในชาติปัจจุบันเพื่อคิดอยากจะเป็นเสนาบดีก็เป็นเหตุผลที่แน่นอน หากคิดจะเป็นหมอที่ดี มันก็เป็นเพียงศีลปะแขนงหนึ่ง จะมีคุณค่าอะไรที่ต้องไปทำ”
ท่านห่วมบุ้นกงรู้ดีว่าโหราจารย์ไม่เข้าใจความคิดของตนจึงพูดขึ้นว่า “อาจารย์เข้าใจความคิดของผมผิด” อุดมการณ์ของผม ไม่ใช่อยู่ที่คิดจะเป็นเสนาบดีข้าราชการใหญ่หรือเป็นหมอที่ดี แต่อุดมการณ์ของผมต้องการฉุดช่วยชาวโลก เอกบุรุษที่สามารถเป็นราชาที่ดีพร้อมที่สามารถช่วยเหลือข้าราชการของท่านให้สามารถช่วยให้ประชาชนแต่ละคนได้รับสิ่งอันควร ซึ่งล้วนสามารถได้รับพระมหากรุณาธิคุณถ้วนหน้า นั่นจึงทำให้ฉันคิดจะเป็นเสนาบดี หากไม่สามารถจะเป็นได้ก็คิดจะเป็นอย่างหลัง ผมคิดว่าถ้าสามารถช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากก็ขอเป็นหมอที่ดี เบื้องบนสามารถรักษาเจ้าแผ่นดินที่เจ็บป่วย เบื้องล่างก็สามารถช่วยเหลือประชาชนที่สุดก็สามารถรักษาตนให้มีชีวิตยืดยาว เหตุนี้จึงได้ถามท่านแบบนี้
โหราจารย์ได้ฟังวาจาท่านห่วมบุ้นกงแล้วจึงลุกยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัวแล้วคารวะแก่ห่วมบุ้นกงอย่างนอบน้อมว่า “ท่านมีใจเมตตากรุณาแบบนี้ อนาคตก็เป็นเสนาบดีได้แน่ พระคุณจะปกคลุมทั่วหล้า”
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านห่วมบุ้นกงกับซินแสฮวงจุ้ย พอดีได้ไปดูภูมิทัศน์แห่งหนึ่ง เมื่อซินแสมองดูที่แห่งนั้นแล้วพูดกับห่วมบุ้นกงว่า “ที่แห่งนี้เป็นที่ ๆ ไม่มีบุตรไม่มีหลานสืบสกุล หากคนที่ไมีรู้จักฮวงจุ้ยแล้วก็คิดว่าที่ตรงนี้เป็นสถานที่ดี หากได้ฝังบรรพบุรุษไว้ที่นี่ ก็จะไม่มีบุตรหลานสืบสกุล” ห่วมบุ้นกงฟังแล้วคิดในใจว่า นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าอันตราย หากมีคนไม่รู้เอากระดูกบรรพบุรุษมาฝังก็จะทำให้ขาดลูกหลานสืบสกุล เมื่อข้ารู้แล้วจะนิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือได้หรือ ว่าแล้วห่วมบุ้นกงก็เอาเถ้ากระดูกของบรรพชนมาฝัง ณ ที่นี้เลย เพื่อกันไม่ให้คนอื่นหลงผิด แล้วมารับเคราะห์ภัยที่นี่
ห่วมบุ้นกงมีห้องหนังสืออยู่ห้องหนึ่ง ซินแสฮวงจุ้ยก็มาพูดกับห่วมบุ้นกง “ฮวงจุ้ยของห้องหนังสือนี้ดีเหลือเกิน หากได้มาอ่านหนังสือที่นี่ทุก ๆคนก็สามารถได้เป็นขุนนาง” ห่วมบุ้นกงได้ฟังแล้วในใจก็คิดใคร่ครวญหากมีไว้แต่ตนก็จะมีขุนนางทุก ๆ ชั่วคน สู้มอบให้แก่ทุกคน ทุกคนก็สามารถมีลูกเป็นขุนนางได้ ดังนั้น จึงแก้ไขปรับปรุงห้องหนังสือนี้เป็นโรงเรียน
แม้ว่าท่านห่วมบุ้นกงจะย้ายสุสานบรรพชนไปฝังยังสถานที่มีฮวงจุ้ยเลวที่ทำให้ขาดบุตรหลานสืบสกุลก็ตาม ต่อมาท่านห่วมบุ้นกงกลับได้รับยศฐาบรรดาศักดิ์เป็นถึงเสนาบดี แล้วก็มีบุตรหลานเต็มบ้านเต็มเมืองเสพสุขตามครรลองแห่งความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้เพราะท่านห่วมบุ้นกงคิดทำงานเพื่อผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา โดยปกติท่านก็จะเป็นทุกข์กังวลกับคนใต้หล้า และมีความสุขต่อการทำงานตามอุดมการณ์ ดังนั้นแม้เวลาจะล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบันคุณธรรมของท่านก็จะยังเป็นแบบอย่างให้คนชื่นชมมาโดยตลอด ดังนั้นหากชาวโลกจะถามเรื่องอนาคตก็เพียงให้ถามจิตตนก็สามารถรู้เกินกว่าครึ่งแล้ว
เมื่อราวเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2534 ขณะที่ข้าพเจ้า กำลังเลือกซื้อโต๊ะวางหนังสือธรรมะ ที่ใช้แจกส...