พระสมันตภัทรโพธิสัตว์
การปฏิบัติบำเพ็ญธรรมต้องทดสอบใจจริง
สารีริกธาตุที่แท้ก็คือไฟที่หล่อหลอมทองคำ
พุทธภูมิสามพันโลกธาตุแม้เป็นแดนวิสุทธิ์
พอผ่านลมฝนเพียงครั้งเดียวก็ปรากฏเสียงคลื่นแล้ว
มนุษย์อยู่ในภูมิของธาตุหยินหยาง (มืดสว่าง) ดังนั้นร่างกายมีเจริญก็มีเสื่อม ทำไมจึงกล่าวเช่นนี้ เพราะหยินหยางเป็นสิ่งตรงข้ามกัน ความเจริญความเสื่อมเป็นทวิลักษณ์ นี่คือรูปของไท้จี๋ (สัญลักษณ์ของมหาสุด) ดังนั้นเมื่อสุดหยางก็ถึงหยิน เมื่อเจริญสุดก็ถึงเสื่อม หยางนั้นคือสัญลักษณ์แห่งความสว่าง มนุษย์จึงมีบรรยากาศแห่งความสว่าง แม้ความดีถูกยกย่องให้เป็นความเจริญ แต่หยินหยางเป็นของคู่กัน เมื่อหยินเห็นหยางให้ความสว่างก็เกิดใจอิจฉา ก็จะสร้างเมฆหมอกขึ้นมาบดบังแสงของหยาง ดังนั้น ภายหลังความเจริญความเสื่อมก็เกิดขึ้น ความสัมพันธ์อันนี้ก็ด้วยใจคนเกิดความเห็นแก่ตัวขึ้น
ฉะนั้น เมื่อผู้ปฏิบัติบำเพ็ญธรรมต้องประสบกับความเจริญเสื่อมควรจะจัดการอย่างไร ที่สำคัญอันดับแรก ต้องหวนกลับมาพิจารณาตนเองถ้าตนเองบริสุทธิ์สะอาดก็ทำหูทวนลม ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้ถือโอกาสสำนึกผิดคิดแก้ไข เพื่อให้เป็นไปตามความเห็นของคน ความเจริญเสื่อมที่เป็นไปตามกระแสโลก ก็มักเกี่ยวข้องด้วยผลประโยชน์เป็นสำคัญ ที่น่าเสียใจก็คือศาสจักรก็ให้มีกระแสของความเจริญเสื่อมอยู่ด้วย อันนี้ก็เป็นการแย่งชิงกันระหว่างมารกับธรรม เมื่อผู้ปฏิบัติบำเพ็ญธรรมมีความสำเร็จ มารศาสนาก็จะแฝงตัวเข้ามาทำลายให้เสื่อมสูญ ดังนั้น เมื่อผู้ปฏิบัติธรรมประสบเรื่องเช่นนี้ ก็ควรระมัดระวังอยู่ในความสงบเหมือนปกติ ถามใจตนเองถ้าไม่มีความผิด ทำไมจะยอมให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ไม่ได้หรอกหรือ โบราณว่า “ทางไกลรู้แรงม้า มีเรื่องก็ดูใจคน” เดินไปบนความจริง แม้จะมีอุปสรรคคอยทำลายขัดขวาง ขอเพียงมีใจแน่วแน่มั่นคง หากมหาธรรมไม่เสียหายแล้ว ก็เหมือนเมฆดำบดบังตะวันที่สุดเมื่อเวลามาถึง แสงตะวันจะฉายอีกครั้งเมื่อเมฆดำผ่านไป ถึงแม้จะถูกบดบังชั่วครู่ก็ไม่เสียหายจะได้ส่องเห็นใจธรรมของคนอีกครั้ง
การสรรสร้างของฟ้ายุติธรรม ลมพายุฝนแม้จะรุนแรงก็มีเวลาที่จะสงบ ฟ้าใสหลังฝนเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้มารนั้นมาฝึกฝนธรรม จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับฝึกฝนจิตใจของนักธรรม อารมณ์สุกดิบตัวเอง ตัดสินการปฏิบัติธรรมตื้นลึกจะเห็นได้ชัด ด้วยเหตุนี้ อาตมาขอให้ชาวโลกอย่าได้เกิดใจทำลาย เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อเหตุแห่งความชั่ว วิบากกรรมจะตกอยู่แก่ลูกหลานและชาติต่อไป ดังที่กล่าวว่าสำเร็จงดงามบุญกุศลมหาศาล สุขปานไหนจะไม่ปฏิบัติหรอกหรือ!
อุบายปราบราคะ
จิตของท่านรุ่มร้อน (ด้วยราคะ) เพราะสัญญาอันวิปลาส
ท่านจงละว้นนิมิตอันสวยงาม อันเป็นที่ตั้งแห่งราคะเสีย
ท่านจงเห็นสังขารทั้งหลาย โดยความเป็นสิ่งแปรปรวน โดยเป็นทุกข์ และอย่าเห็นโดยความเป็น(ตัว)ตน
ท่านจงดับราคะอันแรงกล้า
ท่านจงอย่าถูกราคะเผาผลาญบ่อย ๆ
ท่านจงเจริญจิตในอสุภกัมมัฏฐาน ให้เป็นจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว ตั้งมั่นด้วยดีเถิด
ท่านจงมีกายคตาสติ (ไว้ในใจ)
ท่านจงเป็นผู้มากไปด้วยความเบื่อหน่าย
ท่านจงเจริญความไม่มีนิมิต และจงถอนมานานุสัยเสีย
เพราะการรู้เท่าถึงมานะ ท่านจักเป็นผู้สงบระงับเที่ยวไป ดังนี้ ฯ
(อานนท์ ) อานันทสูตร 15/262
บ่อยครั้งที่ความรู้ความสามารถที่ทุกท่านมีอยู่ ความเก่ง ความรู้ความสามารถที่ท่านมีอยู่กลับก...