ในสมัยราชวงศ์ ซ้ง ท่านอ๋อง เฉิน ทัง เป็นผู้ที่ทรงคุณธรรม ต่อเบื้องบนพระองค์เคารพยำเกรงยึดมั่นในหลักธรรมของฟ้า ต่อเบื้องล่างก็ทรงรักใคร่เมตตาราษฎร ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระองค์กำลังฟื้นฟูทะนุบำรุงบ้านเมือง
วันหนึ่งท่านอ๋องได้ไปตรวจดูความเป็นอยู่ของราษฎร ไม่ว่าพระองค์จะทอดพระเนตรไปทางไหนก็ทรงพบเห็นแต่แหซึ่งชาวบ้านตั้งขึ้นไว้เพื่อดักสัตว์ เจ้าของแหต่างพากันพร่ำอธิษฐานอยู่แต่ว่า “สัตว์ที่อยู่บนฟ้าก็ขอให้บินลงมา สัตว์ที่อยู่บนดินก็ขอให้วิ่งขึ้นมา สัตว์ที่อยู่ข้างล่างก็ขอให้ผุดขึ้นมา ขอให้สัตว์ทั้งหลายเข้ามาอยู่ในแหของข้าพเจ้าด้วยเถิด” ท่านอ๋องได้ยินคำอธิฐานเหล่านั้นแล้ว ก็ทรงรู้สึกสลดหดหู่พระทัยสงสารราษฎรของพระองค์ยิ่งนัก ที่พากันลุ่มหลงก่อบาปเวรกันไม่รู้จักจบสิ้น
ครั้นแล้วท่านอ๋อง เฉิน ทัง ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาจิต จึงเสด็จตรงไปที่แหของชาวบ้านทั้งหลาย ทรงเปิดแหออกทั้ง ๓ ด้านให้เหลือเพียงด้านเดียว แล้วแหงนพระพักตร์ขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมกับกล่าวคำอธิษฐานด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า “สัตว์ที่มาจากบนฟ้าก็ให้บินสู่เบื้องบน สัตว์ที่อยู่บนพื้นดินก็ให้วิ่งออกไป สัตว์ที่อยู่เบื้องล่างก็ให้มุดลงดิน ขอให้สัตว์ที่มีชีวิตทั้งหลายจงหนีไปให้หมดอย่าได้เข้ามาสู่แหของผู้ใดเลย ขอให้แหทั้งหลายเป็นที่อยู่ของสัตว์ที่ตายแล้วเท่านั้นเถิด” ชาวบ้านผู้มาตั้งแหดักสัตว์ได้ยินเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งในความมีพระทัยเมตตาของท่านอ๋องต่างก็เชื่อฟังและเลิกจับสัตว์
แม้กระนั้นท่านอ๋อง เฉิน ทัง ก็ยังทรงวิตกห่วงใยว่าประชาชนมากมายในแผ่นดินที่ยังฝักใฝ่ในการดักจับสัตว์นั้น ยากที่จะเปลี่ยนนิสัยได้ในเวลาอันสั้นพระองค์จึงทรงมีพระราชโองการออกคำสั้งให้ตัดแหออกทั้งสามด้านเหลือไว้เพียงหนึ่งด้านเท่านั้น
ด้วยพระปรีชาญาณอันวิริยะพากเพียรและเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาที่พระองค์ทรงอบรมสั่งสอนให้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นเหตุให้ประชาชนลดการสร้างบาปกรรมลงได้อย่างมากมายมหาศาล ท่านอ๋อง เฉิน ทัง จึงสมกับเป็นผู้นำที่ห่วงใยเมตตารักใคร่เหล่าทวยราษฏร์ของพระองค์อย่างแท้จริง