หน่ำไหโก่วฮุก
ตรองสงบลุรู้ประภาฉาย สร้างสรรค์หมายพบกลไกจิตปรากฏ
พุทธธรรมไร้เขตส่องมณฑล เผยกมลเห็นตะวันซ่อนแยบยล
การสร้างสรรค์ฟูมฟักใจขบคิดกลไก ล้วนสามารถเข้าถึงการลุรู้ด้วยการตรึกตรองด้วยตนเอง เริ่มแรกก็ต้องสามารถที่จะฟันฝ่าสรรพสิ่งทั้งปวงได้ สร้างสรรค์ชีวิตใหม่ ปรับปรุงการทำงานขจัดความวุ่นวาย แก้ไขปัญหา เป็นการมุ่งสู่เส้นทางสว่างของชีวิตทุกแห่งจะมีการสอดส่องใหม่ปรากฏขึ้น พุทธจิตจะรินไหลเปล่งประกายประภาไสวที่เปรียบมิได้
อย่างสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน ส่วนใหญ่จะขาดแคลนการตรึกตรองจนลุรู้ ทำให้การดำรงชีวิตล้วนถูกผูกมัดแบบตายตัว กดต่ำในทุกระดั้บชั้น ทำให้สูญเสียกลไกชีวิต แสงประภาของจิตตนเผยปรากฏออกมาได้ยาก ทำให้พุทธจิตของเรามืดมัว การปฏิบัติธรรมก็เลยไม่สำเร็จ
แต่ละคนควรจะวางแผนที่จะผลักดันให้ตนเองลุรู้ สักวันหนึ่งเมื่อลุรู้แล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็จะสามารถสร้างสรรค์ใจให้ปรากฏขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาก็ดี ชีวิตครอบครัวหรือธุรกิจก็ดี หรือจะเป็นการปฏิบัติธรรมก็ดี ก็มีความสำคัญเหมือนกัน มิฉะนั้นแล้วก็จะหมดหนทางที่จะได้ชื่นชมความงดงามของชีวิตที่ลุรู้ได้ ตัวอย่างเช่น การศึกษา ส่วนใหญ่ก็จะถูกสอนความรู้ของกลไกที่ตายตัวให้ทำให้ชีวิตนักเรียนที่ต้องการประสบการณ์ที่มีพลังกระฉับกระเฉงเช่นนี้ น้อยนักที่ได้ถูกทอสอบให้ตรึกคิด คือไม่ถูกให้ฝึกคิด ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นการกดทับจิตสร้างสรรค์กับการตรึกตรองอย่างเสรี ของจิตธรรมชาติของนักเรียนไป นักเรียนส่วนใหญ่ก็จะเข้าเรียน เลิกเรียนอย่างเอื่อยเฉื่อย สิ่งที่เรียนไม่รู้ว่าได้เรียนอะไร กับการเติบโตอย่างร่าเริง อย่างการทำงานหรือการพักผ่อนจะให้ตายตัวแข็งทื่อไม่ได้ มิฉะนั้นก็จะทำให้หมดแรงและไร้รสชาติ กลไกชีวิตก็มืดมัว ยิ่งด้วยความเคยชินกับแบบตายตัวแล้ว ก็ยิ่งไม่รู้สึกได้รับความสวยงามน่ารักของการทำงานหรือการพักผ่อน ตลอดจนบางคนกักขังตนเองให้อยู่ในควาามวุ่นวาย ทำให้ไม่มีความเจริญตลอดชีวิต ไม่ได้รับการลุรู้ถึงสภาวะชีวิตแยบยลเลยอันที่จริงแล้วชีวิตครอบครัวควรที่จะอุดมด้วยกลไกแห่งการลุรู้อย่างยิ่ง เพียงแต่ต้องรู้จักการจัดแจง ทำให้ทั้งครอบครัวเกิดการขับเคลื่อน มีหัวเราะยินดี มีอารมณ์ใส่ใจ ให้อภัยเช่นนี้ทุกมุมของบ้านจะเต็มไปด้วยความอบอุ่น ที่น่ากลัวที่สุดของครอบครัวคือการนินทาซึ่งกันและกัน ถือความเห็นของตัว ไม่ยอมเคารพซึ่งกันและกัน ถ้าอย่างนั้นอารมณ์ความห่วงใยของชีวิตในครอบครัวก็จะถูกตัดรอนจนหมด
การปฏิบัติบำเพ็ญธรรม หากไม่สามารถเกิดการตรึกตรองจนลุรู้ได้แล้ว ก็คงต้องค้นหาเอาจากรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เพราะอาจถูกรูปแบบพิธีกรรมผูกมัดเอาก็ได้ จึงไม่มีทางลุรู้ฉับพลันได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วความหวังที่มีก็ยากที่จะเป็นจริง ยากที่จะสำเร็จได้
การตรึกตรองลุรู้ ต้องสามารถเดินออกจากการยึดติดในความเห็นของตน หรือรูปแบบตายตัวได้ ให้ขจัดความคิดเห็นเสีย แล้วก้าวเข้าสู่ชีวิตที่มีชีวิตชีวาของแดนธรรมที่ไร้ขอบเขตจำกัด ที่พูดว่า “พุทธธรรมไร้ขอบเขต” ก็คือการเดินออกจากนิสัยตายตัวที่เคยตัวนั้นเสีย ที่นั่นจะพบสถานที่แยบยลที่ไม่อาจคาดคิดได้
คนมักจะยึดติดในความเห็นของตน ฉะนั้นจึงไม่อาจได้ยิน ถึงข้อเสนอแนะของผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์แห่งตนคนเดียว จึงไม่เห็นความร่ำรวย มัวแต่ห่วงจุดยืนของตนจึงสูญเสียท่าทางอันสง่างามของตนไป การขัดแย้งกับผู้อื่นก็อยู่ที่ความเห็นของตน เป็นอุปสรรคการศึกษาความรู้ด้านสัจจะ คือ ผู้กลืนความโบราณแล้วไม่ย่อย (เอาความรู้มาใช้ไม่เป็น) จุดเฉาของเต๋าคือถูกโคลนของกฏระเบียบเกาะกุมเอาจุดบอดของอารมณ์ ปีติร่าเริงเพราะความโง่เขลายึดติด ที่กล่าวมาทั้งหมด หากสามารถทะลุทะลวงผ่านจนลุรู้ เอาทุกสิ่งทุกอย่างวางลง แล้วไปน้อมรับด้วยท่าทีที่สดใสใหม่ พิจารณาให้ละเอียด มีชีวิตสร้างสรรค์ก็จะสามารถเจริญตามมาได้ ชั่วพริบตาประกายสัมผัสก็จะเกิดความรู้สึกสดใหม่ ยิ่งในชีวิตธรรมดาก็จะเห็นอารมณ์วิสัยที่สวยงาม ในการงานหรือเรื่องราวก็จะรินไหลจิตสร้างสรรค์เป็นภาพลักษณ์ที่สดใหม่พ้นธรรมดา
ที่พูดว่าการตั้งมั่นสร้างสรรค์ขบกลไก คือ การเผยปรากฏลุรู้ชนิดหนึ่ง โดยที่ไม่มีกำหนดหรือกฏเกณฑ์ หากวางเงื่อนไขกฏเกณฑ์ก็ยิ่งจะถูกผูกมัดอยู่ในนั้น ก็ยิ่งไม่สามารถเจริญปัญญาได้ จะต้องเอาวิสัยเคยตัวของตนเองขจัดออกไปหรือวางลงจึงจะสามารถมองเห็นกลไกเกิดได้จะต้องไขเอากุญแจต่าง ๆ ออกหมด จึงจะมีจิตวิญญาณอิสระ และการสร้างสรรค์กลไกต้องผ่านการขยันหมั่นศึกษา ดูดซึมประสบการณ์ของผู้อื่นมาฟูมฟักปัญญาของตนเอง เพราะฉะนั้นเบื้องหลังการสร้างสรรค์กลไกก็จะมีความรู้ที่อุดม หากได้มีการขยันที่ยาวนานกับการตกผลึกของประสบการณ์จนประจักษ์แจ้ง การตรึกตรองลุรู้หาใช่ความรู้ที่มีไว้ตอบคำถาม หากแต่เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ปรากฏขึ้นจากการขบกลไกชนิดหนึ่ง และการสร้างสรรค์ขบกลไก หาใช่การสร้างสรรค์ประสบการณ์องค์ความรู้เฉพาะตนเท่านั้น ยังต้องมีสภาพใจที่ว่างเรียบละมุน เริ่มต้นยิ่งต้องมีใจสร้างสรรค์ที่สดใหม่
อย่างสังคมปัจจุบัน ระรอกคลื่นรุนแรง เต็มไปด้วยความก้าวร้าวอารมณ์ฉุนเฉียว จึงขาดแคลนการตรึกตรองลุรู้ ต้องให้สภาพจิตที่ราบละมุนเป็นตัวกำหนดมาสร้างสรรค์ขบกลไก ยิ่งด้วยสังคมขาดสภาพจิตที่ราบเรียบมาเปิดจิตวิญญาณมารองรับ จึงทำให้สังคมสับสน ส่งผลให้สังคมส่วนรวมสูญรูปลักษณ์ที่สวยงามไป หวังว่าหัวข้อธรรมนี้จะสามารถยกระดับให้ดีขึ้น ร่วมกับสร้างสรรค์ขบกลไกให้ดีที่สุด