เซินฮัว
ภาพที่มองเห็นได้เรียกว่ารูป เดิมทีฟ้าดินนั้นมีธรรมอยู่ก่อนแล้วต่อมาจึงมีสรรพสิ่ง มหาธรรมไม่มีลักษณ์ ให้กำเนิดฟ้าดิน ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นปรากฎการณ์ของธรรม หญ้าต้นหนึ่งไม้ต้นหนึ่ง มีรากมีดินแล้วสามารถเจริญเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร เรื่องหนึ่งสิ่งหนึ่งถ้าพิจารณาให้ละเอียดก็จะรู้ต้นปลาย ความแตกต่างก่อนหน้าและภายหลัง ใจก็จะเข้าใจสิ่งต่างๆ
มีคำกล่าวว่า รูปไม่หลงคน คนหลงเอง ทำไมรูปไม่หลงคนเพราะรูปที่เห็นไม่ใช่รูปจริง เป็นผลิตผลของหกอายตนะเท่านั้น เปลี่ยนแปลงเป็นอนิจจัง ไม่ใช่จิตที่เป็นนิจจังเป็นแรงกรรมที่จิตเคยเปื้อนจดจำมาแต่อดีตชาติ จมปรักอยู่กับการเกิดดับตามสรรพสิ่งหลายภพชาติมาแล้ว จิตเดิมที่ไม่พร่องไม่เกินไม่เกิดไม่ดับ แต่กายคนเกิดจากสี่มหาภูตรูปรวมกัน พอสิ้นลมทุกอย่างก็สลายไป เพราะฉะนั้น สรรพสิ่งจึงเป็นภาพลักษณ์ชั่วคราวเท่านั้น
การปฏิบัติธรรมต้องไม่ยึดติดในรูป สิ่งที่มีรูปลักษณ์ดำรงอยู่ได้ไม่นาน รูปลักษณ์ใหญ่โตแค่ไหนก็มีระยะกำหนดทั้งนั้น ใจต้องไม่มีให้รูปมาหมุนมาแปรเปลี่ยน สรรพสิ่งอยู่ที่เราเกี่ยวข้องอย่างไร กายนั้นนั่งอยู่แต่ใจไม่ได้นั่ง เปลี่ยนความรู้เป็นปัญญา ให้รู้ว่าจริงแท้หรือมายา ความรู้อันนี้คือความจริง ฝึกฝนทุกๆวันก็จะค่อยๆ ขจัดอนุสัยมีใจเท่านั้นที่เป็นองค์จริง ทิ้งใจก็ไม่มีสิ่งต่างๆ นานๆ ไป ก็จะไม่ถูกรูปหลงเอา
พุทธองค์ตรัสว่า “หากเอารูปมาพบอาตมา เอาเสียงมาวอนอาตมาเป็นคนที่เดินทางผิด ไม่อาจเห็นตถาคตได้”
จิตทุกๆ คนเสมอภาคกันข้างนอกข้างในไม่ยึดติดรูป รูปกายนั้นแตกต่างกันได้แต่ใจนั้นไม่เหมือนกัน การบำเพ็ญธรรมก็คือ การบำเพ็ญจิตไม่แบ่งแยกเพราะรูปและผลประโยชน์ ศรัทธาด้วยบุญกุศลเท่านั้น