ลูกกตัญญูกับหมอ"บุญเทียม"

ที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนัน มีนายแพทย์ผู้มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพยกย่องของชาวเมืองทั่วไปท่านหนึ่ง ทุกคนเรียกท่านว่า หมอบุญ หมอบุญเป็นหมอที่เกิดมาเพื่อวิชาชีพที่ช่วยชีวิตคนเจ็บป่วยจริงๆเพราะหมอไม่เคยเห็นแก่เงิน ไม่เคยย่อท้อต่อความเหนื่อยยาก ให้การรักษาคนไข้ด้วยความเอาใจใส่เหมือนกันหมดไม่ว่ายากดีมีจน เป็นที่รู้กันไปทั่วว่า หมอบุญไม่ยอมรับความสะดวกสบายด้วยการนั่งรถรับจ้าง ที่คนไข้ยากจนต้องจ่ายค่ารถให้ไปตรวจรักษาที่บ้าน หมอจะอ้างว่าเป็นฝีที่ก้น นั่งรถกระแทกไม่ได้ แล้วหมอก็จะก้าวฉับๆเดินเท้าไป หากถึงเวลาอาหาร หมอบุญก็ไม่ยอมรับประทานอาหารที่ญาติคนไข้เตรียมไว้ต้อนรับ ซึ่งมากมายไปด้วยหมูเห็ดเป็ดไก่ หมอจะอ้างว่า หมอไม่รับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ จะรับประทานแต่ผักและเต้าหู้เท่านั้น

นานวันเข้าก็เป็นที่รู้กันไปทั่วอีกว่า หมอบุญไม่อยากให้ใครต้องยุ่งยากสิ้นเปลืองเพื่อท่าน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วหมอบุญยังไม่ได้ปวารณาถือมังสวิรัติหรือกินเจ ดังนั้นคนทั้งหลายจึงเรียกหมอบุญว่า "หมอบุญเทียม" ที่เรียกว่า "บุญเทียม" นั้นคือยังไม่ได้ถือเจจริงๆนั่นเอง

เย็นวันหนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางมาจากอำเภอหัวที่อยู่ไกลออกไปมาก  เขามาขอความช่วยเหลือจากหมอขอให้เดินทางไปตรวจรักษาแม่ของเขาที่บ้านด้วย เนื่องจากแม่ป่วยมาเป็นเวลาช้านานแล้ว รักษาอย่างไรก็ไม่ได้ผล ในที่สุด ก็ได้บนบานศาลกล่าวขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์ช่วยให้ได้พบหมอดีที่จะช่วยรักษาแม่ของเขาให้หายด้วยเถิด เมื่อวานนี้ จึงมีผู้แนะนำให้เขาเดินทางมาหาหมอบุญเทียม ซึ่งเป็นหมอที่เชี่ยวชาญสามารถ อีกทั้งเปี่ยมด้วยเมตตาคุณธรรม ชายหนุ่มผู้นั้นแซ่เฉิน เป็นลูกกตัญญูที่ชาวอำเภอหัวกล่าวขวัญไปทั่ว เมื่อหนุ่มเฉิน เหยียบย่างเข้ามาในบ้านของหมอบุญเทียมเขาก็ยอมรับประทับใจในคำชื่นชมที่บ้านมีต่อหมออย่างจรังจัง เขาได้เห็นความเรียบง่ายสมถะ และความเมตตาจริงใจของหมอด้วยสายตาของเขาเอง หมอบุญเทียมรับปากว่า พรุ่งนี้จะออกเดินทางไปอำเภอหัวตั้งแต่เช้า พร้อมกับชายหนุ่มเฉิน ซึ่งการเดินทางไปอำเภอหัว จะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปอำเภอหลิ่วหยัง ทั้งทุลักทุเลและฝ่าอันตราย แต่เพื่อช่วยชีวิตคนไข้หมอบุญเทียมก็ไม่ปฏิเสธที่จะไป ที่ท่าข้ามแม่น้ำหลิ่วหยังไปยังฟากตรงข้ามซึ่งเป็นอำเภอหัว และอำเภออื่นอีกมาก แม้จะเป็นท่าข้ามที่มีความสำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง แต่ภาชนะที่ใช้ข้ามฟากยังเป็นเรือยนต์เล็กๆ

ก่อนหน้าที่หมอบุญเทียมจะเดินทางไปอำเภอหัวคืนนั้นนายท่าเรือหลิ่วหยังฝันไปว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (พระโพธิสัตว์กวนอิม) ได้เสด็จลงมากำชับเขาว่า

"พรุ่งนี้ เรือเที่ยวแรกที่จะข้ามแม่น้ำไปที่อำเภอหัวจะมีหมอบุญเทียมมาร่วมลงเรือไปด้วย เจ้าจงหาทางยับยั้งไว้อย่าให้เขาลงเรือไป หากไม่ปฏิบัติตามเจ้าจะได้รับโทษ"

นายท่าเรือตกใจตื่น แต่คิดว่าเป็นความฝันเรื่อยเปื่อยจึงไม่ได้ใส่ใจ แล้วก็เคลิ้มหลับต่อไป คราวนี้เขาฝันเห็นเทพเจ้าผู้ตรวจการแม่น้ำ พระองค์สั่งสำทับเขาว่า

"อย่าลืมนะพรุ่งนี้ให้ยับยั้งหมอบุญเทียมไว้ หากเจ้าปล่อยให้เขาลงเรือข้ามฟากไป เจ้าจะโดนไม้พลองนี้จนตาย"

นายท่าเรือตกใจตื่นขึ้นอีก คราวนี้เขาชักไม่สบายใจกับความฝันนั้น แต่เนื่องด้วยยังเป็นเวลาเช้ามืดมาก  ด้วยความง่วง นายท่าเรือจึงเคลิ้มหลับต่อไปอีก พอหลับได้ไม่นาน เขาก็ฝันเห็นพ่อปู่เจ้าที่ท่านมาเตือนย้ำเขาว่า

"นายท่า จำไว้ให้ดีนะ ที่พระโพธิสัตว์กวนอิมและเทพเจ้าผู้ตรวจการแม่น้ำกำชับไว้  อย่าให้หมอบุญเทียมลงเรือข้ามฟากเป็นอันขาด มิฉะนั้นข้าจะไม่อภัยให้เจ้าแน่ๆ"

นายท่าเรือตื่นขึ้นครั้งนี้ เขานอนไม่หลับอีกต่อไปลุกขึ้นนั่งใจจดใจจ่อแต่คนที่ชื่อหมอบุญเทียมอยู่จนกระทั่งฟ้าสาง นายท่าเรือไม่กล้าคิดว่า ความฝันที่ย้ำเตือนถึงสามครั้งสามคราเมื่อคืนนี้จะเป็นเรื่องไร้สาระอีกต่อไป เขาสั่งลูกน้องทุกคนให้สอดส่องตรวจตราให้ถี่ถ้วน

เขาประกาศว่า "มิให้หมอบุญเทียมลงเรือข้ามฟากเที่ยวเช้านี้เป็นอันขาด"

ฝ่ายหมอบุญเทียมและหนุ่มเฉินลูกกตัญญู เดินทางมาถึงท่าข้ามแต่เช้า ยังไม่ได้เวลาที่เรือเที่ยวแรกจะออกจากท่าจึงพากันแวะเข้าไปรับประทานอาหาร ในร้านขายอาหารแถวนั้น หนุ่มเฉินจะสั่งหมูย่างไก่ย่างมาเลี้ยง หมอบุญเทียมรีบห้ามไว้ทันที แล้วบอกว่า

"หมอกินได้แต้ผักและเต้าหู้ ไม่กินเนื้อสัตว์"

หนุ่มเฉินได้ฟังก็หัวเราะและพูดว่า "หมอโปรดอย่าได้เกรงใจ อาหารเท่านี้ไม่ได้ทำให้ผมสิ้นเปลืองสักเท่าไหร่เลย  ผมทราบมาว่าหมอไม่ได้ถือเจอย่างจริงจัง ขอประทานโทษ ผมทราบว่าด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเรียกหมอว่า "หมอบุญเทียม"

คำสนทนาระหว่างหมอกับหนุ่มเฉิน ไม่ได้รอดพ้นจากการสอดส่องตรวจตราของเจ้าหน้าที่การท่าเรือไปได้เลย  คนที่ได้ยินคำสนทนานี้รีบไปรายงานนายท่าเรือทันทีว่า

"ผมพบหมอบุญเทียมแล้ว ผมพบแล้ว"

"ถ้าเช่นนั้นรีบคุมตัวไว้ แล้วให้เรือเที่ยวเช้าออกจากท่าทันที"

นายท่าสั่งการโดยด่วน หนุ่มเฉินและหมอไม่เข้าใจเลยว่า ตนมีความผิดอะไรจึงต้องถูกกักกันไว้ไม่ให้ลงเรือลำนี้  หนุ่มเฉินร้องไห้โฮ เขาคุกเข่าลงอ้อนวอนนายท่าขอให้เขาได้พาหมอข้ามไปรักษาแม่ของเขาโดยเร็วที่สุดเถิด แต่ถึงอย่างไรนายท่าก็ไม่ยอมอนุญาติ ดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่คำสั่งห้ามที่อธิบายไม่ได้ของนายท่า ก็มิไดทำให้ทุกฝ่ายสงสัยอยู่นานนัก เพราะเมื่อเรือยนต์ลำนั้น แล่นไปไม่ถึงกลางแม่น้ำพลันก็เกิดลมพายุใหญ่โดยปัจจุบัน พัดเรือยนต์ลำนั้นพลิกคว่ำลงกลางแม่น้ำทันที ผู้โดยสารทุกคนจมหายลงไปกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว เขาเหล่านั้นทำกรรมมาในระดับเดียวกัน คนดีมีคุณธรรมเสมอ มักจะอยู่ในสายตาของเทพยดาฟ้าดินทั้งสิ้น สิ่งศักดิ่สิทธ์ทั้งหลาย พระองค์จะทรงห่วงใย ไม่อาจปล่อยให้ต้องจับพลัดจับผลูปะปนเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่มีกรรมหนักได้ จึงได้พยายามทุกวิถีทางที่จะพยายามรักษาชีวิตของเค้าไว้ให้เป็นประโยชน์ และเป็นแบบอย่างอันดีงามแก่คนทั้งหลายต่อไป เฉกเช่นหมอบุญเทียมและหนุ่มเฉินลูกกตัญญู  เมตตาโดยท่านอาจารย์ ฟังเตี่ยนฉวนซือ


0
319

ครั้งที่ 24 ตอน ท่องแดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย

1654918052.jpg
mindcyber
3 weeks ago

นรกขุมที่เจ็ด

ยมบาลอ๋องไท้ซัว

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
video

พระกษิติครรภ์มูลปณิธานสูตร อานิสงส์ของการได้เห็นและได้ยิน Th...

admin
mindcyber
1 year ago
พระอมิตพุทธเจ้า

พระอมิตพุทธเจ้า

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ครั้งที่ 51 ตอน พบปะกับเผ่งเต้งอ๊วง

1654918052.jpg
mindcyber
3 weeks ago